พูดถึง "ทะเล" นี่เราก็ฟินเบาๆ แล้ว เพราะถ้าหากมีเวลาเราก็อยากที่จะขับรถไปใกล้ๆ ดูน้ำใส แช่เท้าแล้วนั่งปลอดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเกลียวคลื่น หรือให้ลมแผ่วๆ ตีเข้ากับหน้า แค่คิดความสุขเล็กๆ ของฉันก็ลอยขึ้นมา ....(อ่านข่าว เปิดคู่มือ 5 ที่เที่ยว"ทะเล" ซัมเมอร์นี้ต้องโดน!)
แต่ครั้งนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มีโอกาสได้ไปเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กับซีไลฟ์แบงคอกค่ะ ใน ‘กิจกรรมรักษ์ผืนน้ำและแนวชายฝั่ง ปี 4’ และหลังจากที่แวะเวียนมากระบี่เป็นครั้งที่สอง บอกเลยความฟินก็ยังอยู่ แต่ครั้งนี้ได้กินเที่ยวแบบเชิงอนุรักษ์ และเข้าใกล้ธรรมชาติมากขึ้น อย่าง ภูเขา น้ำ ป่า ความรู้สึกแรกเลยคือ โอ้วววว...มาย ก็อด ....
เราพร้อมกันที่สนามบิน ไม่เช้ามาก 09.00 น. เวลานี้กำลังสบายเลย เราเดินทางจากกรุงเทพฯไปกระบี่ก็ใช้เวลาเดินทาง ประมาณหนึ่งชั่วโมง 15 นาที แต่เราเลยเถิดถึง จ.กระบี่ บ่ายโมงกว่าๆ เลยค่ะ วนเวียนอยู่บนฟ้าหลายรอบเหมือนกันจ้ะ เพราะว่าฝนตกค่ะคุณ!!!! นักบินไม่สามารถเอาเครื่องลงได้ ....แต่สุดท้ายเราก็ถึง จ.กระบี่ โดยสวัสดิภาพจริงๆ ซะที อิอิ ....
...
รับกระเป๋า ที่ไม่ได้โหลด (ฮ่าๆ) เรียบร้อย ก็พร้อมเดินทางทันที ที่แรกที่เราเดินทางไปคือหลังจากรับประทานข้าวกลางวันเสร็จจากร้านโกตุง แพลนวันนี้คือเที่ยวตามธรรมชาติสุด ปลูกป่าโกงกาง ปล่อยปูดำ และเก็บขยะที่หาดคลองลุค่ะ เราเริ่มเดินทางไปที่
1. เกาะกลาง เพื่อไปปลูกป่าโกงกาง
...
เมื่อทุกคนครบ เราออกเดินทางสู่ผืนป่าชายเลนด้วยเรือหางยาว ค่อนข้างโคลงเคลง หน่อย แต่สนุกมากๆ ลมเย็นๆ พัดผ่านหน้ามีความสุขสุดๆ ไปเลย เมื่อเราเดินทางถึง บริเวณปลูกป่า เราก็พบกับเจ้าถิ่นนั่นก็คือ เจ้าลิงที่ไกด์ถึงกับบอกว่า อย่าหิ้วอะไรโตงเตงนะ เพราะมันจะคว้าเอาไปจ้า ให้ทุกคนหิ้วหรืออุ้ม หรือกอดกระเป๋าให้แน่นให้มิดชิดที่สุด จากนั้นเราเริ่มทำการปลูกป่าโกงกางร้อยต้น และจะบอกว่าถิ่นนี้คือพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งเลย เขาขนาบน้ำคือกิมมิกของที่นี่เพราะตลอดการเดินทางจะเห็นภูเขาสองลูกขนาบไปกับแม่น้ำกระบี่
...
แต่ในวันที่เราเดินทางก็มีความเศร้านิดหน่อย เพราะท้องฟ้ามืดครึ้มแบบ ไม่เป็นใจเลยทำให้ไม่เห็นก้อนเมฆ และแสงสว่างสักเท่าไหร่เลย งานนี้เราเลยได้บรรยากาศที่อึมครึมสุดๆ ไปเลย
2. คลองท่าหิน ปล่อยปูดำ
...
นั่งเรือมาอีกไม่ไกล ก็เป็นที่ปล่อยปูดำ แต่เอาจริงๆ มันคือแม่น้ำ ที่ขนาบไปด้วยต้นไม้ ป่าโดยรอบที่ยังสมบูรณ์อยู่นั่นเอง แต่หากจะขึ้นฝั่งเพื่อไปชมวิถีชาวบ้าน หรือจะนั่งเรือลัดเลาะ ไปตามป่าโกงกาง หรือทางเรือที่เดินทางได้ ก็ย่อมได้รับบรรยากาศดีๆ ฟิลลิ่งดีๆ ไปอีกแบบ ทั้งนี้ค่าเรือ ก็แล้วแต่ตกลงกันไปนะจ๊ะ
3.หาดคลองลุ
หรืออยากเที่ยวชมวิถีชาวบ้าน เมื่อขึ้นจากเรือหางยาวมายังชุมชนบ้านเกาะกลาง บนนี้พวกเขาใช้เพียงรถเล็ก มอเตอร์ไซค์หรือ รถสามล้อ เท่านั้น จะไม่มีรถใหญ่ขึ้นมาให้กวนใจ วิถีคนที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะทำมาค้าขาย ส่วนตัว หรือการใช้ชีวิตแบบวิถีชาวบ้านขนานแท้ มีความเป็นธรรมชาติสูง เลี้ยงวัวควาย เลี้ยงไก่ ถ้าใครชอบท่องเที่ยวแบบนี้ มาเถอะแล้วคุณจะฟินได้บรรยากาศที่เรียล และได้สูดลมหายใจแบบเต็มปอดเลยทีเดียว
เรียกว่าทริปนี้ถึงแม้เป็นเวลาสั้นๆ 2 วัน 1 คืน เรารู้สึกว่าเราได้ชาร์จแบตเติมพลัง ได้รับอากาศดีๆ สบายตา สบายใจ ได้นั่งชิลพักสมอง ต้องขอบคุณกิจกรรมดีๆ จากซีไลฟ์แบงคอก มา ณ ที่นี้ ด้วยนะคะ แล้วทริปหน้าเราจะไปโผล่ที่ไหน เราจะไม่ลืมมาเล่าบรรยกาศให้ฟังค่า....สวัสดี