ถึงเวลารอบเดือนมาทีไร ความทรมานจากอาการปวดท้องก็ถามหา บางคนปวดไม่มาก แต่บางคนก็ถึงขั้นหน้าซีด นอนซม ทำอะไรไม่ได้เลย และกลับเป็นอาการยอดฮิตที่พบได้ 70-80%
เรื่องของประจำเดือนจึงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งอาการปวดประจำเดือนที่จะมากหรือน้อย ก็ต้องหมั่นสังเกตดีๆ ว่าเป็นภาวะทั่วไป หรือผิดปกติหรือไม่ ซึ่งพญ.จูลี หวัง สูติ-นรีแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานีได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่าการปวดท้องประจำเดือนมีอยู่ 2 กลุ่มคือ เป็นโรคกับไม่เป็นโรค
1.การปวดท้องประจำเดือนแบบไม่เป็นโรค จะปวดท้องรอบเดือนใน 1-2 วันแรกของรอบเดือนเท่านั้น ปวดแบบทนได้ไม่ต้องทานยาแก้ปวด สาเหตุเกิดจากการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูกเพื่อไม่ให้รอบเดือนมามากจนทำให้เกิดภาวะตกเลือด
2. การปวดท้องประจำเดือนแบบเป็นโรค จะปวดท้องประจำเดือนมากจนต้องทานยาแก้ปวด สังเกตได้จากการเพิ่มปริมาณของยา เช่น พาราเซตามอล 2 เม็ด เป็น 4 เม็ด หรือเปลี่ยนเป็นยา Ponstan อาการปวดจาก 2-3 วัน กลายเป็นตลอดของช่วงรอบเดือน หรือคนที่มีอาการหนักจะพบว่าปวดตลอดเวลาโดยไม่สัมพันธ์กับรอบเดือนคนไข้กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากสภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นอกจากนี้ถ้าพบในอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน รังไข่ ปีกมดลูก จนกลายเป็นพังผืดในท้องก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิด Chocolate Cyst, เนื้องอกในมดลูก และมดลูกโตมีพังผืดในมดลูก
การรักษาเริ่มต้นจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และ Ultrasound ถ้ายังเป็นไม่มาก ไม่มีซีสต์ ไม่มีเนื้องอก พังผืดยังเป็นไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะรักษาด้วยการใช้ยา Hormone เช่น ยาคุมกำเนิด มีตั้งแต่ใช้กิน ฉีด ฝัง ใส่ห่วง เป็นต้น แต่ถ้าตรวจพบเนื้องอกซีสต์ หรือพังผืดที่เป็นเยอะจนทำให้อวัยวะข้างเคียงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีบุตรยาก ลำไส้อุดตัน หรือท่อไตอุดตัน จากพังผืด กลุ่มนี้ต้องทำการรักษาแบบการผ่าตัดส่องกล้อง
นอกจากนี้ การทำความสะอาดในช่วงมีประจำเดือนก็ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะระยะเวลาในการเปลี่ยนผ้าอนามัยนั้นสามารถเปลี่ยนได้บ่อยเท่าที่ต้องการ เพราะยิ่งเปลี่ยนบ่อยเท่าไหร่ก็จะยิ่งสบายตัวมากขึ้น เรื่องการทำความสะอาดเพียงแค่ดูแลอาบน้ำ หรือถ้าใครที่อยากใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ก็สามารถทำได้ แต่ควรทำเพียงภายนอกก็พอ ไม่ต้องสวนล้างเข้าไปจนถึงภายในเพราะไม่อย่างนั้นจะยิ่งเกิดอันตรายได้จากการติดเชื้อหรืออักเสบได้
...