ในยุคสมัยนี้ “แฟชั่นทรงผม” เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หนุ่มๆ สาวๆ ให้ความสนใจไปไม่น้อยกว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเลย เรียกได้ว่าบางคนเปลี่ยนเทรนด์ เปลี่ยนสี เปลี่ยนทรงผมแทบจะไม่ซ้ำกัน วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จึงขอพาไปอัพเดตเทรนด์ผมสุดฮอต ในปี 2018 จาก “HIVE LIFE by L’Oreal Professionnel” (ไฮฟ์ ไลฟ์ บาย ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล) บริหารงานโดยแฮร์สไตล์ลิสต์ชื่อดัง “ก้อง - กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา” ซึ่งจะมีทรงไหนกันบ้างไปชมกัน...

ทีมช่างผมสุดแซ่บของ “HIVE LIFE by L’Oreal Professionnel”
ทีมช่างผมสุดแซ่บของ “HIVE LIFE by L’Oreal Professionnel”

1.Modern Layer Bob

...

เริ่มกันที่ช่างผมคนแรก “พานิล – พานิล แซ่ลิ้ม” ที่เรียนทำผมมาตั้งแต่อายุ 17 ปี แถมยังเคยไปฝึกฝนวิชาไกลถึงประเทศอังกฤษ โดยบอกว่าทรงผมที่เหมาะที่สุดของแต่ละคน คือ ทรงที่ดูแลได้ง่ายๆ สามารถเซตเองได้ ไม่ต้องเข้าร้านทำผมทุกวัน และด้วยความที่ถนัดการซอยที่ค่อนข้างมี Shape (เชป) “พานิล” จึงขอแนะนำทรง Modern Layer Bob (โมเดิร์น เลเยอร์ บ๊อบ) โดยการตัดฐานผมด้านล่างเป็นบ๊อบ พร้อมกับเลเยอร์ผมในส่วนบน เพื่อให้ดูมีวอลลุ่มเพิ่มขึ้น พร้อมเพิ่มลุคหวานๆ ด้วยการทำสี Pastel Lilac Blond (พาสเทล ไลแลค บลอนด์) ด้วยการทำไฮไลต์ก่อน แล้วค่อยลงสีม่วงช่วงโคนแล้วเกลี่ยมาที่ปลายผม “พานิล” การันตีว่า ถ้าคุณเป็นสาวทันสมัย ชอบความเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ และไม่ต้องดูแลเยอะ รับรองทรงนี้เหมาะแน่นอน

2.Pixie cut

ต่อกันที่ช่างผมมากประสบการณ์ “ติ๊ก – ชนิสร ป้องปา” ที่สืบทอดอาชีพช่างผมมาตั้งแต่รุ่นคุณแม่ ตัวเองเลยถนัดหลากหลายเทคนิค ทั้งตัด ดัด ทำสี และแต่งทรง แนะนำว่าสำหรับสาวๆ ที่ไม่ชอบเซตผม หรือไม่ชำนาญในการเซตผม เหมาะกับสไตล์ พิคซี่ ด้วยเทคนิคซอยกรรไกรบ๊อบสไลด์ปลาย ถ้ายิ่งถ้าใครมีเส้นผมที่จัดทรงยากๆ รับรองว่าทรงนี้เอาอยู่ โดยจะให้ลุคเท่ๆ เซอร์ๆ และวันนี้เลือกทำสีผมแอชบราวน์ ที่เหมาะกับสีผิวของสาวเอเชีย

3.Modern Curly Hai

ส่วนช่างผมสาวสวย “เหมย – ธนลีดา ศรีประทุม” ที่หลงรักเสน่ห์การตัดผมชายในสไตล์บาร์เบอร์ เพราะได้ไปเห็น Barber Culture (บาร์เบอร์ คัลเจอร์) ของต่างประเทศ ขณะที่ไปเรียนภาษาที่นิวซีแลนด์ แนะนำทรง Modern Curly Hair (โมเดิร์น เคิร์ลลี่ แฮร์) ให้กับหนุ่มๆ ที่มีผมค่อนข้างบาง หรือผมเส้นเล็ก ด้วยเทคนิคการตัดผมด้านข้างและด้านหลังให้สั้น แล้วเก็บเนื้อผมด้านบนไว้ เพื่อให้ดูผมหนาขึ้น และถ้าอยากจะเพิ่มลุคให้ดูเป็นแฟชั่นนิสต้าหนุ่ม ที่ชอบแต่งตัว และชอบแฟชั่น แนะนำให้เพิ่มการทำสีผมเป็นสีเทา ด้วยเทคนิค Balayage (บาลายาจ) หรือการทำไฮไลต์สีผมโดยใช้การเล่นสีผมแบบไล่เฉดสีตั้งแต่เข้ม กลาง จนไปถึงปลายผมให้ออกสีสว่าง แค่นี้ก็รับรองจะโดดเด่นสะดุดตา จนสาวๆ ต้องมองเหลียวหลัง

