ปักหมุด 5 จุดดำน้ำในประเทศไทย ที่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยว และนักดำน้ำทั่วโลกต้องเดินทางมาสักครั้ง

ประเทศไทย มีจุดแข็งในการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย และทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์ ‘การเที่ยวทะเลและชายหาด’ รวมถึง ‘กิจกรรมดำน้ำ’ จึงเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวในหลายๆ ประเทศใฝ่ฝันที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย

โดยท้องทะเลประเทศไทย ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย มีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ และความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามแตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ ทำให้นักดำน้ำ หรือนักท่องเที่ยว ต่างเพลิดเพลินกับสัตว์น้ำและปะการังหลากสีสัน ที่มากี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ

ไทยรัฐออนไลน์ นำข้อมูลจาก Tourism Product ของ ททท. ที่มาแนะนำ 5 จุดดำน้ำยอดนิยมในประเทศไทย ที่นักท่องเที่ยวสายกิจกรรมดำน้ำต้องห้ามพลาด

5 จุดดำน้ำสวยในประเทศไทย

  • กองปะการังเทียม เกาะลิบง จ.ตรัง 

ช่วงเวลาที่เหมาะสม : พฤศจิกายน-พฤษภาคม

เกาะลิบง เป็นหนึ่งเกาะที่มีกองปะการังเทียมหลายสิบแห่งในทะเลตรัง โดยกองปะการังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของกระแสน้ำในละแวกกองปะการังเทียมนี้ ทำให้ได้รับแร่ธาตุและสารอาหารอย่างเต็มที่ ทำให้กองปะการังนี้มีสีชมพูที่สวยงามทั่วทั้งบริเวณ รวมถึงยังมีฝูงปลาเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่มากมาย ซึ่งเป็นหนึ่งจุดดำน้ำที่แปลกและสวยงามแบบไม่เหมือนใคร

จุดดำน้ำแห่งนี้เหมาะสำหรับนักดำน้ำลึกแบบสกูบา และนักดำน้ำแบบฟรีไดพ์ที่มีประสบการณ์ นอกจากนี้เนื่องจากกองปะการังเทียมอยู่ในพื้นที่ใกล้ปากแม่น้ำ จึงควรเลือกดำน้ำในช่วงวันขึ้นและแรม 7-9 ค่ำ ระหว่างเวลาที่น้ำขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงตะกอนที่ทำให้น้ำขุ่น

...

  • เกาะริ้น จ.ชลบุรี

ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ตุลาคม-พฤษภาคม

เกาะริ้น คือหนึ่งในเกาะที่มีธรรมชาติใต้น้ำที่อุดมสมบูรณ์ และอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ที่สามารถเดินทางได้ง่ายที่สุด โดยเกาะริ้นเป็นเกาะที่อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ และอนุญาตให้นักดำน้ำสามารถเข้ามาชื่นชมธรรมชาติได้ภายใต้เงื่อนไขด้านการดูแลรักษาธรรมชาติอย่างเคร่งครัด ธรรมชาติที่นี่จึงสวยงามและบริสุทธิ์เหมือนจุดดำน้ำที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ เนื่องมาจากถูกปิดไปเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลเป็นระยะเวลานาน 

จุดดำน้ำหมายนี้ไม่ได้จำกัดเงื่อนไขในการดำน้ำ จึงขึ้นอยู่ที่ความลึก หรือตื้น หากเราดำน้ำแบบสกูบาลงไปที่ความลึก 15-17 เมตร จะได้พบกับดงปะการังอ่อนสีม่วง หรือดำน้ำแบบฟรีไดฟ์จะลงไปที่ความลึก 3-7 เมตร ก็จะได้เห็นปะการังแข็งที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของจุดดำน้ำของที่นี้

  • หินเพลิง จ.ระยอง 

ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ตุลาคม-พฤษภาคม

กองหินเพลิง เป็นหนึ่งในจุดดำน้ำที่นักดำน้ำมากมายต่างยกย่องให้เป็นจุดดำน้ำที่สวยที่สุดในภาคตะวันออก ด้วยกองหินแห่งนี้อยู่ไกลจากชายฝั่งค่อนข้างมาก จึงทำให้น้ำทะเลที่นี่ใส จนบางวันสามารถมองเห็นแนวปะการังได้จากบนเรือเลยทีเดียว

