จากกรณีพาดหัวข่าวว่า ช็อกกันไปตามๆ กันเมื่อ Sanrio ต้นสังกัดของคาแรกเตอร์แมวชื่อดัง Hello Kitty ออกมายืนยันแบบไม่ถนอมน้ำใจกันว่า Hello Kitty ไม่ใช่แมว! ด้วยเหตุผลว่ามันไม่เคยเดิน 4 ขาเหมือนแมวทั่วไป ตายละหว่า...?? 

ประเด็นนี้ คุณหรีด รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ เจ้าของฉายา เจ้าแม่คิตตี้ หุ้นส่วน 'ซานริโอ้ เฮลโล คิตตี้ เฮ้าส์ แบงค็อก' แห่งแรกในประเทศไทยออกมากล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์กรณี 'คิตตี้' ช็อกโลกดังกล่าวว่าไม่รู้จะพูดเรื่องนี้ทำไม

"คนเป็นแฟนคิตตี้ หรืออ่านประวัติเราจะรู้ว่าฮัลโลคิตตี้ มีของโปรดเป็น 'แอปเปิลพาย' ชอบวาดรูป แถมยังมีสัตว์เลี้ยงเป็นแมวชื่อ 'ชาร์มมี่ คิตตี้' แล้วที่สำคัญเขาเดิน 2 ขา และเต้นรำมาตั้งแต่เร่ิมต้น ฮัลโลคิตตี้เกิดที่ลอนดอนเขาหยุดอายุอยู่แค่ 5 ขวบ บริษัทซานริโอเอามาทำคาแรกเตอร์ปัจจุบันคิตตี้มีมากกว่าร้อยคาแรกเตอร์ แบบแรกคือ 'ฮัลโลคิตตี้' เป็นการดีไซน์ที่สุดยอด สังเกตไหมทำไมดีไซน์ไม่ให้เขามีปาก เพราะว่าต้องการให้ทุกคนเจอกันแล้วพูดออกมาจากใจ แล้วชื่อก็มีความหมายอยากให้ทักทายกันด้วย 'ฮัลโลคิตตี้' ไม่ใช่กู๊ดมอนิ่ง กู๊ดอาฟเตอร์นูด แต่เป็นการทักทายแบบฮัลโลคิตตี้ นั่นคือสิ่งที่เขาดีไซน์มาตั้งแต่แรก"

...

คุณหรีดย้ำว่า คิตตี้เกิดที่ลอนดอน ตามประวัติตอน 5 ขวบประเทศอังกฤษมีความเจริญมั่งคั่งอยู่ที่ญี่ปุ่น เขาเลยเดินทางมาญี่ปุ่น พอดีไซเนอร์ญี่ปุ่นเห็นว่าฮัลโลคิตตี้อันนี้เหมาะกับคาแรกเตอร์ของนักศึกษามหาวิทยาลัย จึงทำกระเป๋าสตางค์หน้าตาคิตตี้ขึ้นมา มีโบสีชมพูเหมาะกับเด็กวัยรุ่น

"ปรากฏว่าโดนใจทุกคนเลย เรียกได้ว่าทำมาเท่าไหร่ ขายหมด จากนั้นก็ขยับขยายฟีเวอร์ต่อไปเรื่อยๆ มาจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะฮัลโลคิตตี้ตัวเดียวจากร้อยกว่าแบบ เชื่อหรือไม่ว่ามันทำรายได้กับ บริษัทซานริโอ วันนี้เกือบสองแสนล้านบาทต่อปี เรียกได้ว่าแค่ตัวนี้ตัวเดียวจากกำไร 100% ฮัลโลคิตตี้ ทำรายได้ให้เขามากถึง 94% ตัวอื่นทำแล้วก็ยังไม่โดนเท่า เพราะไม่ว่าตัวไหนที่ทำออกมามันจะกลายเป็นเด็กไปหมดเลย หลังจากฮัลโลคิตตี้ ก็จึงเร่ิมขยับขยายจากการขายของที่ระลึก มาเป็นสินค้าต่างๆ มากมาย ฮิตขนาดปัจจุบันร้านเพชรยังมี 'ฮัลโลคิตตี้'เพชรขายเลย ต่อมาก็ต่อยอดมาดังนั้นเพิ่มมามีสปา มีคอฟฟี่ชอป และอื่นๆ อีกมากมาย นี่คือที่มาความนิยมของคนทั้งโลก เพราะฮัลโลคิตตี้ตัวนี้อยู่ในหัวใจทุกคนๆ ไม่ใช่เฉพาะเด็ก" คุณหรีดกล่าว 

