ในขณะที่คำว่า 'สเต็มเซลล์' กำลังอยู่ในความสนใจ แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธภายหลังมีข่าวร่ำ ข่าวลือ ข่าวฮือฮาว่านางงามขวัญใจคนไทยเดินทางไปฉีดสเต็มเซลล์มาหลายล้านเพื่อกระชากวัยใส
คำถามก็เกิดขึ้นมากมายถึงคำนี้ ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้พบกับ แพทย์หญิง ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชื่อดัง การันตีด้วยวุฒิ บัตรมากมายจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เจ้าของฉายากระโปรงสั้นปรี๊ด 2 คืบ (อ่าน เปิดอาณาจักร 'ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์' มือศัลยกรรม สวย เซ็กซี่ และแรงที่สุดแห่งปี) มาตอบปัญหาไขความกระจ่าง ความสวยงาม ด้วยสเต็มเซลล์เป็นอย่างไร แล้วมันมีข้อเสียบ้างไหม? หมอฝีปากกล้ามีคำตอบ
Q : สเต็มเซลล์ที่เขาพูดๆ กัน คืออะไร?
สเต็มเซลล์ คือ เซลล์ต้นกำเนิด คำว่า สเต็ม แปลว่า ต้นกำเนิด ฉะนั้น สเต็มเซลล์ คือเซลล์แรกสุดของมนุษย์ เช่น เวลาคนท้องมีลูกมันเกิดจากเซลล์เซลล์เดียวแล้วมันกลายมาเป็นหัวเป็นหาง คือเกิดมาจากเซลล์เซลล์เดียวของพ่อกับแม่ แล้วมันก็ค่อยแบ่งๆ ทำให้รู้ว่าต้องไปเป็นอวัยวะต่างๆ หัว ขา แขน ตับ ไต คำว่า สเต็มเซลล์ ก็คือ เซลล์ที่สามารถเป็นอะไรก็ได้ ถ้าอย่างนั้นมันสามารถกลายเป็นอะไรก็ได้ สมมติว่าเราอายุเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วอวัยวะมันเสื่อม เช่น เรากินเหล้าเยอะ สูบบุหรี่เยอะ แล้วปอดเสีย จะสังเกตว่าตอนเด็กจะไม่ค่อยเป็นอะไรเท่าไรที่เกี่ยวกับเสื่อมๆ เช่น ปอดเสื่อม สมองเสื่อม เด็กจะไม่ค่อยเป็น เพราะว่าเราเกิดมาพร้อมสเต็มเซลล์ 1 ล้านตัว ค่อยๆ ใช้ไปเรื่อยๆ พอเราแก่ตัวลงมันก็ค่อยๆใช้ไป ใครชีวิตเปลืองก็จะใช้เปลืองหน่อย ใครใช้ชีวิตอยู่ในธรรมะ ธรรมโม สเต็มเซลล์ ก็ถูกเก็บไว้เยอะหน่อย
ฉะนั้นใครใช้ชีวิต แนวชีวจิต อยู่ป่า อยู่เขา เขาถึงได้อายุยืน เพราะ สเต็มเซลล์ ยังเหลือไว้เยอะ คนที่ปาร์ตี้บ่อยๆ จึงใช้หมดรวดเดียว ดังนั้น คำว่าสเต็มเซลล์ตัวนี้ที่ถามว่าคืออะไร มันก็คือเวลาที่ ไต ตับพัง มันก็จะวิ่งไปซ่อมแซมเซลล์ ไต ตับได้ ทำหน้าที่เซลล์ตับไปเลย เหมือนกับเป็นช่างสัดส่วนกลาง วิ่งไปทำหน้าที่ซ่อมแซม ทำหน้าที่แทน
...
Q : มีวันหมดอายุไหม?
สเต็มเซลล์ ไม่มีวันหมดอายุ แต่มีวันหมดไป ที่เขาฉีดๆ สเต็มเซลล์ เข้าใจง่ายๆ ว่าคือเติมไว้ส่วนกลาง
Q : สเต็มเซลล์มาเกี่ยวกับความสวยความสวยความงามตอนไหน?
