ประสบการณ์ใหม่ๆที่ทรงเก็บเกี่ยวจากการใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน ไม่เพียงแต่จะทำให้ "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์ เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์" ทรงแข็งแกร่งขึ้น และมีมุมมองต่อชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงานทรงออกแบบเครื่องใช้ตกแต่งบ้านคอลเลกชั่นแรก ภายใต้แบรนด์ SIRIVAN NAVARI MAISON (สิริวัณณวรี เมซอง) เพื่อสะท้อนถึงความหมายแท้จริง ของคำว่า "บ้าน" ในนิยามของเจ้าหญิงดีไซเนอร์

หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดร้าน  SIRIVANNAVARI  MAISON  ณ  Luxe  Avenue ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน ในวันอังคารที่ผ่านมา (3 ส.ค.) โดยมีพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงนำช่อดอกไม้เสด็จร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น "พระองค์ หญิงสิริวัณณวรีฯ" ได้ประทานโอกาสให้ทีมข่าวสตรีไทยรัฐทูลสัมภาษณ์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อปลายปีที่แล้ว ถึงมุมมองในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และแรงบันดาลใจใหม่ๆที่เก็บเกี่ยวได้ระหว่างประทับอยู่ในต่างแดน

"ถ้าวันไหนมีเรียน ท่านหญิงจะตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้า ก็ไปเรียนๆๆ กว่าจะได้ทานข้าวอีกทีบ่ายสองโมง เรียนๆๆอีก พอหลัง 6 โมงเย็น ทุกคนจะรู้ว่าต้องเจอเรา ที่ห้องยิม จะออกกำลังกายประมาณ 1-2 ชั่วโมงทุกวัน ออกกำลังกายหนักมาก ว่ายน้ำก็หนัก จากนั้นก็จะเข้ากระโจมอบสมุนไพรให้เหงื่อออกเยอะๆ ช่วงไหนที่ไปฝึกงานกับห้องเสื้อต่างๆก็ทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึงทุ่มหนึ่ง เหนื่อยมากจนไม่มีแรงออกกำลังกาย แต่ที่สนุกมากๆคือ ตอนไปทำงานกับ "ซัลวาโทเร่ เฟอร์รากาโม่" ที่ประเทศอิตาลี

...ตอนไปไม่บอกเลยว่าเราเป็นดีไซเนอร์ เราเคยฝึกงานที่ไหนมาก่อน ปรากฏว่าเขาเปิดโอกาสให้ได้ทดลองทุกอย่าง ฝึกตั้งแต่ออกแบบเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เริ่มตั้งแต่ตัดหนัง เย็บหนัง ทำเองทุกอย่าง คือเป็นประสบการณ์ที่สนุกมากๆ และคุ้มค่ามากกว่าการได้เงินเยอะๆ ท่านหญิงต้องสู้ด้วยตัวเองทุกอย่าง โดนเรียกมาดุก็ต้องอดทน ฮึดสู้สุดๆ ต้องทำงานทุกอย่างแข่งกับเวลา กดดันตัวเองมาก รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ดีพอ เหมือนกลับไปเป็นเด็กปีหนึ่งอีกครั้ง ความรู้ก็ไม่แน่น ประสบการณ์ก็ไม่ดี เราฝันไว้สูงเลยกดดันตัวเองมาก!! ดูภายนอกเหมือนเก่ง แต่จริงๆไม่เลย

...

...การฝึกงานที่อิตาลีทำให้เราต้องขยันมากขึ้น ต้องถามตัวเองว่าจริงๆแล้ว ต้องการอะไร เรามาทำอะไรที่นี่ เราต้องตัดความเป็น "เจ้าหญิง" ทิ้งไปเลย และออกไปสู้กับตัวเอง ต้องพยายามเก็บเกี่ยวทุกอย่างกลับบ้านให้ได้เยอะที่สุด ยอมรับว่าเหนื่อยสุดๆ แต่ก็คุ้มมาก สมัยก่อนจะมองแต่ว่าต้องได้เงินเดือนสูงๆ แต่มันไม่ใช่ เทียบกันไม่ได้เลยกับสิ่งที่ได้รับ ทั้งคอนเนกชั่น ความรู้ และมิตรภาพ... กลับมาเมืองไทยครั้งนี้ท่านหญิงเปลี่ยนไปแล้ว บอกกับตัวเองว่า เราอายุ แค่ 20 ต้นๆ ต้องลุกขึ้นสู้ จะแพ้อยู่ทำไม อยากทำอะไรอีกเยอะแยะไปหมด ปีหน้าคงมีโปรเจกต์อีกเยอะเลย"

เมื่อทูลถามถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบเครื่องใช้ตกแต่งบ้านคอลเลกชั่นแรก "พระองค์หญิง" รับสั่งว่า..."มาจากความชอบตกแต่งบ้าน และได้มีโอกาสตกแต่งตำหนักของตัวเองที่ปารีส ท่านหญิงเชื่อว่าสำหรับทุกคนแล้ว ไม่มีอะไรจะที่สุดเท่ากับบ้านของตัวเอง เมื่อท่านหญิงได้ไปฝึกงานกับจิออร์จิโอ อาร์มานี และมีโอกาสเห็นโปรดักชั่นการทำโฮม คอลเลกชั่น เลยเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากตรงนั้นมาลองทำเป็นโปรเจกต์เล็กๆเกี่ยวกับการดีไซน์ของตกแต่งบ้าน แต่ไปๆมาๆกลายเป็นโปรเจกต์ใหญ่

...ตอนที่ลงมือออกแบบคอลเลกชั่นนี้ ท่านหญิงได้นำอารมณ์ ความรู้สึก และความชอบส่วนตัว มาใช้ในการดีไซน์ ท่านหญิงเริ่มจากการคิดทุกอย่าง โดยอยู่บนพื้นฐานความชอบส่วนตัว เป็นการเอาใจ ตัวเองก่อน แล้วค่อยถ่ายทอดออกมาเป็นคอลเลกชั่น อย่างเช่น กรอบรูป ก็มาจากการที่ท่านหญิงเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก และหากรอบรูปถูกใจไม่ได้ เลยคิดดีไซน์ขึ้นเอง หรืออย่างเทียนหอมกลิ่นต่างๆก็มาจากความที่ท่านหญิงเป็นคนชอบเทียนมาก และชอบให้บ้านมีกลิ่นหอมๆ เลยดีไซน์กลิ่นขึ้นเองทั้งหมด สไตล์ของท่านหญิงคือ ต้องไม่หวานมาก แต่เฟมมินินมากๆ ทุกอย่างได้แรงบันดาลใจจากศิลปะอาร์ตนูโว ยุค 1920 บวกกับความเป็นลักชัวรี่  ความเท่  ความเป็นชนเผ่า  และอะไรที่ล้ำสมัย  ไม่เหมือนใคร  มีกลิ่นอายความเป็นอาร์ติสต์อยู่เยอะ คือถ่ายทอดตัวตนความเป็นท่านหญิงในทุกแง่มุม".