แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้จริงๆ ภายใต้ภาพลักษณ์สุดแสนจะไฮโซหรูหรา ใครจะคิดว่า “กาย-ขนิษฐา จิตต์กุศล” ท็อปสเปนเดอร์ขวัญใจแบรนด์เนมระดับโลก เกิดและโตมาในดงสลัม ปากกัดตีนถีบตั้งแต่เด็ก กระทั่งชีวิตมาพลิกผันเป็นซินเดอเรลลาได้แต่งงานกับนักธุรกิจตระกูลเศรษฐี และต่อยอดสร้างความมั่งคั่งจากการซื้อขายที่ดิน จนทุกวันนี้กลายเป็นเจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์พันล้าน

“กายโตมาในครอบครัวฐานะไม่ดีอยู่แฟลตชุมชนแออัด แม่ขายน้ำแข็งไสเลี้ยงลูก 8 คน พี่น้องไม่มีใครเรียนหนังสือเลย ยกเว้นกายคนเดียว เรียนจบ ปวช. จากโยนออฟอาร์ค จากนั้นไปต่อ ปวส. ที่บพิตรพิมุข และเรียนภาคค่ำที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กายคิดมาตั้งแต่เด็กว่าโตขึ้นอยากรวย เป็นคนชอบหาเงินไม่อยากลำบาก เพราะที่บ้านลำบากมาก ทุกคนนอนเรียงกันในห้องแคบๆ ไม่มีทีวีตู้เย็น ต้องแอบดูบ้านคนอื่น ตอนเด็กๆกายทำทุกอย่าง แม้แต่เก็บขวดชั่งกิโลขาย และเก็บเศษเหล็กตามก่อสร้างไปชั่งกิโลขาย เป็นเด็กที่ไม่มีจักรยาน แต่ขี่จักรยานเป็น เพราะยืมของเพื่อน เชื่อไหมว่าจักรยานคันแรกในชีวิตได้มาจากเงินที่ปลิวจากฟ้า อันนี้ไม่ได้พูดเล่น เราเดินอยู่ริมถนน จู่ๆก็มีแบงก์ 500 ปลิวมาตกตรงหน้า เรารีบวิ่งไปบอกแม่ว่าม้าๆมีเงินปลิวจากฟ้า แม่ไม่เชื่อต้องพาไปดูที่เกิดเหตุ กายเพิ่งมาสบายขึ้นหน่อยตอนไปช่วยพี่ชายเขียนบิลขายอุปกรณ์ไฟฟ้าจากจีนและญี่ปุ่น พี่ชายเปิดร้านอยู่วรจักร ทำให้ได้ค่าขนมไปโรงเรียน นี่เป็นที่มาให้ได้เจอแฟนด้วย เพราะเราขายเก่งจนเป็นท็อปสเปนเดอร์ของมิตซูบิชิ ส่วนแฟนเป็นดีลเลอร์ มิตซูบิชิ เลยไปเจอกันในทริปล่องเรือเลี้ยงท็อปสเปนเดอร์ 20 คู่ ตอนนั้นกายอายุ 20 กำลังเรียนปี 2 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาคค่ำ เพราะชอบหาเงินและยอมนอนน้อย ตอนเรียนปี 3 ไปเป็นเลขาผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ อยู่สำนักงานใหญ่ 1 ปี แล้วกลับมาช่วยที่บ้าน 1 ปี จนจบปี 4 ค่อยแต่งงาน หมอดูทักว่าแต่งกับคนอายุมากกว่าเยอะๆจะสบาย เขาอายุมากกว่าเรา 14 ปี ตรงสเปกเลย”...คุณกายย้อนรำลึกชีวิตวัยเด็ก

...