4.Street Bob

...

ตามมาด้วยสาวเท่ “ส้ม – จุติพร สีแสงทอง” ที่ผันตัวจากโปรดิวเซอร์ ในเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ มาเป็นช่างผม เพราะติดใจในการแอบซอยผมให้ตัวเองและเพื่อนๆ สมัยอยู่โรงเรียนประจำ เชื่อว่าไม่ว่าจะผ่านไปอีกสักกี่ปี ผมทรงคลาสสิกอย่างผมบ๊อบ ก็ไม่มีวันเอาต์ เพียงแต่ต้องรู้จักใส่ลูกเล่น หรือเทคนิคใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ จึงอยากแนะนำทรง Street Bob (สตรีท บ๊อบ) ด้วยเทคนิคการตัดปลายตรง เหมาะกับผมเส้นใหญ่ ผมตรง หรือผมจัดทรงยาก แล้วเพิ่มความสนุกสนานด้วยการทำสีเขียวสะท้อนแสงซ่อนไว้ด้านใน ลดความฉูดฉาด เพื่อให้สามารถทำในชีวิตประจำวันได้

5.Balayage

ต่อด้วย “ยูทา – ภวรัช พึ่งพร” ที่เริ่มจากได้มีโอกาสไปใช้บริการร้านทำผมร้านหนึ่ง แล้วรู้สึกว่าการเปลี่ยนทรงผม สามารถเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของคนคนหนึ่งได้ ทำให้รู้สึกว่าทรงผมเป็นสิ่งสำคัญ โดยทรงผมสุดเก๋ที่ออกแบบขึ้นมานี้ ได้แรงบันดาลใจมาจากตอนนั่งดื่มกาแฟกับคาราเมล พร้อมเอาเทคนิคการทำสีผมแบบ Balayage (บาลายาจ) หรือการทำไฮไลต์สีผมโดยใช้การเล่นสีผมแบบไล่เฉดสีตั้งแต่เข้ม กลาง จนไปถึงปลายผมให้ออกสีสว่าง โดยเลือกใช้โทนสีอุ่น ให้เข้ากับสีผิวของสาวไทย ช่วยเพิ่มลุคให้มีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใคร

...

6.Little Mermaid

ด้านช่างผมมากประสบการณ์ ผ่านการทำงานในซาลอนชั้นนำของเมืองไทย จนเชี่ยวชาญทั้งผมชายและหญิง “อาร์ท – ไพรัตน์ ปะปาโคน” ที่มีสไตล์การทำผมที่เน้นความทันสมัย แต่ลูกค้าต้องดูแลและเซตเองได้แบบไม่ยุ่งยาก แนะนำทรงผมที่มีชื่อน่ารักๆ “Little Mermaid” (ลิตเติ้ล เมอร์เมด) เน้นการตัดให้ดูมีเลเยอร์ ด้วยเทคนิค Square Layer (สแควร์ เลเยอร์) คือ ฐานหนัก แต่ยังมีกรอบของเลเยอร์ เพื่อให้จัดแต่งทรงได้ง่าย และอยู่ทรงได้นานขึ้น พร้อมเลือกทำสีที่สวยแบบคลาสสิกและใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น โทนน้ำตาลประกายม่วง ที่เหมาะกับทุกสีผิวของสาวเอเชีย โดยใช้เทคนิค Balayage (บาลายาจ) Babylight (เบบี้ไลท์) การเกลี่ยไฮไลต์แบบละเอียดและเส้นเล็ก ให้ผมเป็นประกายอย่างเป็นธรรมชาติ และ Ombre (ออมเบร่) การเกลี่ยไล่สีผมจากโคนจดปลาย โดยจะไล่สีผมจากเข้มไปจนสีอ่อน ช่วยเมคโอเวอร์ให้กลายเป็นสาวหวานปนเซ็กซี่ ให้หนุ่มๆ จ้องตาไม่กะพริบ  

...

