เห็นช่วงนี้ใครๆ ก็ไปนั่งชิลเอาต์กันที่ร้านกาแฟสดในยามว่าง เหมือนเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ นอกจากจะได้นั่งละเลียดกับกาแฟแก้วโปรดแล้ว เชื่อว่าหลายคนชอบก็เพราะบรรยากาศที่ชวนผ่อนคลายสบายอารมณ์ในทุกครั้งที่ไป แต่จะยิ่งฟินมากขึ้นกว่าเดิมมั้ย? ถ้าร้านถัดไปของคุณ(สาวๆ) เป็นร้านที่มีบาริสต้าหล่อล่ำมาคอยชงกาแฟเสิร์ฟ 24 ชั่วโมง (อ่านเพิ่ม : น่ายกซด! สาวๆเตรียมนิ้วไว้กดไลค์รัวๆ บาริสต้าหล่อบอกต่อด้วย!)

ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในวงการของเหล่ากาแฟเลิฟเวอร์ก็ได้มีการพูดถึงร้านกาแฟร้านหนึ่งอย่างหนาหู ซึ่งร้านกาแฟแห่งใหม่นี้มีการการันตีจากสาวๆ ที่ได้ไป 'โดน' มาแล้วว่า 'ฟินเวอร์' จริงๆ กับร้าน Ten Thirty Cafe เรียกว่าร้านนี้กำลังเป็นกระแสโด่งดังจนสั่นสะเทือนโลกโซเชียลมีเดียเลยทีเดียว เพราะที่นี่มีบาริสต้าโมเดลที่หล่อ ล่ำ ตี๋ ขยี้ใจสาวๆ ให้ละลายไปกับเสน่ห์ที่แสนจะดึงดูดใจ มาคอยชงกาแฟและพบปะพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ทำให้การดื่มกาแฟไม่ใช่แค่ได้ผ่อนคลายไปกับเครื่องดื่มรสกลมกล่อม แต่เป็นอะไรที่สนุกไปกับเพื่อนใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

อย่ารอช้า วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปสาวๆ ไปสนอง need เอ๊ย! พาไปทำความรู้จักกับหนุ่มหล่อนักชงกาแฟเหล่านี้กันว่า นอกจากความหล่อแล้ว ฝีมือการเป็นบาริสต้าจะดีเหมือนหน้าตาหรือเปล่า

...

ต่อไปนี้คือบทสัมภาษณ์ของเหล่าบาริสต้าหล่อมาดแมนแอนด์แฮนซัม ที่จะมาแนะนำตัวเองให้คุณรู้จักพวกเขามากขึ้น แต่ก่อนอื่นไปทำความรู้จักกับร้านนี้กันอีกสักนิดกับหนุ่มขาวตี๋อย่าง ณุ ภาณุพัทธ์ นวลมณี ตัวแทนบาริสต้ามาเล่าถึงที่มาที่ไปของร้านให้รู้จักกันก่อน

Q : ช่วยเล่าที่มาของร้านและการรวมตัวกันของบาริสต้าโมเดลให้ฟังหน่อยค่ะ

ณุ : ร้านของเราเพิ่งเปิดมาได้ 3-4 เดือนครับ จริงๆ บาริสต้าโมเดลทุกคนเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน บวกกับเรามีความชอบในกาแฟ ก็เลยทำให้มารวมตัวกัน แต่ละคน ก็มาจากต่างอาชีพ ต่างสไตล์กัน เรียกว่าอยู่ในวงการบันเทิงนี่แหละ ก็มีนายแบบ พิธีกร นักร้อง นักแสดง คือเรามีอาชีพหลักของตัวเองอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เรามารวมตัวคือ เราชื่นชอบกาแฟเหมือนๆ กันตั้งแต่แรก

เราเจอกันตามงานอีเวนท์ก็เลยสนิทกัน วันหนึ่งก็มาคุยกันว่า เห้ย มาทำอะไรร่วมกันมั้ย โดยที่เรามีเพื่อนนายแบบคนหนึ่งที่เคยเดินแบบด้วยกันนานแล้วแหละ ชื่อ มารีออน เป็นหนึ่งในบาริสต้าของร้านเรา ก็คือเขามีวิชาการชงกาแฟติดตัวมา เคยไปร่ำเรียนเป็นบาริสต้ามาก่อน ตอนนี้เขาก็กลายเป็นครูมาสอนพวกเราด้วย เราก็เหมือนเรียนกับเพื่อนเนี่ยแหละ พอมีคนสอนชงกาแฟได้ เราก็คิดว่า เออ เราน่าจะมาเปิดร้านกาแฟกันดีกว่า ก็โชคดีที่มีพี่นุ้ย เจ้าของร้าน เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการลงทุนทำร้าน ทำให้ในที่สุด ร้านนี้ได้เปิดตัวช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

Q : ได้ยินมาว่าร้านนี้เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง?

