ทั่วทั้งโลกร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล แล้วหันมาใช้บริการขนส่งมวลชน หรือขี่จักรยานแทน เพื่อประหยัดพลังงาน โดยกำหนดให้วันที่ 22 กันยายนของทุกปีเป็นวันปลอดรถ หรือ Car Free Day มีจุดเริ่มต้นที่มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1958 จนทุกวันนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก สำหรับประเทศไทยกำหนดให้มีวันปลอดรถ เมื่อปี 2000 โดยจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปริมาณรถยนต์ในท้องถนน และแก้ปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัด
ถ้าพูดถึงบรรดาราชวงศ์โลก ก็มีหลายราชวงศ์ที่เป็นต้นแบบของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์อังกฤษ, ราชวงศ์เบลเยียม, ราชวงศ์เนเธอร์แลนด์, ราชวงศ์เดนมาร์ก และราชวงศ์สวีเดน สำหรับพระราชวงศ์ไทยยุคปัจจุบัน ได้รับการปลูกฝังพระจริยวัตรแห่งความพอเพียงและความใส่ใจในการออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพพลานามัยจากรุ่นสู่รุ่น โดย “สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” สมเด็จย่าของปวงชนชาวไทย ทรงสอนพระโอรสพระธิดาให้ทรงใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างสามัญชน ทั้งความสนุกสนานจากการทรงเล่นตามวัย และการปลูกฝังความรู้ความเข้าใจในการดำรงชีวิต ทรงเน้นย้ำมากว่าต้องเป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อตนเอง มัธยัสถ์อดออม ใฝ่หาความรู้ รู้จักแบ่งปัน และช่วยเหลือผู้อื่น
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงอภิบาลดูแลพระธิดาพระโอรสด้วยพระองค์เองมาตลอด ทรงปลูกฝังสั่งสอนทั้งเรื่องความประพฤติ การปฏิบัติพระองค์ และการศึกษาเล่าเรียน นอกจากนี้ยังเน้นเรื่องสุขภาพอนามัย และการอบรมให้อยู่ในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ทุกพระองค์ต้องปฏิบัติพระกิจวัตรทุกอย่างเป็นเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเสวยอาหารตามหลักโภชนาการ การบรรทม การเล่น อีกทั้งทรงระมัดระวังยิ่งที่จะไม่ให้พระธิดาพระโอรสทรงข่มเหงหรือวางอำนาจเหนือผู้อื่น
...
ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงมีพระราชจริยวัตรที่พอเพียงมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยตัวอย่างเฉพาะเรื่องความมัธยัสถ์ที่เห็นได้ชัดคือ จะไม่ทรงซื้อของเล่นที่มีราคาสูงกว่าทรัพย์ที่มี ทรงอดออมเก็บเงินที่เหลือจากค่าขนมเพื่อนำไปซื้อของเล่นที่มีพระราชประสงค์ เสวยแยมที่ทำเองจากผลไม้ และทรงจักรยานไปโรงเรียนแทนการเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งเสมอ นอกจากนี้ ยังทรงเห็นความสำคัญของส่วนรวม อันเป็นเข็มทิศนำทางในการดำเนินพระราชภารกิจยามเจริญพระชันษา ยามปฏิบัติพระราชภารกิจ สิ่งที่ติดพระองค์ตลอดเวลาคือ ดินสอ, กล้องถ่ายรูป, แผนที่ และวิทยุสื่อสาร อุปกรณ์เหล่านี้เป็นเครื่องมือในการทรงงานที่เปี่ยมด้วย