7.Mix 80 and 18

ต่อกันที่ช่างผมที่มาพร้อมสีผมสุดจี๊ด “แบงค์ – เผ่าทอง เจริญสุข” ที่ชื่นชอบใช้แบตตาเลี่ยนและกรรไกรจบทรง โดยตัดตามการแต่งตัว หรือไลฟ์สไตล์ของลูกค้า แนะนำทรงสำหรับชายหนุ่ม ที่มีชื่อเก๋ๆ ว่า “Mix 80 and 18” (มิกซ์ 80 แอนด์ 18) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากทรงผมของหนุ่มๆ อเมริกันในยุค 80 ที่เน้นการตัดเปิดข้างจนถึงท้ายทอย มาเพิ่มลูกเล่นให้เข้ากับยุค 2018 ด้วยการทำสีเทาควันบุหรี่ โดยหนุ่ม “แบงค์” บอกว่า ทรงนี้ไม่ได้เหมาะเฉพาะแต่กับหนุ่มๆ แต่สาวๆ ที่อยากได้ลุคเปรี้ยวเท่ จะไปตัดตามก็ไม่ผิดกติกา

8.Modern Quiff

อีกหนึ่งช่างผมฝีมือเยี่ยม ที่สะสมประสบการณ์มากว่า 12 ปี “แบงค์ – อภิสิทธิ์ เชาวฉัตร” ครีเอตทรง “Modern Quiff” (โมเดิร์น ควิฟ) ที่มีเทกซ์เจอร์เบาสบาย ดูเป็นธรรมชาติ เน้นความเรียบง่าย แต่ก็แฝงความทันสมัย โดยใช้เทคนิคการตัดซอยผมด้านบนให้มีเทกซ์เจอร์เบาๆ บวกกับการย้อมผมสี Grey Sliver เทาเงิน เพื่อเพิ่มมิติให้กับทรงผม แล้วฟินิชลุคด้วยการจัดแต่งให้พลิ้วไหวดูเป็นธรรมชาติ  

9.Texture Crop

แต่ถ้าใครชอบการตัดผมที่ให้ดูมีความสตรองและความซอฟต์ผสมผสานกัน ต้องคนนี้เลย “จีน – ชัยกำพล จันทรักษ์” หลังจากจบคอร์ส Salon Creative (ซาลอน ครีเอทีฟ) จากประเทศอังกฤษ “จีน” ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในฐานะช่างผมมืออาชีพมาแล้วกว่า 5 ปี พร้อมกับนำความถนัดของตัวเอง มาออกแบบทรงผมสุดเปรี้ยวออกมาในชื่อ “Texture Crop” (เทกซ์เจอร์ ครอป) ซึ่งได้มาจากวิธีการตัด ที่ตัดแบบเชื่อมกันทั้งศีรษะ เริ่มจากการกำหนดความยาว เพิ่มความโดดเด่นด้วยการทำสีโทน Silver Ash (ซิลเวอร์ แอช) เพื่อยกระดับเส้นผมให้มีความสว่างและเทาหม่นควบคู่กันไป เหมาะกับสาวๆ ที่ไม่ชอบเหมือนใคร และอยากแสดงความเป็นตัวเองให้คนอื่นได้เห็น   

10.Natural Texture

ปิดท้ายที่ช่างผมลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น “Reiya Kiriyama” หรือ “เรยะ” ที่บอกว่าเลือกเป็นช่างผม เพราะอยากสร้างความสุขให้คนอื่นผ่านสไตล์การทำผม วันนี้ขอแนะนำทรง “Natural Texture” (เนเชอรัล เทกซ์เจอร์) สำหรับหนุ่มๆ ที่ชอบลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ เลยยังคงรักษาความยาวของผมไว้ และเลือกตัดเป็นจุดๆ เพื่อให้ผมดูมีเทกซ์เจอร์ พลิ้วไหว ไม่ดูแข็งกระด้าง เหมาะสำหรับคนผมเส้นเล็ก แต่ดูมีน้ำหนัก พร้อมเพิ่มความทันสมัยด้วยการทำสีโทนน้ำตาลเข้ม (Dark Brown).