ถามก่อนว่าตอนเด็ก เคยเห็นเด็กมีรูขุมขนไหม มีตีนกาไหม ผิวหนังคือหนึ่งในอวัยวะในร่างกาย ไม่ต่างอะไรกับ ปอด ตับ ไต เพียงแต่ว่า ปอด ตับ กับไต มันเสื่อมแล้วเรามองไม่เห็น แต่ผิวหนังมันเสื่อมแล้ว เรามองเห็นทันที เซลล์ทุกอย่าง เฉพาะภายนอกเท่านั้น แล้วเรามองเห็นทันที อย่างตอนเด็กๆ เราเป็นแผล สเต็มเซลล์ก็จะมารักษาแผลอวัยวะเรา พอมันหมดไปมันก็เบนความสำคัญของร่างกาย อย่างสมองสำคัญกว่าผิวหนัง มันก็จะซ่อมสมองก่อน ฉะนั้น ผิวหนังแทบจะเป็นอันดับสุดท้ายที่จะสำคัญ แต่พอเราเป็นอะไรขึ้นมา ผิวหนังจะแสดงอาการก่อนอันดับแรก อย่างเป็นฝี แต่ถ้าเป็นฝีในตับ ถึงขั้นตายได้
Q : หมายความว่าฉีดเอาเข้าไปแล้วสเต็มเซลล์ก็จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สำคัญ คือภายใน ก่อนภายนอก?
ใช่ ถ้าสมมติ สเต็มเซลล์เรามีไม่เพียงพอ ร่างกายก็เก็บเอาไว้ให้ข้างใน จะไม่เหลือเลย ทีนี้สาวๆ ที่ไม่อยากแก่ ก็จะเติมเข้าไป จะฉีดเข้าไปส่วนกลางก็ฉีดได้ ให้มีเหลือใช้เลย แล้วมาซ่อมแซมผิวหนังได้แล้ว
ผิวหนัง ถ้าเสื่อมนิดเดียว ก็จะเห็นเยอะ สมมติเสื่อม 5% ผู้หญิงก็แทบจะกรี๊ดตาย อย่างปอดเสื่อมไป 50% คนยังมองไม่เห็นเลย ดังนั้น สเต็มเซลล์ ก็จะ Back to the basic กลับไปเมื่อตอนเราเป็นเด็ก อะไรที่มันแตกต่างเมื่อตอนเราแก่ อันนั้นก็คือสิ่งที่เราขาดไป ถ้าเราอยากจะเด็กเราก็เสริมตรงนั้นให้มันเวิร์ก สเต็มเซลล์เข้ามามีบทบาท หลังจากกระตุ้นไม่ขึ้นแล้ว จะเลเซอร์ ทรีตเมนต์ ทาครีม ช่วยไม่ได้ คือเซลล์เก่าเราไม่โอเค เราก็ใส่เซลล์ใหม่เข้าไปเลย เขาก็คิดกันว่า สเต็มเซลล์กับคำว่าย้อนวัย เกี่ยวเนื่องกัน จริงๆ แล้ว คนแก่กับคนเด็ก ก็ต่างกันแค่อวัยวะเสื่อมมากกว่าน้อยกว่า สเต็มเซลล์มีมากกว่าน้อยกว่า แค่นั้นเอง
Q : หลายโฆษณาบางแห่งบอกว่าในครีมมีสเต็มเซลล์ด้วย?
อย่างที่บอก สเต็มเซลล์ คือสิ่งมีชีวิต ซึ่งสิ่งมีชีวิตไม่มีสิทธิ์จะอยู่ในครีม เพราะตอนนี้บอกว่าอยู่ในครีมแล้ววางตามเคาน์เตอร์เต็มเลย ปกติเลี้ยงในแล็บก็จะตายแล้ว แต่จริงๆ สเต็มเซลล์ มีประโยชน์มากทางด้านการแพทย์ อย่างเช่น คนไข้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือด ก็เอาเม็ดเลือดที่เป็นมะเร็งออกหมดเลย ใช้ปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากไขกระดูกแทน ซึ่งประสบความสำเร็จมาก รักษาโรคได้ ถ้าพูดถึงเรื่องความสวยงาม ซึ่งจริงๆ มันไม่มีข้อบ่งใช้ แต่ในการย้อนวัย ชะลอวัย สเต็มเซลล์ก็แค่ช่วยรักษาความเสื่อมของร่างกาย
...
Q : แบบที่คนเข้าใจ ถ้าอยากจะหน้าเด็ก กระชากวัย ต้องฉีดสเต็มเซลล์?
อันดับแรกอย่าไปคิดว่าจะหน้าใสเหมือนใคร เพราะตอนที่เขาอายุเท่าคุณ เขาก็สวยกว่าคุณเยอะ (หัวเราะ) การใช้สเต็มเซลล์ ความหมายทาง การแพทย์ก็คือทำให้อวัยวะเสื่อมช้าลง ให้มีอายุยืนยาวที่มีคุณภาพมากขึ้น อายุทั้งร่างกายไม่ใช่แค่อายุหน้า
Q : ถ้าสมมติ ฉีดสเต็มเซลล์ แบบจัดเต็ม อายุ 60 กว่าจะกลับมาหน้าเด็กผิวพรรณเด็กอีกครั้งไหมเหมือนอย่างที่เป็นข่าวและคนเข้าใจไหม?