ประสิทธิภาพ แต่ราคาไม่แพง ทรงใช้ดินสอเพราะสามารถลบคำที่เขียนผิดออกได้ง่าย ไม่เปลืองกระดาษเหมือนใช้ปากกา ทรงเหลาดินสอไม้ด้วยพระองค์เอง และเหน็บไว้ที่กระเป๋าฉลอง พระองค์เดือนละหนึ่งแท่งใช้จนกุดสั้น ทรงถ่ายรูปจนสุดม้วนฟิล์ม แม้ในยามน้ำมันมีราคาสูงก็ทรงเลือกยานพาหนะที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล และโปรดการทรงจักรยานตั้งแต่เยาว์วัย แต่ไหนแต่ไรมาจะทรงเลือกฉลองพระองค์และฉลองพระบาทเรียบง่ายราคาไม่แพง ไม่โปรดการตัดฉลองพระองค์ใหม่อย่างฟุ่มเฟือย ฉลองพระองค์แต่ละองค์จะทรงใช้งานนานถึง 5-6 ปี ส่วนฉลองพระบาทที่ชำรุดทรงส่งซ่อมแซมและทรงใช้ได้อีกนานเป็น 10 ปี ทรงใช้แปรงสีพระทนต์รีดหลอดยาสีฟันจนแบนเรียบ
นอกจากการยึดมั่นในความพอเพียงตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว การปลูกฝังให้พระราชโอรสพระราชธิดามีอนามัยที่ดี และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นสิ่งที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเน้นย้ำเสมอ ดังที่ สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าเรื่องความสำคัญของการออกกำลังกาย ไว้ในบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “กีฬาเป็นยาวิเศษ” ในหนังสือ “ออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ” ความตอนหนึ่งว่า
“จำได้ว่าตั้งแต่เล็กๆ ทูลหม่อมพ่อสมเด็จแม่ทรงเลี้ยงดูให้มีอนามัยดี ให้รับประทานอาหารถูกหลักโภชนาการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนพักผ่อนให้พอ ทุกวันเราต้องเดินไปโรงเรียนและเดินกลับจากโรงเรียน เมื่อกลับมาพักผ่อนตามสมควรแล้ว ต้องลงไปเล่นกลางแจ้ง จนค่ำขึ้นมารับประทานอาหารเย็น แล้วนอน ไม่เคยได้ดูโทรทัศน์ นอกจากบ่ายวันเสาร์วันอาทิตย์ แต่เวลาเย็นก็ต้องไปตากอากาศ ออกกำลัง รับประทาน และนอนเหมือนทุกวัน...เมื่อโตขึ้นต้องหัดพละ และเล่นกีฬาที่โรงเรียนเหมือนเพื่อนๆทุกคน ข้าพเจ้ายังต้องเรียนบัลเลต์ด้วย ท่านทั้งหลายอาจจะนึกภาพข้าพเจ้าเต้นบัลเลต์ไม่ออก ข้าพเจ้างงเหมือนกันว่าเดินเข้าไปได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม บัลเลต์ช่วยให้ข้าพเจ้ารู้จักดัดแข้งดัดขาออกกำลังตีลังกาแบบต่างๆเหมือนกับเด็กรุ่นหลังเรียนวิชายืดหยุ่น...ตอนที่ขึ้นชั้นประถมตอนหยุดเทอม ครูสำเริง ไชยยงค์ สอนให้เล่นกีฬาต่างๆ เต้นเข้าจังหวะเพลง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน ข้าพเจ้าเป็นคนไม่อยู่นิ่ง ออกแรงตลอดเวลา ถ้าเกิดเป็นเด็กสมัยนี้เขาจะหาว่าเป็นเด็กไฮเปอร์แอ็กทีฟ ต้องหาหมอปรับพฤติกรรม ข้าพเจ้าชอบเล่นกับพี่ๆ จึงเล่นอะไรเป็นหลายอย่างได้เร็ว ตอนหลังจึงเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน เมื่อเพื่อนโตเกินเล่น ก็เล่นกับรุ่นน้อง ตอนที่มีเอเชียนเกมส์ยิ่งเล่นกีฬามากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น คุณปรีดา จุลละมณฑล แข่งจักรยาน พวกเรารู้สึกชื่นชมจึงถีบจักรยานขนานใหญ่ เรียกการขี่จักรยานว่า เล่นปรีดาเอาจนหอบ หายใจไม่ทันไปหลายครั้ง...วิธีออกกำลังกายอีกอย่างหนึ่งคือ การรำไทย ข้าพเจ้ามีโอกาสรำประมาณสัปดาห์ละครั้ง ใครๆอย่าดูถูกว่ารำไทยเชื่องช้า ช้าจริง แต่ต้องเกร็งตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า รำเพลงช้าเพลงเร็วแบบครบถ้วนก็แย่เหมือนกัน ขณะนี้ผู้สูงอายุนิยมออกกำลังกายด้วยการเต้นรำ เดี๋ยวนี้นับเต้นรำเป็นกีฬา เพราะทำให้ได้ออกกำลังกาย...”
