ทุกคนคงฝันว่าทำมาหากินอะไรจะได้รวยเป็นเศรษฐี หรือลงทุนอะไรดีที่จะทำให้รวยอย่างเศรษฐี ซึ่งโลกปัจจุบันการสื่อสารที่เชื่อมต่อกัน ทำให้โลกแคบลง เราสามารถสั่งซื้อสั่งขายผ่านทางอินเตอร์เน็ต การสร้างตัวในยุคนี้เลยไม่จำกัดเฉพาะรูปแบบเดิมๆ และสามารถเป็นเศรษฐีข้ามพรมแดนได้เลย

เพื่อสร้างโอกาสให้เศรษฐีไทยประเภทเงินเย็นแช่แข็ง SCB PRIVATE BANKING และสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย มองเห็นช่องทางการลงทุน จึงเป็นตัวกลางแมตชิ่งชักชวนเศรษฐีไทย มาร่วมเปิดมุมมองการลงทุนรูปแบบใหม่ ในงาน “The Wealth Report 2015 & Luxury Property Investment” โดยมี บริษัท ไนท์แฟรงค์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกสัญชาติอังกฤษ ร่วมป้อนข้อมูลเทรนด์ของการลงทุนของมหาเศรษฐีโลก

การต่อยอดหรือการสร้างความมั่งคั่งของเศรษฐี หัวใจหลักยังคงใช้กฎเหล็กที่ว่า “ไข่ห้ามอยู่ในตะกร้าเดียวกัน” ถ้าตะกร้าตกก็จบหมดม้วนเสื่อได้เลย เอามาใช้กับการใช้เงินอย่างปราดเปรื่องได้ด้วย จึงควรลงทุนหลายทาง กระจายความเสี่ยง ส่วนใครที่เป็นเศรษฐีเงินออม ต้องรู้จักเอาเงินมาต่อเงิน ซึ่งรูปแบบการต่อยอดเงินให้งอกเงย ยุคนี้ก็ไม่ได้กระจุกอยู่แค่หุ้น, พันธบัตร, กองทุน, ทอง, ที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ ในประเทศเท่านั้น แต่สามารถมองไกลเป็นเศรษฐีข้ามพรมแดน เช่น การมีบ้านหลังที่สองในต่างแดน ปักหมุดไปที่มหานครดังๆ อย่าง ลอนดอน, นิวยอร์ก, สิงคโปร์ และฮ่องกง ก็ เป็นการสร้างความมั่งคั่งอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สร้างผลตอบแทนระยะยาวได้อย่างดี

...

นอกจากนี้ การต่อยอดทางการเงินไม่ได้มีเพียงอิฐ หิน ดินปูน ที่จับต้องได้ การลงทุนในความชอบต่างๆ หรือสิ่งที่สร้างความสุขทางใจ อย่างเช่น งานศิลปะ, ไวน์, รถยนต์คลาสสิก, เครื่องเพชร รวมทั้งสินค้าแบรนด์เนมไฮเอนด์ ก็เป็นทางเลือกใหม่ของการลงทุนยุคนี้ หรือที่เรียกว่า “Alternative Investment” สามารถต่อยอดความมั่งคั่งเช่นกัน

กระนั้น ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ถ้าใครอยากเสี่ยงดวงรวยเปรี้ยงเป็นเศรษฐี “ลลิตภัทร ธรณวิกรัย” กูรูด้านการเงินเอสซีบี ไพรเวทแบงกิ้ง ให้ข้อคิดว่า จุดตั้งต้นของการลงทุนอยู่ที่ว่า วันนี้เรารับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน เพราะทุกการลงทุนมีความละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการเลือกลงทุน Pleasure Investment อย่างภาพศิลปะและไวน์ เราต้องศึกษาดูให้ดี เพราะอะไรก็เกิดได้ทุกอย่าง ที่สำคัญต้องมีที่ปรึกษาที่ดี