ณุ : เราอยากให้มันเป็นสถานที่ชิลเอาต์เวลาไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเช้า กลางวัน เย็น ค่ำ ดึก คุณก็สามารถเข้ามาได้ อย่างตอนเช้าก็สามารถมาทานอาหารเช้าก่อนไปทำงาน ดื่มกาแฟแก้วแรกของวัน มาตอนเที่ยงก็ได้ หรือตอนเลิกงานก็ได้ โดยเฉพาะช่วงค่ำเราก็มีขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย แต่ขายตามเวลากำหนดครับ แล้วก็ส่วนดึกไปกว่านั้นใครอยากจะมาติวหนังสือ อยากจะมาชิลเอาต์กันก็ได้ตามสะดวก 24 ชั่วโมง โดยจะมีบาริสต้าสลับกันเข้ามาให้บริการ เรามีคิววางไว้เลยว่าใครต้องมาวันไหน กี่โมง ซึ่งเราจะบอกรายละเอียดไว้ในเฟซบุ๊กหน้าเพจของเรา

Q : ชื่อร้านล่ะ ทำไมถึงใช้ชื่อว่า Ten Thirty Cafe

ณุ : มันมีที่มาจากเวลาครับ Ten Thirty ก็คือช่วง 10.30 น. เคยเจอข้อมูลว่าตอนสิบโมงครึ่งเนี่ยเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายรับคาเฟอีนได้ดีที่สุด สำหรับในแต่ละวัน คือเป็นเวลาที่เหมาะจะดื่มกาแฟมากที่สุด

Q : มาถึงจุดเด่นของร้านนี้กันบ้าง เรียกว่ามีดีที่บาริสต้าหล่อใช่มั้ย

...

ณุ : เอ่อ จริงๆ คือเป็นรสชาติของกาแฟด้วย บางคนอาจจะคิดว่าเราเซตหรือเปล่า เอานายแบบมายืนในร้านเหมือนเป็นบาริสต้า จ้างนายแบบมาหรือเปล่า แต่ลองสังเกตได้เลยครับ ทุกๆ คนที่เป็นบาริสต้าที่นี่ ชงกาแฟเป็นทุกคน แม้ว่าจะเรียนกันเองแบบเพื่อนสอนเพื่อน แต่ก็เรียนกันจริงจัง เคี่ยวเข็ญให้ชงกาแฟได้จริงๆ ไม่ใช่ปล่อยๆ กันไป รสชาติต้องได้มาตรฐาน บริการต้องดี ต้องเรียนรู้การชงทั้งแบบร้อนและเย็น ต้องค่อยๆ ชิมว่าแบบนี้เข้มไปมั้ย หวานไปมั้ย คือก็ฟิกซ์ตรงนี้พอสมควร แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าการที่เรามีตรงนี้ มันก็เป็นจุดขายให้ร้านเราได้ด้วย เพราะได้คุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่า เราทำร้านคอนเซปต์นี้ มันก็น่าจะเจ๋งดี

Q : ฟีดแบ็กจากลูกค้า ชอบสั่งกาแฟแบบไหนมากที่สุด

ณุ : ช่วงนี้อากาศร้อนลูกค้าจะสั่งเครื่องดื่มเย็นกันเยอะ แล้วก็พวกเครื่องดื่มปั่น เมนูเครื่องดื่มของร้านเรามีให้เลือกเยอะ ไม่ได้มีแต่กาแฟที่อร่อย มีม็อคเทล ค็อกเทล ส่วนใหญ่เครื่องดื่มเย็นจะขายดีช่วงนี้ ส่วนกาแฟหลักๆ เลยจะเป็นลาเต้เย็น ที่ลูกค้าสั่งกันมาก โดยราคากาแฟ เริ่มต้นที่ 90 บาท นอกจากนี้ก็มีอาหารทั้งจานเรียกน้ำย่อย และจานหลักหลากหลายเมนูด้วย เริ่มต้นตั้งแต่ 65 บาท

...