สร้างความมั่งคั่งขึ้นมายังไงจนมีเป็นพันล้าน

งานหลักคือช่วยสามีดูแลธุรกิจครอบครัว “บจก.อีวาแมค” นำเข้าปั๊มลม ปืนพ่นสี ไลน์พ่นสีจากญี่ปุ่น ในตำแหน่งกรรมการบริหาร แต่ที่ช็อปปิ้งทุกวันนี้จนติดอันดับท็อปสเปนเดอร์มาจากการลงทุนซื้อขายที่ดิน ปลุกปั้นธุรกิจอสังหาฯ “บจก.เอสจีซี แลนด์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้” ด้วยตัวเอง เริ่มต้นเมื่อ 23 ปีที่แล้ว กายไปซื้อที่ดินแปลงแรกแถวถนนราชพฤกษ์ ตั้งใจซื้อที่ดิน 1 ไร่ เพื่อจะปลูกบ้าน พอเราซื้อเสร็จนายหน้าบอกว่ามีคนให้ราคาที่ดินจาก 4 ล้านบาท เป็น 8 ล้านบาท คุณกายจะขายไหม แค่เดือนเดียวเองกำไรเท่าตัว จากนั้นนายหน้าพาไปดูที่ดินแปลงอื่นๆ ย่านเดียวกัน ซึ่งจะมีถนนตัดผ่านในอนาคต เราไล่ซื้อหมดเลย เพราะเห็นว่าลงทุนทางนี้แล้วรุ่ง ตั้งแต่วันนั้นก็เข้าวงการเต็มตัว แต่ต้องบอกก่อนว่าตอนซื้อที่ดินไม่เห็นถนนนะคะ ต้องอาศัยความเชื่อใจอย่างเดียว กายลุยมากเดินเข้าสวนเข้าท้องร่องเป็น 10 กิโล ไปกับนายหน้าเพื่อดูที่ดินทุกแปลง ซื้อเงินสดๆกับชาวบ้านโดยตรง นายหน้าดีๆสำคัญมาก เพราะถ้าเจอคนไม่ดีอาจโดนหลอกได้ เวลาไปก็นั่งคุยกับชาวบ้านตามท้องร่องนี่แหละ ต้องรู้ให้แน่ว่ารัฐจ่ายค่าเวนคืนชาวบ้านแล้ว ถึงจะกล้าลงทุน

...

อยากลงทุนซื้อขายที่ดินให้รวยต่อเนื่องมีเคล็ดลับอย่างไร

กายจะเน้นที่ดินติดถนนใหญ่ เท่านั้น ไม่เอาที่ดินในซอยเด็ดขาด เวลาขายจะง่ายหน่อย คู่แข่งน้อย สำคัญคือโลเกชัน และที่ดินต้องติดถนนใหญ่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นสุดๆคือกายจะซื้อตอนที่เป็นแค่หลักแดงปักที่ดิน คนเล่นที่ดินจะรู้ว่าหลักแดงมีความหมายว่าเราไม่ได้รอให้ถนนตัดผ่านรถวิ่งได้แล้วถึงไปซื้อ หลักแดงคือรัฐไปปักที่ดินของชาวบ้านแล้ว หลังเวนคืนที่ชาวบ้านเรียบร้อย แต่ยังไม่มีการสร้างถนน ถามว่าจะรู้ได้ยังไง เราก็ต้องมีนายหน้าเก่งๆคอยหาข่าวให้ ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะมาบอกนายหน้าว่าบ้านเขาจะมีถนนตัดแล้วนะ เราก็ต้องรีบไปซื้อตอนนั้นเลย เพราะชาวบ้านไม่รอถึงตอนถนนตัดหรอก กว่ารัฐบาลจะสร้างเสร็จกว่างบจะมาไม่รู้ต้องรอนานแค่ไหน ชาวบ้านส่วนใหญ่อยากขายที่ดินเอาเงินสดๆเป็นก้อนไปเลย เช่น จากเดิมเป็นท้องร่องราคาไร่หนึ่งไม่ถึงล้าน ชาวบ้านขายเราก่อนแล้วในราคาไร่ละ 10 ล้านบาท เราก็ต้องซื้อ เพราะเมื่อถึงเวลาถนนตัดผ่านราคาจะขึ้นหลายเท่าตัว กายเล่นที่ดินมารู้เลยว่าถ้าเรารอได้และเงินเย็นจริงๆมีแต่กำไร เพราะราคาที่ดินมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ไม่มีการเสื่อมสภาพเหมือนทรัพย์สินประเภทอื่น ตรงไหนจะมี ถนนตัดผ่าน, เมืองขยายตัว และมีความเจริญใหม่ๆเกิดขึ้นในทำเลใกล้เคียง รับรองว่าราคาที่ดินจะดีดตัวขึ้นหลายเท่าตัว อีกจุดหนึ่งที่สำคัญคือ ระหว่างที่ลงทุนซื้อที่ดินเปล่ามาเก็งกำไรหรือรอแบ่งขายในอนาคต ยังสามารถปล่อยเช่าให้คนทำธุรกิจแบบไม่ถาวร เช่น ทำตลาดนัด และลานจอดรถ

