หน้าฝนปีนี้ เรามีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งมานำเสนอ โดยเฉพาะใครที่ชอบกินทุเรียนหลง-หลินลับแลล่ะก็...ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะเทศกาลทุเรียนแสนอร่อยแห่งปีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

นอกจากจะพาไปชิมทุเรียนแล้ว ยังสามารถปั่นจักรยานชิลๆ ชมเมืองลับแลได้อีกด้วย ยิ่งตอนนี้นะ เมืองลับแลเขามีร้านกาแฟ และโรงแรมบูติกสุดคูลเพิ่มขึ้นมาหลายแห่ง คู่มือเที่ยว ไทยรัฐออนไลน์ ไม่พลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศ พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับการเที่ยวเมืองลับแล มาฝากกัน

ส่วนจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ตามมาทางนี้เลย!

1. ตลาดหัวดง ตามหาหลง-หลินลับแล

มาถึงลับแลทั้งที เราไม่รอช้า พุ่งตรงไปที่ของอร่อยขึ้นชื่ออย่าง ทุเรียนหลง-หลินลับแล ก่อนเลย ได้พูดคุยกับทั้งเจ้าของสวนทุเรียน และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดหัวดง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้ฝนแล้ง ทำให้ทุเรียนออกผลน้อย และมีขนาดเล็กลงกว่าปกติในรอบ 10 ปี

แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีข้อดีอยู่ ก็คือ ทุเรียนรุ่นแรกนี้จะมีความหวานอร่อยมากที่สุด พอฝนตกถี่ขึ้น มีน้ำมาเลี้ยงต้นทุเรียนมากขึ้น จะทำให้ทุเรียนรุ่นที่ 2 และ 3 มีขนาดผลใหญ่ขึ้นตามลำดับ แต่รสชาติไม่หวานเท่ารุ่นแรก

...

มันก็ได้อย่างเสียอย่างอะนะ วันที่เราไปเที่ยว หลงลับแลอยู่ที่กิโลละ 400 บาท ส่วนหลินลับแล (อร่อยกว่าหลงลับแล) อยู่ที่กิโลละ 600-700 บาท เราเลยจัดหลงลับแลมาชิม 1 ลูกย่อมๆ หนักไม่ถึงกิโล (ลูกเล็กลงจริงๆ ด้วยอะ) จ่ายค่าเสียหายไป 280 บาท อร่อย กลิ่นไม่แรง เนื้อเนียนละเอียด หวานมัน โอว…มันเริ่ดค่ะ

2. ปั่นเที่ยวรอบเมือง

จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อ โดยการปั่นจักรยานชมเมือง เริ่มต้นที่ ศูนย์บริการการท่องเที่ยวเมืองลับแล ที่นี่มีจักรยานไว้บริการนักท่องเที่ยวนะจ๊ะ จากนั้นก็ปั่นเข้าซุ้มประตูเมืองกันเลย ปั่นเข้าไปที่หน้าตลาด แวะไปสักการะอนุสาวรีย์ พระศรีพนมมาศ พ่อเมืองคนแรกของลับแล จากนั้นก็ปั่นลัดเลาะเข้าไปในซอยเล็กๆ เพื่อไปชิมของกินพื้นเมืองของที่นี่

3. ชิมของกินพื้นเมือง

นอกจากทุเรียนหอมหวานแล้ว ที่นี่ยังมีอาหารพื้นเมืองจานเด็ดอยู่ 2-3 อย่าง ได้แก่
- ข้าวแคบ : ลักษณะเหมือนข้าวเกรียบปากหม้อ นำข้าวที่โม่ผสมน้ำ มาละเลงเป็นแผ่นบางๆ บนหม้อน้ำเดือด นึ่งจนสุก แล้วนำไปตากแห้ง เก็บไว้กินได้นาน สามารถนำไปย่างไฟกลายเป็นข้าวเกรียบว่าว หรือเอาไปห่อเส้นหมี่เป็นหมี่พันก็ได้

...

- ข้าวพันผัก : เป็นข้าวเกรียบปากหม้ออย่างหนึ่ง แต่ไส้ด้านในเป็นผักหั่นฝอยหลากชนิด นึ่งจนสุก ตวัดแผ่นแป้งห่อพันผักให้มิด ตักลงใส่จาน จากนั้นโรยเครื่องเคราต่างๆ ลงไป ทำได้หลายเมนู เช่น ข้าวพันผักเนื้อตุ๋น ข้าวพันผักไข่ดาว ข้าวพันผักหมูแดง

...

- หมี่พัน : นำข้าวแคบมาต่อยอด ทำเป็นเมนูของว่าง พกไปกินเวลาเดินทางไกลได้สะดวก นำเส้นหมี่ขาวที่ลวกสุกแล้ว มาปรุงรสเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด คล้ายยำ จากนั้นนำไปห่อพันด้วยข้าวแคบตากแห้ง

4. ร้านกาแฟสุดคูล

ปั่นๆ ไประหว่างทางจะเห็นว่ามีร้านกาแฟเก๋ๆ อยู่หลายร้าน คราวนี้เราได้แวะไปชมไปชิมอยู่ 2 ร้าน คือ ร้านลับแลม่วนใจ๋ เป็นร้านเล็กๆ ซ่อนอยู่ภายในหมู่บ้าน มีภาพสตรีทอาร์ตเก๋ๆ อยู่ด้านใน และอีกร้าน คือ ลับแล คลับ ไวไฟ คาเฟ่ อยู่ริมถนนก่อนเข้าประตูเมืองลับแล ทั้งสองร้านบรรยากาศดี นั่งสบาย ชิลๆ

...

5. ประทับตราแลกของที่ระลึก

สำหรับเส้นทางการปั่นจักรยานเที่ยวเมืองลับแลนั้น คุณสามารถขอสมุดประทับตราเพื่อท่องเที่ยวไปตามจุดต่างๆ แล้วเก็บสะสมตราประทับให้ครบทุกจุด จากนั้นนำสมุดมาแลกของที่ระลึกได้ฟรี อย่างของเราเอาสมุดไปแลกมาคือ ไฟติดรถจักรยาน ใครเป็นนักปั่นตัวยงอยู่แล้วก็คงได้ใช้แน่ๆ เก๋ดีมีประโยชน์ ใครอยากมาเที่ยวชิลๆ แบบนี้ อย่าลืมแวะมาที่เมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ นะจ๊ะ