Q : สัดส่วนลูกค้าระหว่างผู้ชายผู้หญิง กลุ่มไหนมาบ่อยๆ

ณุ : ก็เป็นสาวๆ นี่แหละครับมากันเยอะ(ยิ้ม) แล้วก็กลุ่มนักศึกษาก็เยอะด้วยเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ ผมมองว่าก็มีหลากหลายนะ เพราะอย่างนักศึกษาเขาจะมาตอนเย็น ส่วนช่วงพักกลางวันหรือช่วงค่ำ ออฟฟิศเลิกงาน ลูกค้าผู้ชายก็มากันเยอะ ผมว่านักศึกษาจะเยอะช่วงสอบ ด้วยว่ามาติวมาอ่านหนังสือดึกๆ แต่ถ้าช่วงที่นักศึกษาไม่ได้สอบก็เฉลี่ยกันไป มีทั้งชายหญิงครับ คนวัยทำงานก็เยอะ เรียกว่าทุกเพศทุกวัยก็ให้การตอบรับที่ดีครับผม

...

เอาล่ะ คราวนี้มาถึงคิวการล้วงลึกข้อมูลสุดแซ่บของ 4 หนุ่มบาริสต้า ได้แก่ ณุ ภาณุพัทธ์ นวลมณี เพ เพทาย พลอยมีค่า จ๊อบ ศิรธันย์ ลภัสประภาสิทธิ์ และ ต้น วรุตม์ ภัทราเวสส์สกุล อย่างที่บอกไว้ตอนแรก แต่ละคนจะมีเสน่ห์ล้นเหลือและมากความสามารถแค่ไหน ตามมาอ่านกันเลย...

Q : ก่อนมาเป็นบาริสต้า เคยทำงานด้านไหนมาบ้าง

ณุ : ผมเป็นนักร้องครับ ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ผมเคยออกอัลบั้มกับแกรมมี่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเป็นศิลปินวงชีส เพลงที่คนรู้จักที่สุดในชีวิตผมก็น่าจะเป็นเพลงความรู้สึกของคนที่หมดใจ หลังจากนั้นก็เล่นดนตรีมาเรื่อยๆ มีทำงานเบื้องหลังด้วยครับ แล้วก็เมื่อ 5 ปีที่แล้วก็ทำเพลงกับโซนี่มิวสิค เล่นละครน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ รับงานแฟชั่นโชว์ด้วย จนปัจจุบันก็มีผลงานเพลงอีกครั้ง เพิ่งออกซิงเกิลใหม่ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ออกช่วงเดียวกับร้านเปิดเลย กับค่ายโมโนมิวสิค ชื่อวง Sleeping 8 คือวงใหม่ผม หลักๆ ตอนนี้ก็คือทำเพลง กับเป็นบาริสต้าที่ร้านครับ

เพทาย : ผมเริ่มต้นจากถ่ายโฆษณา ถ่ายเอ็มวี เป็นนักร้อง เป็นนักแสดง พิธีกร ก็เรียกว่างานในวงการทำมาหมดแล้วครับ (แล้วบาริสต้าเป็นอะไรที่ยังไม่ได้ทำหรือเปล่า ก็เลยอยากลอง?) ครับ อยากทำครับ คิดว่ามันเป็นอะไรที่เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง แล้วส่วนตัวก็เป็นคนชอบร้านกาแฟอยู่แล้วด้วย ชอบอารมณ์ของร้านกาแฟ ชอบบรรยากาศ แล้วก็จากที่เราเรียนรู้มาว่าบาริสต้าของเมืองนอกเขาเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เขาไม่ใช่อาชีพเหมือนที่บ้านเราตีความหมายว่าเป็นแค่คนชงกาแฟ เขามีศิลปะในการทำ ไม่ได้แบบว่าใครทำก็ได้ มันต้องผ่านการเรียนรู้ ต้องรู้วิธีการทำ ก็อยากเรียนรู้ตรงนี้ครับ

และผมมองว่าทุกอาชีพมีความหมายของการมีอยู่ บวกกับเราชื่นชอบกาแฟ เราเคยดูหนังที่นักแสดงเป็นบาริสต้า เราดูแล้วเราก็รู้สึกว่า เออ อารมณ์ของการอยู่ร้านกาแฟมันดูมีความสุข เวลาเราเดินช้ากว่าคนอื่นเขา ผมรู้สึกว่าสุดท้ายเราก็ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงไปจนตาย เราก็ควรจะมีอะไรที่ติดตัวไว้ วันหนึ่งที่เราคิดอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจเราก็ควรจะต้องเริ่มต้นจากการเรียนรู้ทุกอย่างที่เราอยากทำ อยากเป็นครับ