...
สำหรับ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม มกุฎราชกุมาร โปรดการออกกำลังกายมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนเป็นที่เลื่องลือ โดยล่าสุด ทรงลุกขึ้นเป็นโต้โผรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยหันมาออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยาน อันเป็นที่มาของการริเริ่มกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ “Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 83 พรรษา ในวันอาทิตย์ที่ 16 ส.ค.2558
ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฝ่ายจัดงานกิจกรรมพิเศษ Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ “หมอหยอง-สุริยัน สุจริตพลวงศ์” บอกเล่าว่า สมเด็จพระบรมฯทรงได้รับการปลูกฝังให้ออกกำลังกายตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดการวิ่งและทรงกีฬาเรือใบ ขณะที่สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสอนว่าการออกกำลังกายเป็นกำไรชีวิต “สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง” แม้ว่ามีเงินมากมายก็ซื้อไม่ได้ หากอยากมีชีวิตยืนยาวต้องออกกำลังกายดูแลสุขภาพ เมื่อสมเด็จพระบรมฯทรงรับราชการทหาร ยิ่งทำให้โปรดออกกำลังกายมากขึ้น จนเป็นพระราชอุปนิสัยติดตัว หากว่างเว้นจากพระราชกรณียกิจไม่มีหมายสำคัญใด พระองค์จะทรงให้เวลากับการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 1-2 ชั่วโมง โดยโปรดการวิ่ง และเข้าฟิตเนสส่วนพระองค์ ขณะเดียวกัน ก็ทรงปลูกฝังพระโอรสพระธิดาให้ใส่ใจในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย โดยทรงมีรับสั่งว่า ต้องออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง จะได้ทำงานถวายเพื่อแผ่นดินได้ดี แม้ว่าจะมีพระชนมายุเลย 60 พรรษาแล้ว ก็ยังโปรดการออกกำลังกายไม่เคยขาด อันเป็นที่มาของพระวรกายที่งามสง่าชวนหลงใหล
สำหรับกิจกรรมการขี่จักรยาน “หมอหยอง” บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า สมเด็จพระบรมฯโปรดการทรงจักรยานมาตั้งแต่เยาว์วัย ตามที่เคยมีการเผยแพร่พระฉายาลักษณ์ขณะทรงจักรยานในหลายอิริยาบถ โดยจักรยานส่วนพระองค์ทุกคันจะทรงเลือกจัดหาซื้อด้วยพระองค์เองทั้งหมด และเมื่อปี 2552 สมเด็จพระบรมฯเริ่มหันมาใส่พระทัยในการปั่นจักรยานอีกครั้ง เนื่องจากการปั่นจักรยานสอดคล้องกับพระราชกรณียกิจที่ต้องเสด็จฯไปยังพื้นที่ต่างๆเพื่อทรงงาน ขณะเดียวกัน ก็มักจะปั่นจักรยานในพระราชฐานส่วนพระองค์ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย ภายหลังจึงปั่นจักรยานเป็นกิจวัตรประจำวันบ่อยขึ้น โดยนำข้าราชบริพารร่วมขบวนปั่นจักรยานไปตามเส้นทางต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันทรงปั่นจักรยานออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 10-20 กม. ด้วยจักรยานส่วนพระองค์ 2 คัน แต่ละคันทรงซ้อมปั่นมาแล้วไม่ ต่ำกว่า 5,000 กม. โดยเฉพาะในช่วงจัดกิจกรรม Bike for Mom ปั่นเพื่อแม่ พระองค์ทรงซ้อมปั่นจักรยานอย่างจริงจังทุกวัน ด้วยทรงมีพระปณิธานแน่วแน่ว่าจะต้องทำกิจกรรมนี้ให้ดีที่สุด เพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 12 สิงหาคมนี้ และเป็นการรวมใจคนไทย เพื่อแสดงให้ชาวโลกเห็นถึงพลังความรักสามัคคีของคนไทย.
...
ทีมข่าวหน้าสตรี