เมื่อได้ยินคำว่า “โยโกฮามา” คนไทยเรามักจะนึกถึงแต่ยางรถยนต์ เพราะเป็นยี่ห้อที่ฮิตมากยี่ห้อหนึ่งในประเทศไทย
แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว คำว่า “โยโกฮามา” มีความหมายก้าวไกลกว่ายางรถยนต์หลายเท่า เพราะเป็นชื่อของเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากโตเกียว
เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ในฐานะเมืองหน้าด่านทางทะเลของญี่ปุ่นและทุกวันนี้ไม่เพียงแต่จะพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้น ยังเป็นเมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อลือชาอยู่มากมาย
ในหนังสือคู่มือท่องเที่ยวโตเกียวฉบับภาษาไทยที่วางแจกตามสถานีรถไฟใต้ดินญี่ปุ่น และห้างสรรพสินค้าดังๆ เขียนแนะนำ โยโกฮามา ในฐานะที่เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวชานเมืองโตเกียว โดยพาดหัวไว้ว่า
“โยโกฮามา” (จังหวัดคะนะงะวะ) สถานที่ที่ตะวันออกพบกับตะวันตก”
จากนั้นก็บรรยายรายละเอียดโดยสังเขปว่า
“โยโกฮามาเป็นเมืองท่าที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของโตเกียว และเป็นเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นประตูญี่ปุ่นสู่โลกภายนอกในปี พ.ศ.2402 หลังจากการปิดประเทศเป็นระยะเวลามากกว่า 200 ปี”
“เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน และทิวทัศน์ของทะเลที่สวยงาม คลังสินค้าอิฐแดง ซึ่งเคยใช้เป็นที่เก็บสินค้าของท่าเรือ ปัจจุบันกลายเป็นศูนย์รวมร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารที่ทันสมัย”
“หากท่านกำลังหาประสบการณ์เกี่ยวกับกูร์เมต์ไม่ควรพลาดที่จะไปเที่ยวเล่นในย่านถนนช็อปปิ้งโมโตมาจิ และโยโกฮามา ไชนาทาวน์ ซึ่งเป็นไชนาทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น”
...
ตัวหัวหน้าทีมซอกแซกเคยไปมาแล้วหนหนึ่ง จำได้ว่าไปเดินเล่นที่ “ไชนาทาวน์ โยโกฮามา” ที่เขาโฆษณาเชิญชวนในเอกสารฉบับนี้อยู่พักใหญ่ ยอมรับว่าใหญ่จริงและน่าเที่ยวจริง
นอกจากนี้ ยังเคยไปแวะที่พิพิธภัณฑ์ “ราเม็ง” มาด้วย
พิพิธภัณฑ์ที่กล่าวถึงประวัติ “ราเม็ง” หรือบะหมี่ญี่ปุ่น (ที่ความจริงก็มีต้นตอมาจากบะหมี่ของจีนนั่นเอง) อย่างละเอียดลออ ตั้งแต่ในอดีตมาจนถึงปัจจุบันครบครันเกือบทุกเมืองของญี่ปุ่น ที่ช่วยพัฒนาและสืบสานต่อยอดจน “ราเม็ง” กลายเป็นอาหารญี่ปุ่น และมีรสชาติมีการปรุงแต่งที่แตกต่างกันไปตามท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ
ไปโยโกฮามาเที่ยวนี้ตั้งใจจะแวบไปดูบรรยากาศสนามที่ใช้แข่งขันชิงแชมป์รักบี้โลกสักหน่อย ตามประสาคนชอบรักบี้และเหตุหนึ่งที่ไปญี่ปุ่นหนนี้ก็เพื่อจะไปสัมผัสบรรยากาศรักบี้โลกนั่นแหละ
