สเต็มเซลล์ (Stem cell) เซลล์อัจฉริยะต้นกำเนิด หรือเซลล์แรกสุดของหน่วยชีวิต ก่อนที่จะพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์หน่วยอื่นๆ ของร่างกาย เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์ไขมัน เซลล์กระดูก เซลล์หัวใจ เซลล์ตับ และเมื่อเซลล์พัฒนาไปแล้ว จะไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นสเต็มเซลล์ได้อีก ปัจจุบันในวงการความงามได้นำสเต็มเซลล์ มาช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ซึ่ง นพ.อดุลย์ชัย แสงเสริฐ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม กล่าวว่า จากที่ได้ศึกษาเรื่องสเต็มเซลล์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีคนหันมาสนใจเรื่องสเต็มเซลล์มากขึ้น อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ทำร้ายผิวพรรณมากขึ้น หรือไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ทำให้เวลาการดูแลผิวน้อยลง พออายุเพิ่มขึ้นจึงต้องเผชิญปัญหาเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อยต่างๆ

คุณหมออดุลย์ชัยกล่าวอีกว่า กระบวนการกว่าจะได้สเต็มเซลล์มานั้นจะต้องนำไปผ่านกระบวนการคัดแยกออกจากไขมันของตัวเองก่อนจะฉีดสเต็มเซลล์กลับเข้าไปใหม่ ซึ่งมีกระบวนการที่ละเอียดพอสมควร เพราะนอกจากไขมันที่ดูดออกมาจะไม่ให้สัมผัสกับอากาศแล้ว ยังต้องนำไปปั่นเพื่อแยกเป็นไขมันดี-ไม่ดี เพื่อนำไขมัน ดีไปปั่นซ้ำ และทำการคัดแยกสเต็มเซลล์ ซึ่งกระบวนการนี้เราเรียกว่า Activated Stem cell + Culture Stem cell ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง

...

ด้าน ดร.จุง ซอง อิล ศัลยแพทย์คนดังจากเกาหลี กล่าวเสริมว่า ในประเทศเกาหลีจะใช้เครื่องมือ Maxistem ในการช่วยแยกสเต็มเซลล์ ออกจากเซลล์ไขมัน นอกจากนี้ เครื่องมือนี้ยังสามารถแยกสเต็มเซลล์ และเพิ่มจำนวนมากกว่าเครื่องมือเดิมๆ ถึง 2 เท่า โดยบริษัท คลินิก และเครื่องมือ ต้องผ่านมาตรฐานการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศเกาหลี (KFDA) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ทั้งสิ้น การทำงานของสเต็มเซลล์ เมื่อฉีดเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของใบหน้า เช่น ร่องแก้ม, รอยย่นหน้าผาก บริเวณแก้มที่ตอบ จะทำให้ช่องว่างระหว่างผิวหนังกับพังผืดใบหน้าชั้นลึกแน่นขึ้น ทำให้เส้นเอ็นที่ยึดหน้าตึงขึ้น ส่งผลให้ใบหน้ามีความเต่งตึงกว่าเก่า หรือถ้าต้องการเสริมจมูกหรือคาง ก็สามารถนำสเต็มเซลล์สกัดที่ผสมกับไขมัน ฉีดเพื่อทำการเสริมได้เลยเช่นกัน.