เลยจากหัวหินไปไม่ไกล ผ่านปราณบุรี เราก็เข้าเขตอำเภอกุยบุรี อำเภอเล็กๆเกือบปลายสุดของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป้าหมายของเราคราวนี้อยู่ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี...แหล่งดูช้างป่าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้เป็นมรดกโลก (World Heritage) ด้วย

รถ 4×4 โฟร์วีลไดรฟ์ พาเราตะลุยผ่านอุโมงค์ต้นไม้และทุ่งหญ้ากว่า 1,500 ไร่ ที่ได้ชื่อว่าเป็น...ทุ่งหญ้าแห่งความลับ จุดเช็กอินล่าสุดของประจวบคีรีขันธ์ เพราะเมื่อมองผ่านวิวทุ่งหญ้าออกไปไกลจะเห็นเทือกเขาตะนาวศรีตั้งตระหง่านลดหลั่นกันเป็นแนวสลับซับซ้อน ดูสวยงาม ที่ถ้าไม่นับรวมอากาศก็เหมือนอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์เลยล่ะ

ว่ากันว่า...อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีครอบครัวของช้างป่าอาศัยอยู่รวมกันไม่น้อยกว่า 250 ตัว รวมทั้งเสือโคร่ง เสือดำ เสือดาว สมเสร็จ กระทิง นกเงือก เก้ง กวาง ฯลฯ เหตุผลก็เพราะที่นี่ยังคงเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ

เราเดินทางมาถึง ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณจุดตรวจห้วยลึก อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ช่วงเดียวกับ...ลูกท็อป หรือ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เดินทางลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่

...

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนพื้นที่นี้มีปัญหาความขัดแย้งของคนกับช้างป่า รวมทั้งปัญหาที่ช้างออกมาทำลายไร่สับปะรดของชาวบ้านจนเกิดความเสียหาย กลายเป็นปัญหาทั้งของคนและของช้าง กระทั่งหลายฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหา เกิดเป็น “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” หรือที่ชาวบ้านเรียกสั้นๆว่า...โครงการในหลวง ที่ทำให้คนและช้างป่าสามารถอยู่ร่วมกันได้

รถกระบะของ ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี ซึ่งทั้งคนขับและคนนำทางมีความชำนาญพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ขับพาเราตะลุยไปตามทางลึกเข้าไปเรื่อยๆ ผ่านลำห้วย และพื้นที่ที่คนนำทางบอกว่าเคยเป็นไร่สับปะรดเก่า แต่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาเป็นผืนป่าอีกครั้ง...จุดหมายของเราคราวนี้ คือ จุดชมวิวหน้าผา ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ของการมาเที่ยวอุทยานฯเลยทีเดียว เพราะจากจุดนี้ นอกจากจะมองเห็นวิวสวยสุดลูกหูลูกตาแล้ว เราอาจจะยังได้เห็นฝูงช้างป่าและกระทิงด้วย โดยสัตว์พวกนี้จะออกมากินดินโป่งโดยเฉพาะบริเวณที่เรียกว่า...พุยายสาย

คนนำทางบอกให้พวกเราทำตัวให้เงียบที่สุด และสักพักเราก็เห็นฝูงช้างประมาณ 20 ตัวออกมาหากินกันเป็นปกติ มีช้างจ่าฝูง ที่เรียกว่า...แม่แปรก หรือคุณยายของเหล่าฝูงช้าง

เจ้าหน้าที่ชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี อธิบายให้ฟังว่า ช้างแม่แปรก คือ ช้างเพศเมียที่อาวุโส ส่วนใหญ่เป็นช้างที่มีอายุมากที่สุดในฝูงและมักเป็นตัวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

...

แม่แปรกหรือคุณยายของเหล่าฝูงช้าง จะคอยดูแลฝูงในการหาแหล่งอาหาร ไปจนกระทั่งให้เหล่าแม่ของลูกช้างคอยดูแลลูกตัวเอง เช่น หากลูกช้างแตกแถวเดินไปไกล หรือมาอยู่กับยายนานๆ ก็จะผลักหรือดันให้ลูกช้างไปอยู่กับแม่ช้าง ส่วนลูกๆของแม่แปรกก็จะเรียนรู้สะสมประสบการณ์ทั้งความจำเรื่องเส้นทาง แหล่งอาหาร และการดูแลฝูง จนเมื่อแม่แปรกสิ้นอายุขัย ตัวอาวุโสสูงสุดก็จะขึ้นเป็นผู้นำต่อ

ส่วนช้างที่หากินตัวเดียว ให้เดาได้เลยว่าส่วนใหญ่จะเป็นช้างตัวผู้ ถ้ามีงายาว ก็จะเรียกว่า ช้างงา แต่ถ้างาสั้นหรือไม่มีงา จะเรียกว่า ช้างสีดอ

เรียกว่า ช้างเขาก็มีการจัดระบบระเบียบทางสังคมอยู่เหมือนกัน...

จริงๆแล้วที่นี่มีจุดชมสัตว์ป่าหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นจุดชมสัตว์โป่งสลัดได ซึ่งจะมีหอชมสัตว์อยู่ด้วย อีกที่ก็คือ บ่อ 4 (หน่วยป่ายาง) บ่อน้ำใกล้กับบ้านเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

...

และอย่างที่บอกวันนี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาเปิด ศูนย์เฝ้าระวังช้างป่าด้วยระบบเตือนภัยล่วงหน้า ซึ่งเขาบอกว่าเป็นระบบที่ทันสมัยมาก พัฒนาโดย บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด เรียกว่า ระบบ Elephant Smart Early Warning System ที่จะติดตั้ง Camera trap พร้อม SIM และ SD Card บริเวณด่านที่ช้างออก รวม 25 ด่าน เมื่อช้างหรือวัตถุใดๆเคลื่อนไหวผ่าน กล้องจะทำการบันทึก และส่งภาพไปยังระบบ Cloud โดยเจ้าหน้าที่ ณ ศูนย์ปฏิบัติการ (Control Room) ทันที เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารร่วมกับการใช้กล้องดักถ่ายภาพอัตโนมัติ (camera trap) และพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Smart Early Warning System) ในคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนแบบทันทีทันใด (real time) เพื่อเฝ้าระวังช้างป่าออกนอกพื้นที่ และผลักดันช้างป่ากลับเข้าป่าได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดความเสียหายของพืชผลทางการเกษตรลงได้มาก

ก่อนกลับ เราแวะถ่ายรูปอำลาป่ากุยบุรีกันที่ อ่างเก็บน้ำยางชุม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กเพื่อการชลประทานให้กับเกษตรกรเป็นหลัก แต่สิ่งท่ีได้แถมมาก็คือ จุดชมวิว 360 องศา บริเวณสันอ่างเก็บน้ำ

คืนนี้...เรากลับมานอนที่ปราณบุรี กินอาหารทะเลสดๆแบบไม่เกรงใจใคร...ฉลองที่ได้เห็นช้างป่า...ที่นี่อยู่อย่างมีความสุข...ไม่ต้องเสี่ยงกับการตกน้ำ...ตกท่าเหมือนป่าที่อื่น แถมยังมี...แม่แปรก...คุณย่าจ่าฝูง ที่คอยปกป้องช้างน้อยด้วยความรักและอาทร

แค่นี้...ก็มีความสุขอย่าบอกใครละ...!!!!!