จ๊อบ : ผมทำงานอีเวนต์ และถ่ายแบบครับ ส่วนตัวผมชอบกินกาแฟอยู่แล้ว พอพี่นุ้ยเขาชวนก็เลยสนใจมาทำตรงนี้ครับ

ต้น : ก็ทำถ่ายโฆษณา ถ่ายแบบ เดินแบบ ตอนนี้ก็มีเล่นละคร ก็ยังทำงานในวงการครับ พอว่างก็จะเข้ามาเป็นบาริสต้าที่ร้าน ตอนนี้ก็กำลังมีผลงานละครทางช่องไทยรัฐทีวี ก็เริ่มออนแอร์แล้วครับ คือเราทุกคนรู้จักพี่นุ้ยกันอยู่ก่อนแล้ว พี่นุ้ยทำธุรกิจอยู่หลายอย่าง เริ่มจากออแกไนซ์ก่อน แล้วคร่ำหวอดในวงการงานอีเวนต์ต่างๆ ก็มักจะเรียกใช้นางแบบ นายแบบ พวกเราเลยรู้จักกัน พอชวนๆ กันมา ก็เลยตกลงมาร่วมด้วย และด้วยความที่แต่ละคนชอบกาแฟ ก็เลยไม่แปลกที่จะสามารถรวมตัวกันได้

Q : เมื่อก่อนความฝันตอนเด็กๆ อยากเป็นอะไร เคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะมาเป็นบาริสต้า

ณุ : บาริสต้าก็เป็นหนึ่งในความฝัน แต่เป็นฝันตอนโตขึ้นมาหน่อยแล้ว ความฝันตอนเด็กก็อยากเป็นนักร้อง เล่นดนตรี ชอบวงร็อกของฝรั่ง อยากเป็นเหมือนเขา แต่ก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จแหละ อาจจะไม่ดังหรอก แต่ว่าอย่างน้อยเราก็ได้ทำมัน แล้วพอช่วงที่ผมทัวร์คอนเสิร์ต ผมออกเดินทางบ่อย ทำให้ติดกาแฟสดโดยไม่รู้ตัว เผลอชอบในรสชาติของมัน เวลาเดินทางก็ต้องหากาแฟสดมาดื่มให้ได้ ไปเล่นคอนเสิร์ตจังหวัดไหน ต้องเสิร์ชหาร้านเจ๋งๆ แล้วก็ไปลองเลย มันเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เราคิดว่า เออ เราอยากมีร้านของตัวเอง แล้วก็อยากชงกาแฟเป็น (ถือว่าอาชีพบาริสต้าเป็นสิ่งที่เราหลงรักไปแล้ว?) รักครับ ถือว่าตอบโจทย์ตัวเองได้อย่างหนึ่ง แม้ว่าเราเคยทำงานมาหลายด้าน แต่สิ่งนี้พอเราทำเรารู้สึกว่าเรามันส์ เราแฮปปี้ ตอบได้เต็มปากเลยว่ารักการเป็นบาริสต้า

เพทาย : ตอนเด็กๆ ก็ไม่ได้คิดว่าอยากเป็นบาริสต้า เคยคิดง่ายๆ แค่ว่าวันหนึ่งอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง แต่พอมาลองจริงๆ การเป็นเจ้าของร้านกาแฟมันไม่ได้ง่าย เราเคยคิดว่าใครๆ ก็เปิดร้านกาแฟกันได้ มีตังค์ก็เปิดได้ แต่ไม่ใช่ มันต้องมีความรู้ด้วย ต้องชงกาแฟเป็น

จ๊อบ : ตอนเด็กฝันว่าอยากเป็นนักธุรกิจ อยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่พอโตมามันไม่ใช่ ความคิดก็เปลี่ยนไป ก็เลยมาลองงานในวงการอีเวนต์ต่างๆ แล้วพอมีโอกาสมาทำร้านกับเพื่อนๆ ตรงนี้ก็อยากทำครับ อยากลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งมันก็มีพื้นฐานจากความชอบของเราเอง (แล้วอาชีพบาริสต้าเป็นอาชีพที่ใช่รึยัง?) ผมว่ามันก็ใช่นะ เหมือนผมชอบดื่มกาแฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วพอวันหนึ่งได้ทำจริงๆ มันชอบ มันไม่น่าเบื่อ

