เป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว มณีนาฎ ทวีแสงศิริ ผู้บริหารทายาทรุ่นที่ 2 แห่งโพธาลัย แบงค็อก ที่พร้อมนำวิสัยทัศน์ของคนรุ่นใหม่เข้ามาพัฒนางานให้มีมาตรฐานระดับสากล

คุณแจน-มณีนาฎ ทวีแสงศิริ รองกรรมการผู้อำนวยการ โพธาลัย แบงค็อก อาณาจักรที่รวมไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร ทั้งศูนย์สุขภาพและกิจกรรมทางการกีฬา และสถานที่จัดงานแต่งงาน, งานประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม ซอยโยธินพัฒนา 3 เล่าถึงเส้นทางการทำงานของตนเองว่า แจนจบบริหารจากประเทศสหรัฐฯ เคยได้ไปเรียนรู้งานที่กระทรวงการคลังอยู่ 6 เดือน ก่อนเข้ามาทำงานธุรกิจของที่บ้าน ซึ่งตอนนี้แจนเข้ามาดูภาพรวมทั้งหมดของโพธาลัย แบงค็อก ที่เป็นธุรกิจ Hospitality เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ มีสปา กอล์ฟ และจัดเลี้ยง รวมทั้งงานแต่งงานที่แตกต่างจากโรงแรม โดยเราตอบโจทย์ทุกสไตล์งานแต่งอย่างมืออาชีพแบบครบวงจร

“แจน เข้ามาดูโพธาลัย แบงค็อกประมาณ 7 ปีแล้วค่ะ มาทำทีแรกต้องเรียนรู้ทุกแผนกไปเรื่อยๆกินเวลาเป็นปี ทำให้ได้เรียนรู้เยอะ เรียนงานจากประสบการณ์ความผิดพลาด ทำให้เรารู้ถึงการแก้ปัญหา แจน เรียนรู้จากตรงนั้นไปเรื่อยๆ จนมีความรู้สึกว่าปัญหาต่างๆ ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับเราแล้ว เมื่อก่อนอาจจะรู้สึกอึดอัด เพราะเราเด็กด้วย แล้วงานเราก็เกี่ยวข้องกับคนเยอะ ซึ่งประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ทุกคนสอนเราหมดเลยค่ะ ความหลากหลายสไตล์ของคนสอนให้เรารู้จักคนมากขึ้น ต้องขอบคุณทุกคนที่เขามาสอนเราจริงๆ ความรู้ไม่ใช่ by the book เลย by experience จริงๆ สอนให้เรารู้จักดีลกับคนอย่างไร แล้วเราต้องปรับตัวพัฒนาไปเรื่อยๆค่ะ”

...

สำหรับการพัฒนาธุรกิจภายใต้บังเหียนของผู้บริหารสาวคนนี้ เธอบอกว่า ธุรกิจนี้เริ่มจากแพชชันของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งคุณแม่อยากยกระดับธุรกิจของคุณตาที่ทำนวดวัดโพธิ์ ท่านเลยทำสปา พอมีลูกค้ามาเห็นสถานที่ก็แนะนำให้ทำจัดเลี้ยง ส่วนกิจกรรมทางกีฬามาจากที่คุณพ่อชอบตีกอล์ฟ กิจกรรมเลยมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพอ แจน เข้ามาบริหารก็อยากทำให้เป็นเวิลด์คลาส ทำให้เป็นมาตรฐาน ตอนนี้มันเป็นแฟมิลี่ บิสซิเนส ที่ระบบอาจจะยังไม่ชัดเจน ตอนนี้ เราพยายามสร้างระบบให้มีมาตรฐานที่ดี และเกี่ยวกับพนักงาน สวัสดิการต่างๆ เราพยายามให้เขาทำงานอย่างมีความสุข เมื่อคนที่ทำงานมีความสุข แล้วความสุขออกมาในเนื้องาน

“แจน ก็มี motto ว่าเราทำงานต้องมีความสุขค่ะ สนุกกับการทำงาน ทีแรก แจน ก็ไม่ชอบงานด้านบริหาร ชอบด้านศิลปะและจิตวิทยามากกว่า แต่ทำงานไปแล้วเราสามารถแก้ปัญหาได้ เลยรู้สึกสนุกกับการทำงาน ในการทำงาน แจน ได้นำสไตล์การทำงานของคุณพ่อและคุณแม่มาหาจุดบาลานซ์ เพราะทั้ง 2 ท่าน มีสไตล์การทำงานต่างกัน โดย แจน เอาจุดตรงกลางที่บาลานซ์กันพอดี อย่างคุณพ่อเป็นคนทำงานแบบมุมานะ เป็น นักสู้อยากจะเอาชนะ ส่วนคุณแม่เป็นคนที่วางแผน ช่วยแก้ปัญหา แจน เลยอยู่ตรงกลาง เพราะบางทีคุณพ่อก็เอ็กซ์สตรีมเกินไป ส่วนคุณแม่ก็อดทนมาก บางสิ่งบางอย่างเราต้องไม่โอเคก็ได้ค่ะ”...สไตล์ที่ลงตัวในการทำงานของสาวเก่งคนนี้.