ดังนั้น เจ้าแม่คิตตี้ย้ำว่า ข่าวที่ออกมาว่าฮัลโลคิตตี้ไม่ใช่แมว จึงไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกหลอก

"ไม่เลยค่ะ ไม่เสียเซลฟ์ เพราะเราข้อมูลนี้รู้อยู่แล้ว ว่าเขาไม่ใช่แมว หากรักและอ่านประวัติความเป็นมาของมันก็จะรู้ ทุกคนรักมันเพราะความน่ารักของหน้าตา ท่าทาง หน้าตาสีขาว มีจมูกสีเหลือง มีโบสีแดง มีหนวดสีดำข้างละ 3 เส้น เดิน 2 ขา เต้นรำน่ารักๆ และแม้จะเป็นสัญลักษณ์ของแมว แต่ถ้าศึกษาประวัติเราก็จะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่แมว จริงๆ หรีดว่าถ้าคิตตี้เดินสี่ขามาตั้งแต่เร่ิมต้นมันจะตลกมากคนอาจจะไม่รักมันก็ได้นะ ที่บอกว่าช็อกคนทั้งโลก ไม่จริง หรีดว่าไม่มีผลเลย ยังไงคนก็ยังรักเขาอยู่ดี เขาไม่ต้องพูด ไม่มีปาก เขาไม่เถียง เขาพูดด้วยหัวใจ หรีดขอถามว่า แมวชอบกินแอปเปิลไหม ไม่ใช่ใช่ไหม เพราะอาหารโปรดของฮัลโลคิตตี้ก็คือแอปเปิลพาย แถมมีสัตว์เลี้ยงเป็นแมวอีก แล้วประวัติของฮัลโลคิตตี้เขาชอบเพ้นท์ติ้ง แมวอะไรวาดรูปได้ ประวัติมันชัดอยู่แล้ว เราไม่ได้รู้สึกว่าโดนหลอกเพราะเรารักมันอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นแมวหรือไม่เป็นแมว แต่เรารักที่หน้าตาแมวๆ ของมันอยู่ในหัวใจ"

...

เมื่อถามว่าข่าวนี้รู้สึกว่าเป็นแผนการตลาดไหม?

"หรีดไม่ทราบว่า ข่าวนี่ออกมาเพื่อวัตถุประ สงค์อะไร ไม่รู้จะพูดทำไม ตอนนี้กระแสฮัล โลคิตตี้มาแรง เนื่องจากจะถึงวันเกิดของเขา 1 พฤศจิกายนนี้จะครบรอบ 40 ปี ตอน นี้ขอบอกว่าดังทั่วโลก ดังมากกว่าการ์ตูนแทบทุกตัว มีแฟนทุกเพศทุกวัยทุกชาติ เพราะมันไม่มีปากมันพูดได้ทุกภาษาเลย อาจจะเป็นตรงนี้หรือเปล่า ทำให้คนถอยหลังมากึ่งหนึ่ง ว่าที่ทุกคนคิดว่าคิตตี้เป็นแมวมันไม่ใช่นะ แต่ถ้าคนรักคิตตี้ เขาก็รู้อยู่แล้วตามประวัติของมัน"  

สุดท้าย หุ้นส่วน 'ซานริโอ้ เฮลโล คิตตี้ เฮ้าส์ แบงค็อก' แห่งแรกในประเทศไทย ฝากทิ้งท้ายไปยังคนที่ออกมาพูดเรื่องนี้ด้วยว่า อยากจะบอกว่า ถึงคุณจะบอกว่าคิตตี้ไม่ใช่แมว แต่ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกของคนรักคิตตี้ หรือคิตตี้เลิฟเวอร์ หรือคิตตี้แฟน หรีดเชื่อมันเกิน 100% ว่าไม่มีผลอะไรกับเขาเลย เพราะเขารู้อยู่แล้วคิตตี้เป็นแบบไหน ถามว่าข่าวนี้มีผลอะไรกับธุรกิจหรือไม่ ไม่ได้มีผลอะไร แถมทำให้คนสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย