'ข่มขืน' เมื่อได้ยินคำนี้ทีไร ก็ต้องทำให้จิตใจหดหู่ขึ้นมาทันที ยิ่งในสังคมปัจจุบันด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงเลย เรียกได้ว่ามีคดีข่มขืนรายวันเลยทีเดียว ล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครม ในกรณี ดาราสาว 'พรีม กัญณภัทร วรบวรภัทร์' นางเอกละครจากค่ายเอ็กแซ็กท์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จากการต่อสู้กับโจรบุกปล้นบ้าน และหวังข่มขืน ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่รอดมาได้

'ไทยรัฐออนไลน์' เห็นอย่างนี้แล้ว จึงสอบถามผู้มีความรู้ พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยผู้หญิง เพื่อเป็นการป้องกันภัย เมื่ออยู่ในสถานการณ์นั้นผู้หญิงควรทำอย่างไร...

พ.ต.ท.โชติวิเชียร วิเชียรโชติ บอกว่า ปรัชญาแห่งความปลอดภัยคือ การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ การป้องกันภัยสำหรับผู้หญิงคือ อย่าพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง 3 สถานการณ์ ได้แก่ 1.สถานที่เสี่ยง 2 เวลาเสี่ยง 3. บุคคลเสี่ยง ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ปลอดภัยไปแล้ว 95% แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ แล้ว โอกาสปลอดภัยเหลือเพียง 5% ก็ต้องมีสติ, เตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัว และใช้วิชาการต่อสู้ป้องกันตัวเท่าที่เคยฝึกมา`

...

ดังนั้นคำถามข้อแรกถือว่าตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงแล้ว โอกาสรอดปลอดภัยเหลือเพียง 5%  ก็ต้องทำดังนี้

1.ตั้งสติให้ดี สูดหายใจลึกๆ เพื่อให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองให้ตื่นตัว

2.หากยังไม่ถูกจู่โจมประชิดตัว ให้หาทางหลบหนีให้เร็ว

3.ประเมินสถานที่ เป็นที่โล่ง เช่น ทุ่งนา ป่ากล้วย หรือห้องแคบๆ ถ้าเป็นห้องแคบๆ โอกาสรอดน้อยมาก

4.ถ้าเป็นเวลากลางคืนให้วิ่งไปทางที่มีแสงสว่าง หากระยะทางไกลไม่ควรตะโกนร้องให้ใครช่วยเพราะจะเหนื่อยเปล่า และคนร้ายจะติดตามเราได้จากทิศทางเสียงที่เราตะโกน

5.ถ้าประเมินแล้วว่าวิ่งหนีไม่ทันแน่ ให้มองหาที่หลบซ่อน ที่คนร้ายไม่สามารถดีงตัวเราออกมาได้ เช่น มุดใต้ท้องรถยนต์ กอไผ่ หรือมองหาสิ่งที่พอทำเป็นอาวุธได้ เช่น ท่อนไม้ยาวๆ หรือปากกา ลูกกุญแจ ก้อนหิน กิ่งไม้เก็บซ่อนไว้กับตัว

6.ถ้าเป็นห้องแคบๆ ให้ร้องตะโกนให้คนช่วย เช่น ไฟไหม้ๆ

7.ถ้าหนีไม่ทันและถูกคนร้ายจับตัวได้แล้วโอกาสรอดเหลือ 1% อย่ายอมให้คนร้ายทำให้เราหมดสติ เพราะถ้าหมดสติไปแล้วโอกาสรอดเหลือ 0% และอาจถูกฆ่าตายได้

8.การไม่ยอมให้คนร้ายทำให้เราหมดสติคือ หากถูกล็อกคอหายใจไม่ออกแล้วเป็นนาทีชีวิต คนร้ายจะพยายามทำให้เราหยุดดิ้นหรือหยุดร้อง ซี่งเขาอาจบีบคอเราจนตายหรือทำร้ายเราจนหมดสติ ต้องหยุดดิ้น แล้วบอกว่ายอมแล้วๆ อย่าฆ่าฉัน ฉันมีลูกเล็ก มีแม่แก่ๆ ที่ต้องเลี้ยงดู เผื่อคนร้ายจะปล่อยมือ

9.หากคนร้ายมีอาวุธร้ายแรง เช่น มีดหรือปืน ไม่ควรต่อสู้ ควรบอกว่ายอมแล้ว เพื่อหน่วงเวลาไว้

10.หากคนร้ายปล่อยมือให้รีบสูดหายใจเอาแรงกลับมา แล้วพยายามเจรจาต่อรองเช่นทำทีเป็นยอม บอกให้คนร้ายใจเย็นๆ

11.ต่อรองกับคนร้ายว่าอย่าข่มขืนเลย ถ้ามีทรัพย์สิน เช่น สร้อย แหวนให้ปลดออกมาแล้วบอกว่าให้ไปเลย ปล่อยฉันไป จะไม่ไปแจ้งตำรวจ เผื่อคนร้ายเปลี่ยนใจ

12.หากต่อรองไม่สำเร็จให้ทำทีเป็นยอม แล้วบอกว่าสถานที่ไม่อำนวยควรหาสถานที่ดีกว่านี้ เพื่อหน่วงเวลา

13.ระหว่างเจรจาควรบอกว่าเราเป็นกามโรค หรือมีประจำเดือน แล้วบอกว่าจะให้ทรัพย์สินแทน โดยเอาบัตร ATM ให้ไป และบอกรหัสลวงไป เผื่อคนร้ายจะไม่ข่มขืน

14.หากคนร้ายพยายามข่มขืนอีก ให้ทำทียอมจูบปาก และรอจังหวะกัดลิ้นคนร้ายให้เร็วและแรงที่สุดแล้วรีบดิ้นหลุดออกมา มิฉะนั้นอาจถูกทำร้ายเสียชีวิต

15.หากคนร้ายให้ช่วยสำเร็จความใคร่ ให้ฉวยโอกาสขณะคนร้ายถอดกางเกง แล้วเตะผ่าหมากคนร้ายให้เร็วและแรง แล้วรีบวิ่งหนี

16.หากถูกคนร้ายกดทับตัวอยู่ หากเป็นบริเวณป่า หรือพื้นดินให้เอากิ่งไม้ หรือปากกา ทีซ่อนไว้ทิ่มตาคนร้าย แล้วรีบวิ่งหนี หรือถ้าเป็นพื้นทรายให้กำทรายขว้างใส่ดวงตาคนร้ายระยะประชิดให้เข้าตาคนร้าย แล้วรีบวิ่งหนี

17.หากทำทุกอย่างแล้วยังถูกข่มขืนก็ขอให้รักษาชีวิตเอาไว้ เพื่อไปแจ้งความให้ตำรวจตามจับกุมคนร้ายมารับโทษภายหลัง

18.หากที่เกิดเหตุเป็นห้องพักเรา เราควรซ่อนอาวุธไว้ในจุดใกล้ตัวมือเอื้อมถึงสามารถหยิบมาใช้ได้ และใช้การเจรจาต่อรองหน่วงเวลาเพื่อให้คนร้ายตายใจ เช่น บอกว่าควรใส่ถุงยางอนามัยก่อน เดี๋ยวจะไปหยิบให้ แล้วหากมีโอกาสให้รีบวิ่งเข้าห้องน้ำล็อกประตูขังตัวเองไว้ แล้วตะโกนว่าไฟไหม้ๆ

19.อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์เลยครับ หากมีเวลาควรไปเข้าคอร์สเรียนการต่อสู้ป้องกันตัวเอาไว้บ้างเพื่อเอาตัวรอดยามคับขัน ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

"ไทยรัฐออนไลน์" เชื่อว่าข้อมูลเหล่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในสถานการณ์นั้นได้ไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าพาตัวเองให้เข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงจะดีที่สุด