...

สไตล์การลงทุนของคุณกายถึงลูกถึงคนขนาดไหน

สไตล์ของกายจะใช้ความอึดและเงินเย็นเป็นหลัก กายเก็บที่ดินไม่ต่ำกว่า 10 ปี จะไม่ขาย ทันทีที่ถนนสร้างเสร็จ ต้องรอให้มีรถวิ่งเยอะๆก่อน มีความเจริญใหม่ๆเกิดขึ้นจริง ถึงตอนนั้นจะมีโอกาสกำไรเป็น 10 เท่าตัว ล่าสุด เพิ่งขายที่ดินหลักแดงแถวราชพฤกษ์ไป 6 ไร่ เก็บมานาน 20 ปี จากทุน 78 ล้านบาท มาขายได้ 400 ล้านบาท กรณีที่เงินไม่เย็นมากให้เก็บไว้ 5 ปีก็ได้ รับรองว่าราคาที่ดินกระโดดเป็นสองเท่าสบายๆ กายมีนายหน้าเป็น 10 เจ้าเลย จะซื้อขายกับใครได้หมด ถ้าซื้อกับชาวบ้านจะได้ราคาถูกที่สุด ซื้อตอนที่ชาวบ้านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีถนนตัดผ่าน แต่ถ้าเอาให้ชัวร์ต้องเห็นกับตาว่าปักหลักแดงแล้ว รัฐจ่ายค่าเวนคืนชาวบ้านแล้ว ซึ่งปกติรอไปอีกไม่เกิน 3 ปี จะมีถนนตัดผ่านจริง

...

ถึงตอนนี้ชีวิตมาไกลขนาดไหนจากที่ฝันไว้

วันแรกที่เข้ามาลงทุนซื้อขายที่ดินมีเงินทุนจากสามีอยู่ 40 ล้านบาท แต่ทุกวันนี้เราสามารถต่อยอดสร้างความมั่งคั่งได้เป็นพันล้าน มีที่ดินซื้อขายผ่านมือหลายสิบแปลง ถามว่าชีวิตมาไกลขนาดไหน ต้องบอกเลยว่าไกลมากจากตอนเด็กๆ ชีวิตกายเปลี่ยนไปเยอะมาก จากที่เคยโหนรถเมล์ทุกวัน และต้องทำอะไรเองทุกอย่าง ตอนนี้มีคนรับใช้และคนรถ 4-5 คน อยากกินอะไรอยากเที่ยวอะไรอยากช็อปปิ้งแบรนด์เนมอะไรก็ทำได้หมด มันสุดขนาดว่าวันหนึ่งช็อปปิ้ง 40 ล้านบาทก็ทำมาแล้ว เป็นท็อปสเปนเดอร์เกือบทุกห้างฯทุกแบรนด์ ได้ไปเที่ยวมาแล้วเกือบทั่วโลก อะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำมาหมดแล้ว