แต่สมาชิกครอบครัวซอกแซกซึ่งมีเด็กไปด้วย 2 คน อยากไปดู “ซีพาราไดซ์” หรือที่เรียกกันอย่างเต็มยศว่า “โยโกฮามา ฮักเกจิมา ซีพาราไดซ์” มากกว่า เราจึงต้องเอาใจเด็ก โดยมุ่งหน้าไปซีพาราไดซ์เพียงแห่งเดียว
โยโกฮามา ฮักเกจิมา ซีพาราไดซ์ อยู่บนเกาะเล็กๆมีขนาดประมาณ 24 เฮกตาร์ หรือ 150 ไร่เศษๆเท่านั้น มองจากแผนที่เหมือนเป็นติ่งเล็กๆของเมืองโยโกฮามาลอยฟ่องอยู่ในทะเล
เป็นเกาะที่ผู้บริหารเมืองโยโกฮามาเลือกมาเป็นสถานที่สำหรับจัดทำ “กิจกรรมทางทะเล” เพื่อการท่องเที่ยวแบบครบวงจรทั้งเกาะ
นั่นหมายถึงว่า บนเกาะเล็กๆแห่งนี้จะมีทั้งพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ สวนสนุก ช็อปปิ้งมอลล์ ร้านอาหาร โรงแรม และท่าจอดเรือ สำหรับกีฬาทางน้ำ รวมกันอยู่อย่างครบครัน
ไปเกาะนี้เกาะเดียวเที่ยวและสัมผัสกับบรรยากาศที่มีกลิ่นอายของทะเลที่ว่าได้ทั้งหมด
ครอบครัวซอกแซกลงมติกันว่า เราจะไปเยี่ยมเยียนเฉพาะ อความิวเซียม (Aqua Museum) เท่านั้น เพราะจากกิตติศัพท์ที่ได้ยินมา เฉพาะที่นี่แห่งเดียว อาจต้องใช้เวลาหลายๆ ชั่วโมงกว่าจะดูได้ครบถ้วน
ในแผ่นพับ (ภาษาไทยอีกนั่นแหละ) ระบุว่านี่คือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น รวมสิ่งมีชีวิต ทั้งที่เป็นสัตว์และกุ้ง หอย ปู ปลา เอาไว้ 700 ชนิด รวม 120,000 ตัว กระจัดกระจายในตึก 5 ชั้น ของพิพิธภัณฑ์
นอกจากปลาสารพัดพันธุ์ที่เขาจัดมาแสดงอย่างสวยงามแล้ว ก็ยังมีชั้นอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลอีกด้วย เช่น แมวน้ำ, หมีขั้วโลก, วอลรัส, เพนกวิน เป็นต้น
แถมด้วยโซนป่า ซึ่งก็อาจอนุโลมว่าเป็นป่าใกล้ทะเล ที่มีสัตว์ป่าให้ดูชมมากมายเช่นกัน รวมทั้งจะมีปลาที่อาศัยอยู่ในลำนํ้าของป่าดังกล่าว...ยกตัวอย่างเช่น ป่าอเมซอน มาให้ดูด้วย
บนชั้น 4 ของพิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ จะมี “อควาสเตเดียม” ซึ่งเป็นสเตเดียมสำหรับการแสดงของเหล่าสัตว์ทะเลนานาชนิด เช่น วอลธัส, โลมาธรรมดา,โลมาสีขาว โดยจะมีอัฒจันทร์ให้คนดูนั่งดูอยู่รอบๆ
เขาคุยว่าถ้าดูกลางคืนจะสวยมาก เพราะจะมีการแสดงโชว์ของปลาโลมา ท่ามกลางแสงสีเสียง ทั้งกระหึ่ม ทั้งอลังการ
ครอบครัวซอกแซกไปดูตอนเย็นๆ ยังไม่มีแสง มีแต่เสียง แต่แค่นี้ก็ตื่นเต้นสนุกสนาน เป็นที่ชื่นชมของเด็กซอกแซกทั้ง 2 คน อย่างยิ่ง จนแทบไม่อยากจะออกจากสเตเดียมเมื่อการแสดงจบลง
ออกจาก “อความิวเซียม” แล้วเราใช้เวลาเดินไปรอบๆ อีกนิดหน่อย พอ 6 โมงกว่าๆ เริ่มมืดค่อยตัดสินใจไปขึ้นรถไฟกลับสู่โตเกียว ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งก็กลับถึงที่พักเรียบร้อย
ท่านที่ไปญี่ปุ่น แล้วรู้สึกเบื่อโตเกียวจะลองไปโยโกฮามาสักวันก็เชิญนะครับ...ขอยํ้าอีกครั้งว่ามีอะไรสนุกๆ สวยงามและน่าสนใจให้ดูมากกว่ายางรถยนต์แน่นอน
...
จริงๆ แล้วพอไปถึงโน่นกลับมองไม่เห็นร้านขายยางรถยนต์ซักร้านเลยด้วยซํ้าไป.
“ซูม”