ต้น : ตอนเด็กๆ อยากเป็นนักโฆษณา เพราะเราเรียนจบมาทางโฆษณาโดยตรง ก็พยายามตามฝันตัวเองอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทุกวันนี้สิ่งที่ทำมันอาจจะไม่ใช่ตรงสายซะทีเดียว แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลเรื่องพวกนี้ เพราะหนึ่งเราเป็นคนชอบพูดคุยกับผู้คน ชอบพบปะผู้คน แต่การได้มาทำงานตรงนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์นะ ถือว่าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะว่าคนเราจะอยู่กับสิ่งที่เราชอบได้โดยไม่เบื่อ เราจะไม่รู้สึกว่าเรามาทำงาน แต่เราจะสนุกไปกับมันทุกวัน

Q : ถ้าลูกค้ามาร้านเราเพราะอยากมาดูบาริสต้าหล่อ ไม่ได้อยากมาดื่มกาแฟ รู้สึกยังไง

ณุ : ก็ดีแหละครับ ผมก็ดีใจว่าอย่างน้อยเขามาเจอพวกเรา ก็มีแฟนคลับของแต่ละคนอยู่แล้วบ้างเหมือนกัน อย่างถ้าแฟนคลับมา ก็รู้แหละว่าเขาไม่ได้มากินกาแฟหรอก เขาอยามาเจอ แต่อย่างน้อยดีใจแล้วล่ะที่เขามา ยังได้ลองสั่งมาชิมดูว่ากาแฟเราทำขึ้นมาเป็นยังไงบ้าง

เพทาย : ก็ไม่เป็นไร ก็มาดูได้ คือมันก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ร้านได้รับความสนใจ มันก็เป็นการตลาดอย่างหนึ่ง ผมว่ามันเป็น choice แรกในการดึงคนเข้ามา ในเมื่อเรามั่นใจในโปรดักส์ของเรา เราขายกาแฟ เราไม่ได้ขายเฉพาะความหล่อของบาริสต้าหรือความเป็นโมเดล เราขายที่รสชาติของกาแฟ เพราะฉะนั้น เราใช้ความเป็นโมเดลดึงฐานลูกค้าเข้ามา แล้วเขาลองชิมกาแฟของเรา แล้ววันหนึ่งเขากลับมาอีกด้วยความชอบในรสชาติกาแฟ มันก็หมายถึงเราประสบความสำเร็จนะ

จ๊อบ : แล้วจริงๆ การชงกาแฟของเรา เราต้องทำให้ได้ในระดับดีเลิศอย่างที่ควรจะเป็น คือ 4 เมนูใน 6 นาที และทุกแก้วรสชาติต้องผ่าน ตอนนี้เราทุกคนก็เรียนชงกาแฟกันอย่างเอาจริงเอาจังมาก เพราะทุกแก้วต้องได้มาตรฐานก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้า โดยเฉพาะถ้าในกรณีที่ลูกค้าเยอะ ภายใน 2 นาทีเมนูต้องออก เราถูกเทรนมาให้สามารถชงกาแฟให้ได้ราชาติดี รสชาตินิ่งเหมือนกันทุกแก้ว และต้องรวดเร็วด้วย

Q :  การเป็นบาริสต้าโมเดลก็ต้องดูดี ดูเท่ อยู่เสมอ มีเคล็ดลับในการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง

ณุ : ผมทำงานหลายอย่างก็ต้องดูแลตัวเอง คือ ต้องนอนให้เยอะที่สุด เพราะบางทีทำงานเป็นบาริสต้ากลางวัน กลางคืนวิ่งงานร้องเพลงต่อ คือถ้าปล่อยให้เสียงไม่มี ก็แย่แล้ว หรือถ้ายืนไม่ไหวก็มาทำบาริสต้าไม่ได้ ลิ้นรับรสไม่ได้ก็ชิมกาแฟไม่รู้เรื่อง เพราะงั้นผมคิดว่านอนให้พอสำคัญที่สุดแล้ว กับออกกำลังกาย ต้องแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย ถ้ามีเวลาว่างก็จะไปออกกำลังกายทันที

เพทาย : ผมออกกำลังกายครับ ผมเป็นนักกีฬาด้วย ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ช่วงนี้ก็เปลี่ยนจากเล่นบาสมาต่อยมวย ก็ได้เบิร์นด้วยแล้วก็สนุกด้วย

จ๊อบ : ผมก็ออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง เตะบอล เข้าฟิตเนส เข้ายิม ก็ต้องดูแลรูปร่างเราให้ดีครับ เพราะเราก็ยังรับงานเดินแบบ ถ่ายแบบอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นการดูแลรูปร่างก็สำคัญ

