วันว่างสุดสัปดาห์ถ้าอยากไปพักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ชิลๆ ใกล้กรุงเทพฯ ล่ะก็ ขอแนะนำให้ลองแวะไปเที่ยวแบบครอบครัวที่เขาใหญ่ นอกจากอากาศดีแล้ว ตอนนี้เขามีที่พักใหม่ที่ช่วยเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านให้เด็กๆ ได้ด้วย
สถานที่แห่งที่ว่า ก็คือ Rain Tree Residence โรงแรมแนวใหม่เอาใจหนอนหนังสือ ด้วยโลเคชั่นที่เหมาะกับการนอนเหยียดยาวอ่านหนังสือชิลๆ ท่ามกลางธรรมชาติของ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งจุดเด่นของที่นี่คือเขาได้นำเอาเรื่องราวของหนังสือและเหล่านักเขียนชื่อดังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบโรงแรมในทุกๆ ตารางเมตร
น่าสนใจขนาดนี้ ไทยรัฐออนไลน์ ไม่พลาดที่จะพาคุณไปสำรวจโรงแรมสุดเท่แห่งนี้กันสักหน่อย ถือเป็นทางเลือกในการพักผ่อนและชาร์จแบตให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ให้ร่างกายได้เปิดรับความสดชื่น พร้อมเติมอาหารสมองไปด้วยในตัว
พร้อมแล้ว...ตามมาดูกันเลย
1. ก้าวแรกก็เจอ(หนังสือ)เลย
ตอนที่ได้ยินครั้งแรกว่าที่นี่เป็นโรงแรมหนังสือ ก็รู้สึกแปลกใจนิดๆ เดาไม่ออกว่าจะเป็นโรงแรมสไตล์ไหน แต่พอเดินทางมาถึง Rain Tree Residence ก็เจอกับล็อบบี้ขนาดกว้างขวาง มี Welcome Drink พร้อมเสิร์ฟ เป็นน้ำตะไคร้เย็นๆ ดับกระหายคลายร้อนได้เป็นอย่างดี สิ่งที่สะดุดตาก็คือ ชุดรับแขกและโซฟาที่วางอยู่หลายจุด และชั้นหนังสือให้หยิบอ่านฟรี จากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ รวมถึงมีห้องสมุดขนาดย่อมอยู่ชั้นล่างอีกด้วย
...
2. พื้นที่จัดค่ายเรียนรู้สำหรับเด็ก
เห็นแบบนี้เลยนึกสงสัยว่า เอ๊ะ! ที่นี่ตั้งใจทำโรงแรมสไตล์นี้มาตั้งแต่แรกเหรอ? ไม่น่าจะเข้ากับไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวเขาใหญ่สักเท่าไหร่ พอได้คุยกับเจ้าของโรงแรมก็ถึงบางอ้อ ได้ทราบถึงที่มาที่ไปว่า จากสำนักพิมพ์คุณภาพอย่าง นานมีบุ๊คส์ ที่อยู่คู่กับนักอ่านคนไทยมากว่า 20 ปี ได้ต่อยอดสู่ธุรกิจโรงแรมที่พัก ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นค่ายการเรียนรู้สำหรับเยาวชน ภายใต้ชื่อ Go Genius Learning Center
โดยการนำจุดแข็งจากการเป็นผู้ผลิตหนังสือ มาเป็นกิมมิกในการตกแต่งห้องพัก พร้อมสร้างสรรค์ทุกตารางนิ้วให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ รวมไปถึงให้บริการจัดค่าย อบรม สัมมนา ในหลักสูตรที่หลากหลาย พร้อมให้ที่พักแบบ Dorm (พักรวมกันได้หลายสิบคน) มีห้องประชุม ห้องสันทนาการ สระว่ายน้ำ และพื้นที่ต่างๆ สำหรับทำกิจกรรม ให้บริการมาประมาณ 5 ปีแล้ว
ต่อมาเมื่อมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จึงได้ก่อสร้างเพิ่มเติมในส่วนที่เรียกว่า Rain Tree Residence ขึ้นมาเป็นอาคารแห่งใหม่ล่าสุด มีทั้งส่วนของล็อบบี้ ห้องอาหาร ห้องพักแบบ 2 ท่าน และลานดูดาว เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการมาท่องเที่ยวและพักผ่อนสบายๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนสบาย และเต็มไปด้วยหนังสือที่ช่วยเพิ่มอาหารสมอง
...
3. ห้องพักชื่อนักเขียนเก๋ไก๋สุดชิค
ด้วยความที่เป็นสำนักพิมพ์ จึงไม่น่าแปลกที่จะคุ้นเคยกับบรรดานักเขียนชื่อดังของไทยและต่างประเทศ โรงแรมแห่งนี้เลยเลือกที่จะตกแต่งสถานที่ด้วยหนังสือ โดยในแต่ละห้องพักจะมีธีมในการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักเขียนที่มีผลงานโดดเด่น น่าสนใจ รวมถึงนำสาระความรู้จากหนังสือมากมายหลายเล่ม มาซ่อนไว้ตามจุดต่างๆ อย่างเช่นห้องที่เราได้เข้าพัก คือห้องที่มีชื่อว่า โจฮาคิม เฮกเกอร์ (Joachim Hecker) นักเขียนชาวเยอรมัน เจ้าของผลงาน “บ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย”
...