ส่วนแนวคิดการสะสมสินทรัพย์ของเศรษฐีไทย ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ก็ได้รับการเผยเคล็ดลับน่าสนใจโดย 4 นักลงทุนไฟแรง “ศุภโชค อังคสุวรรณศิริ” เจ้าพ่อด้านอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของหอศิลป์ “ศุภโชค อาร์ต แอนด์ คอลเลคชั่น” ผู้สะสมงานศิลป์กว่า 30 ปี, “วรจรรย์ เที่ยงธรรม” ผู้บริหาร โรงแรมเดอะลาภา หัวหิน และสองนักธุรกิจรุ่นใหม่ไอเดียเด็ด “คุณายุทธ เดชอุดม” กับ “ชวิน ตั้งคารวคุณ”

หลักการลงทุนแบบข้ามพรมแดนของ “ศุภโชค” จะต้องมาจากความสนใจและความถนัด เขาเล่าว่า ผมทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า อาคาร และที่ดิน เลยสนใจด้านนี้ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศก็มีบ้าง เคยซื้อที่นิวซีแลนด์ อันนี้มีคนแนะนำ แต่พอราคาที่ดินขึ้นก็ขายไป แล้วก็เคยซื้อแฟลตที่ลอนดอน 3 ห้องนอน ไม่ได้คิดเก็งกำไรแต่เป็นเพราะลูกๆไปเรียนหนังสือ พอลูกๆเรียนจบกลับเมืองไทย ผมก็ขายทิ้ง ยังเสียดายอยู่เลย เพราะนับวันราคาห้องก็แพงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เลยสนใจจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ลอนดอนอีก ผมมองหาห้องไซส์เล็กลงมาหน่อยเพื่อให้เช่า อีกอย่างการลงทุนก็ต้องมีที่ปรึกษาที่ดี โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศ อย่างถ้าจะเลือกซื้อแฟลตที่ลอนดอน ก็ต้องซื้อในโซนที่เจริญแล้ว ไม่รอให้เจริญ เพราะเราไม่ใช่คนท้องถิ่นจะได้รู้ว่าถิ่นไหนกำลังมา ดังนั้นอาจต้องยอมซื้อที่ทำเลดีราคาสูง ซึ่งรับประกันว่าราคาไม่มีถอยลง มีแต่ราคาเพิ่มขึ้น
ด้าน “วรจรรย์” ซึ่งบ้านมีธุรกิจโรงแรมอยู่ในอังกฤษ ก็มองเห็นลู่ทางการต่อยอดว่า ตอนนี้กำลังมองหาแฟลต หรือตึก ที่ลอนดอน คือสนใจทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ถนัดแบบนี้มากกว่าอย่างอื่น โดยการตัดสินใจลงทุนจะต้องดูทำเล เน้นใจกลางเมืองไปมาสะดวก และเลือกเมืองที่เป็นศูนย์กลางความเจริญไม่ว่าจะเป็นที่ลอนดอน หรือเมืองใหญ่อื่นๆ อย่าง เบอร์มิงแฮม, แมนเชสเตอร์ และสกอตแลนด์ ส่วนประเทศอื่นๆก็อาจจะดูตามเทรนด์ อย่างที่เยอรมนี ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนสนใจ ทั้งๆที่เยอรมนีกำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ฟื้นฟูดูแลสุขภาพ สเต็มเซลล์อะไรแบบนี้ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการเลือกลงทุน

...

สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรง “คุณายุทธ” กำลังมองหาการลงทุนใหม่ๆเช่นกัน โดยเขาบอกเล่าว่า การลงทุนด้านเรียลเอสเตทน่าสนใจอย่างยิ่ง แต่ถ้าจะเลือกก็ต้องมีข้อมูลที่เพียงพอ และมีความสนใจศึกษา ยิ่งถ้ามีประสบการณ์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จะทำยิ่งดีที่สุด อย่างผมเคยเรียนที่ลอนดอน จึงมองเห็นความน่าจะเป็นและความเป็นไปได้ในการลงทุนที่ลอนดอน แต่ก็ยังสนใจเมืองใหญ่ๆอีกหลายประเทศลองถามเคล็ดลับการลงทุนสไตล์คนรุ่นใหม่จาก “ชวิน” ได้คำตอบว่า แน่นอนการลงทุนอะไร ก็ต้องดูโอกาสของผลตอบแทน เลือกลงทุนอะไรที่ราคาหล่นไม่เยอะ ถ้ามีโอกาสก็อยากลงทุนที่อังกฤษ เพราะเคยเรียนอยู่ที่นั่น ตอนเรียนก็เช่าบ้านอยู่ เลยรู้ว่าค่าเช่าแพงมาก ทำให้คิดอยากมองหาการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ลอนดอน หรือที่ยุโรป เพราะตลาดโตขึ้นตลอด

...

นอกจากการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์แล้ว การสร้างความมั่งคั่งยังทำได้อีกหลายทางผ่านการสะสมสิ่งที่รักและชอบ โดย “ศุภโชค” เปิดเผยว่า ถ้าเป็นในส่วนของการสะสม ผมเริ่มต้นจากความชอบ ไม่ใช่เริ่มต้นจากการมองหากำไร หรือซื้อเพราะมูลค่าเพิ่ม ผมสะสมงานศิลปะมากกว่า 30 ปี มีทั้งศิลปินไทยและศิลปินต่างประเทศ ที่ไปประมูลมาได้บ้าง แล้วก็มีเฟอร์นิเจอร์จากพม่าและจีน รวมทั้งเครื่องเงินเครื่องทอง มีรถคลาสสิกบ้าง สะสมเพราะชอบ ไม่ได้หวังเก็งกำไรขาย ของที่สะสมมายังไม่เคยขายแม้แต่ชิ้นเดียว ผมมองว่าของดีๆของเรา ถ้าเราไม่ช่วยกันเก็บสะสม ต่างชาติก็จะเอาไปหมด ดังนั้นการสะสมของที่ชอบ ต้องเลือกงานที่เรารู้สึกมีความสุขเวลาหยิบขึ้นมาดู เพราะนั่นจะทำให้เรารู้สึกสนุกและไม่เครียดเวลาลงทุน เอาราคาที่เหมาะสม ไม่ทุ่มมาก แต่งานสะสมพวกนี้ในเมืองไทยยังอยู่เฉพาะกลุ่ม ไม่กว้างขวางอย่างตลาดต่างประเทศ ทั้งอังกฤษ อเมริกา และญี่ปุ่น เพราะพวกนี้เขาอยู่ในสายเลือดที่โตมากับเรื่องกีฬา ศิลปะ และดนตรี ดังนั้นพื้นฐานของนักสะสมที่ดี คงต้องหาซื้อในสิ่งที่ตัวเองชอบ หากซื้อเพราะไม่ชอบ เราก็ไม่ชื่นชม การได้ชื่นชมได้หยุดดูหรือลูบสัมผัส ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่คุ้มจะลงทุน ส่วนไวน์หรืออย่างอื่น ผมไม่ถนัดเลยครับ

ขณะที่ “วรจรรย์” กล่าวเสริมว่า ถ้าจะเลือกสิ่งสะสมให้มีมูลค่าเพิ่ม ก็ควรเลือกในสิ่งที่เราเอ็นจอย อย่างในวัฒนธรรมยุโรป ไวน์เป็นของมีค่า บางคนสะสมและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ แต่ต้องมีความรู้และต้องเสี่ยง เพราะอาจเปิดมาแล้วเสียได้ ของสะสมนี้ต้องเลือกจากความชอบ ถ้าให้ตัวเองเลือกก็เลือกงานศิลปะ เพราะชอบมากกว่าอย่างอื่น อีกทั้งในเมืองไทยคนเริ่มสนใจมากขึ้น
ยุคนี้เงินไม่ได้อยู่ในอากาศ อยากรวยก็ต้องมีกึ๋น รู้จักทำเงินต่อเงินเสริมความมั่งคั่ง.

...


ทีมข่าวหน้าสตรี