กองหินเพลิง มีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ 2 กอง โดยกองหินด้านทิศตะวันตกมีความลึกมากกว่า ส่วนกองหินด้านทิศตะวันออกมียอดลึกจากผิวน้ำเพียง 3 เมตร และลดหลั่นเป็นแนวลาดชันไปถึงระดับความลึก 30 เมตร ซึ่งทั้งสองเป็นแหล่งอาศัยที่สำคัญของสัตว์น้ำมากมายหลายชนิด เราสามารถพบฝูงปลาข้างเหลือง ปลาหูช้าง ปลาสิงโต ปลาโนรี รวมไปถึงปลาฉลามวาฬ

นอกจากนี้ที่นี่ยังมีปะการังหลากหลายชนิด ทั้งปะการังแข็ง ฟองน้ำครก แส้ทะเลสีแดงสด และทุ่งดอกไม้ทะเลบนยอดกองหินที่พลิ้วไหวไปตามกระแสน้ำเสมือนเปลวเพลิง จึงเป็นที่มาของชื่อ หินเพลิง

  • เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี 

ช่วงเวลาที่เหมาะสม : กุมภาพันธ์-ตุลาคม

หนึ่งในหมู่เกาะที่เป็นที่รวมตัวของนักดำน้ำทั่วโลกที่เยอะที่สุด นั่นก็คือ ‘เกาะเต่า’ เกาะกลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งเป็นดั่งมหานครแห่งปะการัง นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ที่สนใจดำน้ำสกูบา โดยมีโรงเรียนสอนดำน้ำอยู่มากมาย ใครที่สนใจเริ่มกิจกรรมดำน้ำ มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

เหตุนี้ทำให้นักเดินทางมากมายต่างมุ่งหน้ามาเพื่อฝึกฝนทักษะการดำน้ำ และใช้เวลาในการดำน้ำชื่นชมความงามของโลกใต้ทะเล ตามจุดดำน้ำที่มีอยู่มากมายหลายแห่งรอบๆ เกาะ แถมยังมีความสวยงามเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้สิ่งที่น่าดึงดูดบนเกาะเต่าที่นอกจากการดำน้ำแล้ว ที่นี่ยังมีความสงบ มีกิจกรรมให้ทำอยู่มากมาย ซึ่งเรียกว่าหากได้เดินทางมาท่องเที่ยวแล้ว จะหลงใหลอยู่บนเกาะแห่งนี้อย่างแน่นอน

  • กองหินมูสัง หรือชาร์ค พอยท์ จ.ภูเก็ต 

ช่วงเวลาที่เหมาะสม : ตุลาคม-พฤษภาคม

...

กองหินมูสัง หรือชาร์ค พอยต์ (Shark Point) เป็นเส้นทางระหว่างจากเกาะภูเก็ตไปหมู่เกาะพีพี ซึ่งเป็นหนึ่งจุดดำน้ำที่มีระบบนิเวศใต้น้ำที่สมบูรณ์ ในอดีตยังมีการพบปลาฉลามเสือดาวได้บ่อยครั้ง จึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของหมุดหมายดำน้ำแห่งนี้

จุดดำน้ำแห่งนี้ ประกอบไปด้วยกองหิน 3 กอง เรียงตัวตามแนวเหนือใต้ กองด้านเหนือสุดเป็นหินพันน้ำ มีกระโจมไฟตั้งเป็นสัญลักษณ์, กองถัดมามียอดที่ระดับความลึก 5 เมตร และกองด้านใต้สุดมียอดที่ระดับความลึก 15 เมตร 

กองหินที่ได้รับความนิยมในการดำน้ำที่สุด คือ กองหินความลึกระดับ 5 เมตร เนื่องจากมีระดับความลึกไม่มาก และมีทิวทัศน์ใต้น้ำสวยงาม มีทั้งปะการังแข็ง กัลปังหา และฟองน้ำครก เปรียบเสมือนสวนปะการังใต้น้ำ 

ส่วนบริเวณยอดกองที่ความลึก 15 เมตร มีปะการังอ่อนหลากสีสันปกคลุมและสัตว์น้ำมากมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดถ่ายภาพใต้น้ำที่สวยงาม เพราะมีระดับความลึกสำหรับทำเซฟตี้สตอป (Safety Stop) ในทุกๆ 5 เมตร ทำให้นักดำน้ำมีเวลาสำหรับการชื่นชม และถ่ายภาพธรรมชาติสวยงามได้เต็มที่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโลเคชันดำน้ำที่ควรดำน้ำแบบสกูบา

ข้อมูล : Tourism Product

ภาพ : istock