เป็นหนังสือเสริมความรู้เชิงสารคดีสำหรับเด็ก เล่าเรื่องราวสนุกสนานแบบนิทาน ก่อนนำเข้าสู่การทดลองวิทยาศาสตร์ มี 40 การทดลองที่สนุก ง่าย ใช้อุปกรณ์น้อย และทำเองได้ เหมาะสำหรับชั้นอนุบาล-ประถมศึกษา อธิบายหลักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับผลการทดลองอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย ช่วยให้พ่อแม่และครูอธิบายให้เด็กฟังได้
นอกจากนี้ ในห้องพักอื่นๆ ทั้ง 27 ห้อง ก็ถูกตกแต่งตามนักเขียนท่านอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เปาโล คูเอลญู เจ้าของผลงานหนังสือ The Alchemist ขุมทรัพย์สุดปลายฟ้า, ดร. ทอม อู๋ เจ้าของสูตรน้ำปั่นต้านโรค, โจฮันนา บาสฟอร์ด ผู้ริเริ่มหนังสือระบายสีให้โด่งดังไปทั่วโลก รวมไปถึง มั่วเหยียน นักเขียนรางวัลโนเบล ฯลฯ แค่เดินชมห้องพักที่นี่ก็สนุกแล้ว
...
4. ประเภทห้องพัก โซน Rain Tree Residence
สำหรับโซน Rain Tree Residence ที่บอกไปว่าเป็นอาคารหลังใหม่ล่าสุดนั้น มีห้องพักที่เป็นสไตล์บูติก ซึ่งประกอบไปด้วยห้องพักแบบ Rain Tree Deluxe และ Rain Tree Suite รวม 27 ห้อง แต่ละห้องคุณแน่ใจได้เลยว่าจะได้ชื่นชมกับวิวเขาอันเขียวชอุ่ม และวิวพระอาทิตย์ขึ้น (หรือตก) ที่ระเบียงภายในห้องพักส่วนตัว รวมไปถึงบริการห้องสมุดส่วนกลาง ที่มีหนังสือสำหรับทุกเพศและทุกวัยให้เลือกอ่านกว่า 1,000 เล่ม สมกับเป็นที่พักสำหรับคนรักหนังสืออย่างแท้จริง
5. พื้นที่โดยรอบน่าชม สนุก และมีความรู้
นอกจากจะได้ผ่อนคลายกับการอ่านหนังสือแล้ว พื้นที่โดยรอบยังถูกสร้างสรรค์ให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ทั้ง Indoor และ outdoor ไม่ว่าจะเป็น Nature Trail เส้นทางเรียนรู้ธรรมชาติ ประกอบไปด้วย ศาลาปลาคาร์ฟ ทางเดินจามจุรี เนินถั่วบราซิล และลานกลิ้งสนุก สื่อวิทยาศาสตร์ Hand-on จากศูนย์ PHANOMENTA เยอรมนี ได้แก่ จักรยานเติมอากาศ กังหันน้ำเพิ่มออกซิเจน เกลียวอาคิมีดิส และรอกสามระบบ, ศูนย์เสริมศักยภาพเด็กปฐมวัย (ห้อง Kiddy) รวมไปถึงพื้นที่ทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกันที่ลานครึ่งวงกลม Amphitheatre และลานดูดาว
6. Learning Space
ในส่วนของ Go Genius Learning Center ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ให้กับโรงเรียน หน่วยงานการศึกษาหรือทุกองค์กรที่กำลังเสาะหา Learning Space ให้กับสมาชิก ไม่ว่าจะเป็นการใช้สถานที่ รวมไปถึงให้บริการจัดหลักสูตรอบรมตามความต้องการของลูกค้า หรือตามหลักสูตรที่ทางโรงแรมได้จัดไว้ให้ด้วยทีมงานที่เชี่ยวชาญ โดยที่พักสามารถรองรับได้มากถึง 300 คน ประกอบไปด้วยห้องพักแบบ Dorm และแบบห้อง Family Room ห้องประชุมขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่เปิดโล่งมองเห็นวิวได้รอบด้าน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
7. ห้องพักแบบ Dorm และ Family
สำหรับใครที่มาเข้าค่าย หรือมาในลักษณะเป็นกรุ๊ป แนะนำให้จองพักในโซนห้องพักแบบ Dorm ที่มีทั้งหมด 26 ห้อง คือ
- ห้องพักรวมแบบ Dorm จำนวน 4 ห้อง นอนได้ห้องละประมาณ 20-30 คน
- ห้องพักแบบ Family จำนวน 20 ห้อง นอนได้ห้องละ 3-8 คน
ภายในห้องพักแบบ Dorm จะวางเรียงฟูกบนตั่งอย่างเรียบร้อย พร้อมมีพื้นที่เก็บของส่วนตัว มีห้องน้ำรวมในจำนวนที่เพียงพอต่อความต้องการ มีห้องนั่งเล่นที่สามารถนั่งคุยเล่น อ่านหนังสือหรือจะดูโทรทัศน์เคเบิลกับเพื่อนๆ ก็ได้ พร้อมมีบริการ Free Wi-Fi
ส่วนห้องแบบ Family แต่ละห้องถูกตกแต่งด้วยบุคคลสำคัญและนักเขียนระดับโลกที่ไม่ซ้ำกัน ห้องประเภทนี้จะแบ่งกลุ่มย่อยลงมา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับสมาชิก แต่ละห้องมี 3-8 เตียง โดยจัดเตรียมจำนวนห้องน้ำตามสัดส่วนที่พอดี แต่ละยูนิตจะมีห้องนั่งเล่นรวม เป็นพื้นที่ที่คุณสามารถนั่งคุยกัน ดูโทรทัศน์เคเบิล อ่านหนังสือในมุมหนังสือ และบริการ Free Wi-Fi เช่นกัน
เอาเป็นว่า ใครที่กำลังหาสถานที่พักผ่อนที่เงียบสงบ เป็นกันเอง อาหารอร่อย (อันนี้คอนเฟิร์ม) และมีบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ แบบนี้ ต้องไม่พลาดแวะมาค้างที่นี่สัก 1-2 คืน รับรองฟิน!