เอาอย่างนี้ สมมติว่าตึกที่สร้างเสร็จใหม่ๆ แต่พอนานๆ ไปสัก 100 ปี ตึกมันเริ่มเก่า ทุกย่างระบบภายในพังหมด แล้วช่างซ่อมบำรุงก็ล้มหายตายใจกันหมด ทีนี้ก็มีช่างซ่อมบำรุงเข้ามาใหม่อีกชุดนึง แล้วถามว่าจะซ่อมให้เหมือนตึกใหม่ 100% ไหม ก็ไม่หรอก แต่ถามว่าดีไหม ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เสียไปตามเวลา
Q : ตกลงช่วยได้สักกี่เปอร์เซ็นต์?
แล้วแต่ว่าตึกนี้โทรมขนาดไหนถ้า เกือบพัง เกือบถล่ม อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่ถ้าเสียนิดหน่อย เพราะร่างกายคนบอกเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้เลยว่าจะเสียขนาดไหน รู้หน้าไม่รู้ใจ ข้างนอกดูสุกใสข้างในอาจจะดูเป็นโพรง
Q : ทางการแพทย์มีระบุไหมว่าอายุต้องเท่าไรสมควรจะเติมสเต็มเซลล์ ?
สมมติว่าเราอายุ 50 ปี ไม่ใช่ว่าร่างกายเราอายุ 50 ปี นะ อาจจะแค่ 40 ปีหรือปาเข้าไป 65 ปีแล้วก็เป็นไปได้ ตอนนี้มีเครื่องสแกนก็จะสามารถ สแกนด้วยระบบไฟฟ้า ระบบแม่เหล็ก รวมถึงการตรวจเลือด สามารถบอกอายุคร่าวๆ ถึงเซลล์อวัยวะได้ และบอกพยากรณ์คร่าวถึงโรคอนาคตได้ ถ้าสมมติว่าคุณมีแววจะเป็นโรคปอดคุณต้องรู้ว่าคุณต้องเลี่ยงบุหรี่ เลี่ยงควันนะ เพราะว่าจะให้ไปเลี่ยงอะไรทุกอย่างบนโลกคงทำไม่ได้
...
Q : ฉะนั้นก็ต้องไปตรวจดูว่าร่างกายตรงไหนสึกหรอ ?
ใช่ค่ะ ไม่มีใครรู้ว่ากระดูกหักจนกว่าจะเอกซเรย์ ไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นอะไรจนกว่าจะเข้าเครื่อง ใครบอกไม่ได้
Q : คนก็ถามต่อ แล้วอายุเท่าไรถึงไปตรวจได้ ถ้าเกี่ยวกับความสวยความงาม ?
คำว่าความสวยความงาม มันพูดยาก บางคนอายุ 50 ยังรู้สึกว่าตัวเองสวยอยู่ แต่บางคนอายุ 25 อยากจะทำทุกสิ่งอย่าง คำว่าความสวยความงามมันไม่ใช่ข้อบ่งชี้แบบการเป็นโรค ฉะนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับความพอใจ และก็สถานะทรัพย์ ก็ตรวจเมื่อไรก็ได้ เพื่อที่จะได้ร่างกายของเรา ตรวจเอาไว้ดีกว่า เฉลี่ยประมาณสัก 30 ขึ้นไปก็ควรเริ่มตรวจได้แล้ว เพราะปัจจุบันฮอร์โมน ชีวิต ไม่เหมือนเดิม อาจมีปาร์ตี้ ดื่มเหล้า ถ้าเป็นเมื่อก่อนหมออาจจะบอกว่าสัก 40 ขึ้นค่อยมาตรวจ ประจำเดือนหมดค่อยตรวจก็ได้ ตอนนี้อะไรเปลี่ยนไปมากจริงๆ อย่างมะเร็งก็เจออายุน้อยลง เช่น มะเร็งผิวหนังเจอแต่อายุ 22 มะเร็งปากมดลูกเจอแต่ 25 ฉะนั้นขอบอกว่ายิ่งตรวจเร็วยิ่งดีค่ะ
Q : สเต็มเซลล์ฉีดแพงไหม ?