เคยถามตัวเองไหมว่าเรามีวันนี้ได้เพราะอะไร

กายเชื่อว่าทุก อย่างที่ได้มา มันมาจากการสวดมนต์และชอบทำบุญทำทาน กายสวดพระคาถาชินบัญชรตั้งแต่เรียน ม.1 และตัก บาตรทุกวันก่อนนั่งรถเมล์ไปโรงเรียน กายเชื่อ ว่าที่ได้มาเจอแฟนคนนี้ ทำให้ชีวิตเรามีทุกวันนี้ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ส่วนหนึ่งยอมรับว่าได้ความคิดมาจากการอ่านนิยายและการ์ตูน เราอยากเป็นเหมือนนางเอกในนิยาย กายยอมรับว่ามีวันนี้เพราะได้สามีรวย แต่เขาคอนเซอร์เวทีฟไม่ลงทุนเลย ผิดกับเราที่นิสัยนักเลงเอาทุกอย่างที่ทำเงินได้ ลองมาหมดแล้ว เจ๊งหุ้นมาก็เยอะแล้ว จนมาเจอหนทางใหม่คือการซื้อขายที่ดิน จากนั้นอะไรก็ไม่เอาแล้ว ทุ่มทางนี้ทางเดียว อีกอย่างกายเป็นลูกกตัญญูเลี้ยงดูแม่อย่างดีมาตลอดจนถึงวาระสุดท้าย เชื่อว่าตรงนี้ก็มีส่วนสำคัญ

ยุคนี้เงินทองหายาก กลัวไหมว่าจะกลับไปจนอีก

ที่เห็นใช้จ่ายหนักๆขนาดนี้ เรากันเงินสำรองไว้หมดสำหรับอนาคต จะดึงเงินของตัวเองมาใช้จ่ายไม่เกิน 30% โดยส่วนใหญ่จะเลือกซื้อเพื่อการลงทุนไม่ซื้อสะเปะสะปะ เน้นพวกไฮเอนด์จิวเวลรีของแบรนด์เครื่องประดับระดับโลก เช่น สร้อยงูของบุลการี ซื้อเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ราคา 13 ล้านบาท ตอนนี้ 22 ล้านบาท หรือสร้อยคอสายซิปของ Van Cleef & Arpels กายซื้อ 13 ล้านบาท ตอนนี้ขึ้นไป 17 ล้านบาท ถามว่ากลัวไหมที่จะกลับไปจนอีก บอกเลยว่าสบายมาก คิดว่าสู้ไหว เพราะเราผ่านความลำบากทุกอย่างแล้ว เคยยืนตีนบันไดรถเมล์สาย 8 ทุกเช้า ความลำบากทำให้เราอดทนและเป็นนักสู้ ไม่เคยกลัวคน จะให้นอนที่ไหนยังไงเราก็นอนได้ มันผ่านมาหมดแล้ว ผ่านแบบล่างสุดๆจนถึงบนสุดๆ กายบอกลูกๆเสมอว่าพวกเธอวาสนาดีกว่าแม่มาก เกิดมามีพ่อแม่ร่ำรวยแล้ว ได้ใช้ชีวิตสุขสบาย

อะไรคือของขวัญของชีวิต

สามีและลูกทั้งสามคนน่ารักมาก กายเลี้ยงลูกๆเหมือนแม่เลี้ยงเรามา ให้อิสระลูกเต็มที่ไม่เคยห้าม เพียงแต่ขอให้มาบอกเรา โชคดีลูกๆไม่เคยเกเร เรียนจบกันหมดแล้ว กายบอกลูกตลอดว่าแม่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้เป็นผลมาจากการสวดมนต์และทำบุญ จะเล่าให้ฟังหมดว่าเมื่อก่อนแม่ลำบากยังไง ส่วนสามีก็ดีมากไม่เที่ยวไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่ สามทุ่มเข้านอนแล้ว เขาไม่สวีตนะ แต่ตามใจเราทุกอย่าง

ยังมีความฝันอะไรอีกไหมที่ต้องคว้าให้ได้

กายอยากเป็นเจ้าของคอมมิวนิตี้มอลล์ หรือเจ้าของตึกที่เป็นชื่อตัวเอง แต่สามีไม่ยอมไม่อยากเป็นหนี้ตอนแก่ ชีวิตกายมันสุดแล้วล่ะ ถึงจะเกิดมาลำบาก แต่ทำให้เราสู้ชีวิต และสามารถต่อยอดจากสามีจนมีทรัพย์สินเป็นพันล้าน ยอมรับว่าทำบุญเยอะมากจริงๆ ถ้าชาติหน้ามีจริงคงไม่เกิดมาลำบากอีกแล้ว!!

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่