ต้น : ก็เหมือนกันครับคือ ออกกำลังกายหลายๆ ชนิด เล่นเทนนิส เข้าฟิตเนส ปั่นจักรยาน แล้วด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบขับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์อยู่แล้ว ก็มันต้องใช้กำลังเยอะในการคอนโทรลรถ เราก็ต้องหมั่นฝึกฝนร่างกายกล้ามเนื้อให้มันพร้อมอยู่เสมอ การบาดเจ็บก็จะได้น้อยลง แล้วที่สำคัญก็ทำให้หุ่นเฟิร์ม รูปร่างดีด้วย

Q : มาถึงคำถามที่สาวๆ อยากรู้ บาริสต้าสุดหล่อร้านนี้ หัวใจยังว่ากันอยู่หรือเปล่า

ณุ : ผมมีแฟนแล้วครับ (ยิ้มเขิน) เราคบกันนานแล้วครับ 6-7 ปีแล้ว ก็คือสนิทผูกพันกัน เป็นทั้งเพื่อนทั้งแฟนไปแล้วครับ คุยกัน มีอะไรปรึกษากัน ก็ดีครับ แฟนผมก็เป็นหนึ่งในทีมของเราด้วย

เพทาย : มีแล้วครับผม

จ๊อบ : ผมโสดครับ

ต้น : ผมก็มีที่ดูๆ กันอยู่ครับ

Q : ฝากไปถึงคนที่มาร้านเราแล้วแชร์รูปร้านของเราในโซเชียลมีเดีย จนทำให้เราเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว

ณุ : ก็ขอบคุณมากๆ เลย ไม่คิดว่าร้านเราจะได้รับการตอบรับที่ดีขนาดนี้ ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาดนี้ก็ขอบคุณมากครับ แล้วก็หวังว่าจะมากันเรื่อยๆ มาติชมกันได้ ผมอยากให้มีการติชม เข้ามาบอกได้ว่าว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหน เพื่อเราจะได้ไปปรับปรุงเพิ่มเติม ก็เข้ามาพูดคุยกันได้ บางคนที่มาประจำก็มีมานั่งคุยนั่งแซวกันแล้วก็มี แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยมา ก็แวะมาหากันได้ครับ

เพทาย : เท่าที่ได้ยินมาว่าร้านเรากมีคนรู้จักเยอะขึ้นจากในโซเชียลมีเดีย เราก็ต้องขอบคุณทุกคนด้วย ที่มาร้านแล้วแบบว่าช่วยลงรูปในไอจีให้ หรือช่วยกันกดไลค์ ช่วยกันแชร์ ก็คือ เราก็ถือว่าเราต้องขอบคุณเพราะมันเป็นช่องทางอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยทำให้ร้านเราเป็นที่รู้จักของทุกคน แล้วที่เหลือก็อยู่ที่ลูกค้าตัดสินใจแล้วว่าเราดีพอสำหรับการชงกาแฟ และการเป็นบาริสต้าหรือเปล่า

Q : สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงลูกค้าบ้าง

ณุ : ก็ฝากร้าน Ten thirty Cafe ด้วยครับผม พวกเรากลุ่มบาริสต้าโมเดลก็ตั้งใจทำร้านนี้กันมากๆ ไม่ได้มีดีเรื่องหน้าตาบาริสต้าอะไรหรอก แต่ผมอยากให้ชิมรสชาติกาแฟ และเครื่องดื่มอื่นๆ รวมถึงอาหารของร้านเราด้วย ที่พิถีพิถันทุกขั้นตอนครับ คิดว่าทุกคนน่าจะติดใจกาแฟและอาหารของเรา รับรองว่าแซ่บไม่แพ้บาริสต้าแน่นอน

*ล้อมกรอบ*

วัน-เวลาทำงานของบาริสต้าโมเดล

พบบาริสต้าโมเดลได้ทุกวัน คือ วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี พบพวกเขาได้ในเวลา 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน (16.00-00.00 น.) ส่วนวันศุกร์และเสาร์ จะมีบาริสต้าโมเดลเข้ามาที่ร้าน 2 ช่วงเวลาคือ เที่ยงวันถึงหนึ่งทุ่ม (12.00-19.00 น.) และ 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน (16.00-00.00 น.)

พิกัดร้าน

ร้าน 10 Thirty Cafe ตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ของตึก Meeting Point ซึ่งอยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อมาถึงที่ตึกก็เห็นป้ายร้านขนาดบิ๊กเบิ้ม มองหาไม่ยากเลย