เอาอย่างนี่ก่อน ถ้ามาตรวจแล้ว ผลคือไม่ต้องฉีด ก็คือไม่ต้องฉีดค่ะ สเต็มเซลล์คล้ายๆ ยาไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องฉีด ถ้าร่างกายคุณยังโอเคอยู่ คุณจะไปฉีดเพื่ออะไร ถ้าถามว่าอยากให้เด้ง Back to the basic อย่างนั้นก่อนหน้านี้คุณเคยเด้งมาก่อนทุกวันนี้ไหม ก็ต้องดูว่าต้นทุนคุณมีเท่าไร ถ้าจะให้หน้าสวยเอาให้เด้ง ฉีดสเต็มเซลล์ไม่มีผล ศัลยกรรมดีกว่า แต่ถ้าบางคนจะศัลยกรรมแล้วมาตรวจร่างกายพบว่าร่างกายไม่ดี ก็ควรจะซ่อมร่างโดยด่วน ถึงต้องมีแพทย์ ถ้าทุกอย่างมันมีเหมือนยาวิเศษ ทุกคนกินก็แฮปปี้ พึ่งสเต็มเซลล์กันไปหมด ถ้าถามว่าแพงไหม ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่ามันเสื่อมขนาดไหน ถ้าเกิดไม่ได้เป็นอะไรเลย ต้องการเสริมเล็กน้อย ฉีดเพียงเล็กน้อยก็มี ตัวสเต็มเซลล์ที่เป็นของจริงต้องเป็นหลักแสนขึ้นไปแน่นอน ทะลุไปถึงหลักล้านก็มี
...
Q : จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสเต็มเซลล์ของจริง หรือ ของปลอม ?
ก็เหมือนถามหมอว่า ไปทำหน้าอกหรือจมูกจะรู้ได้ไงว่าซิลิโคนจริงหรือปลอม ต้องดูความน่าเชื่อถือ ของแหล่งที่ฉีด เพราะถ้าเป็นของปลอมหรืออะไร เขามีสิทธิ์เป็นบริษัทหรือร้านที่ไปฉีดหนีแน่นอน ฉะนั้น ถ้าได้รับบริการจากโรงพยาบาลชั้นนำที่มีความน่าเชื่อถือ เปิดมานาน ดูแล้วมีผู้เชี่ยวชาญ กับแพทย์
Q : ในเมืองไทยมีสถานที่รับฉีดเยอะไหม เห็นมีบางคนบินไปฉีดต่างประเทศ ?
ความจริงในต่างประเทศก็มีเหมือนเรา หมอก็ยอมรับว่าบางอย่างเมืองไทยสู้เขาไม่ได้จริงๆ พูดตรงๆ เรื่องสเต็มเซลล์ก็สู้เขาลำบากแต่ก็อย่างที่บอกหมอไทยเก่งๆ ก็มี หรือ ศัลยกรรมเกาหลี ก็คงสู้เกาหลีลำบากแต่ก็ใช่ว่าจะขาดลอย ประเด็นอยู่ที่ถ้าเกิดปัญหาจะไม่มีคนรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นถ้าจะทำก็ควรจะติดต่อผ่านอะไรก็ได้ที่มีปฏิสัมพันธ์ในเมืองไทย ซึ่งในเมืองไทยมีเป็น Metical agency แบบนี้ ถ้าเกิดผลกระทบจะมีคนรับผิดชอบ ไม่ใช่ฉีดแบบหมอกระเป๋า หรือสถานพยาบาลที่ไม่น่าเชื่อถือ
Q : สเต็มเซลล์จะอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ก็ต้องมีวันหมดไปตามร่างกายหรืออวัยวะ
Q : ในเมืองไทยคนฉีดกันเยอะไหม ดารา เซเลบ ?
มันคือความพอใจที่มีทุนทรัพย์ ร่างกายมีชิ้นเดียว จึงเป็นสิ่งที่ควรลงทุน แต่ก็มีบางคนที่ไม่ทำอาจจะพอใจอยู่แล้ว ซึ่งวัดไม่ได้ว่าทำมากน้อยแค่ไหน
Q : สเต็มเซลล์มีอันตรายไหม อย่างไร ?
ทุกอย่างมีอันตราย ร่างกายมีสิทธิ์จะไม่รับ ไม่แมตช์กับร่างกาย ต้องขอขจัดความเชื่อ สเต็มเซลล์คือยาวิเศษ ทุกคนฉีดแล้วจะดี ไม่จริงค่ะ ยาทุกอย่างในโลกนี้ รวมถึงสเต็มเซลล์ด้วย ถ้าไม่ได้การตรวจวินิจฉัยใช้ให้ถูกต้อง ยาก็สามารถกลับเป็นยาพิษได้.