ช่วงนี้ทำไมใครๆ ก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นกันน่ะเหรอ? ก็เพราะเป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่งน่ะสิ เรียกว่าเป็นไฮไลต์ประจำปีที่หลายคนรอคอย

ไม่เฉพาะดอกซากุระเท่านั้น แต่บรรดาดอกบ๊วยสายพันธุ์ต่างๆ และดอกแอปริคอท ก็พร้อมใจกันแย้มกลีบสวยๆ น่ารักออกมาทักทายสายตานักท่องเที่ยวให้ได้ยลโฉมกันเต็มที่ ว่าแต่ไปญี่ปุ่นทั้งทีจะไปดูแค่ดอกไม้ก็คงไม่คุ้มค่าตั๋วเครื่องบิน (สินะ...) แต่จะไปที่ไหนดีที่ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนคนอื่นๆ วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ มีเมืองน่าเที่ยวเมืองหนึ่งมาแนะนำ

เมืองที่พูดถึงก็คือ เคียวตังโกะ (Kyotango) ตั้งอยู่ที่จังหวัดเกียวโต ตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ที่นี่กำลังถูกโปรโมตให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งท่านนายกเทศมนตรีของเมืองออกมาพูดเองเลยว่า เคียวตังโกะจะเป็นดินแดนสวรรค์แห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและรักสุขภาพ ที่บอกอย่างนี้ก็เพราะ อย่างแรก เมืองนี้เป็นเมืองที่มีทิวเขาสูงต่ำโอบล้อม และเป็นเมืองติดชายฝั่งทะเล ไม่ต้องบรรยายให้มากความก็คงพอเดากันได้ว่าทัศนียภาพของเมืองนี้งดงามขนาดไหน

...

และอีกอย่างคือ เมืองนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ผู้คนมีสุขภาพดี ประชากรของที่นี่อายุยืนที่สุดเมืองหนึ่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยจากสถิติพบว่า มีคุณปู่ที่ชื่อ จิโอเรมอน คิมุระ เป็นบุคคลที่มีอายุยืนนานถึง 116 ปีเศษ และถูกบันทึกลงในกินเนสส์บุ๊กให้เป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในโลก (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) น่าสนใจขนาดนี้ ลองมาทำความรู้จักเมืองน่ารักเมืองนี้ให้มากขึ้นอีกสักนิดกับ 10 สิ่งห้ามพลาด ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเยือนที่นี่ จะมีอะไรบ้าง ล้อมวงเข้ามาชมได้เลย

1. ธรรมชาติสวยสดโอบล้อม

สวยจัง... คือคำพูดแรกเมื่อได้ก้าวเท้ามาเหยียบที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ ที่นี่ไม่ได้มีตึกสูง หรือร้านรวงหรูหราโอ่อ่าเหมือนเมืองท่องเที่ยวแห่งอื่นๆ ในญี่ปุ่น กลับแทนที่ด้วยธรรมชาติสวยงามบริสุทธิ์ ทั้งเทือกเขาสูงที่มองเห็นอยู่ลิบๆ ตัวหมู่บ้านขนาดย่อมสลับกับท้องทุ่งนาที่เข้ากันอย่างที่สุด รวมถึงวิวริมทะเล ทั้งหมดนี้สามารถไปสัมผัสได้ที่เคียวตังโกะเท่านั้น

2. นั่งกระเช้าขึ้นเขา ชมวิวอ่าวสวยๆ

ยังไม่หนำใจ ถ้าจะให้เอ็กซ์ตรีมสุดๆ ก็ต้องขึ้นไปชมวิวมุมสูงจากยอดเขา แน่ล่ะ...ที่นี่ไม่ต้องเดินขึ้นให้เมื่อย เขามีบริการกระเช้าขนาดเล็กให้นั่งขึ้นไปแบบชิลชิล ระหว่างทางที่นั่งกระเช้าว่าเห็นวิวสวยแล้ว แต่พอถึงด้านบนเท่านั้นแหละ ยิ่งสวยไปกันใหญ่ เพราะได้เห็นวิวอ่าวและภูเขาสลับซับซ้อนอยู่ตรงหน้าแบบพาโนรามา เห็นชัดเต็มตา 360 องศากันเลย

...

3. ออนเซ็นแสนผ่อนคลายสบายตัว

อันนี้ห้ามพลาดจริงๆ ยิ่งมาเที่ยวช่วงต้นปีแบบนี้ อากาศที่ญี่ปุ่นยังหนาวอยู่ การได้ลงแช่ออนเซ็นร้อนๆ จะช่วยให้คลายหนาวไปได้มาก ที่สำคัญยังช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางท่องเที่ยวทั้งวันได้ผลชะงัดนัก ส่วนใหญ่โรงแรมในต่างจังหวัดของญี่ปุ่นมักจะมีออนเซ็นบริการอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง

...

4. นั่งเรือให้อาหารนกนางนวล

ไฮไลต์หนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาดสำหรับการมาเที่ยวเคียวตังโกะ คือ การนั่งเรือชมอ่าวพร้อมให้อาหารนกนางนวล เป็นการนั่งเรือเที่ยวที่เก๋มากๆ บนเรือเจ้าหน้าที่จะแจกข้าวเกรียบให้นักท่องเที่ยวคนละถุง เพื่อเอาไปป้อนนกนางนวลและนกเหยี่ยว วิธีป้อนก็แค่ถือข้าวเกรียบไว้ในมือแล้วยื่นออกไป รอสักพัก เจ้านางนวลจะเข้ามาโฉบข้าวเกรียบจากมือของเราไปเอง ใกล้ชิดมากๆ แต่ต้องระวังนกเหยี่ยวนิดนึง เพราะเหยี่ยวจะใช้กรงเล็บมาคว้าอาหารจากมือเรา ถ้าไม่ใส่ถุงมือก็อาจจะโดนเล็บคมๆ ของมันข่วนนิ้วได้

...

5. ชมหมู่บ้านประมงเก่าแก่

นอกจากได้ให้อาหารนกแบบเอ็กซ์คลูซีฟแล้ว ระหว่างล่องเรือก็จะได้ชมหมู่บ้านประมง อิเนะ หมู่บ้านนี้ยึดอาชีพทำประมงกันมานานหลายรุ่น เรียกว่าเป็นอาชีพเก่าแก่ของผู้คนที่นี่ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นชุมชนที่ปลูกบ้านยื่นออกมาติดทะเล แต่ละบ้านจะยกใต้ถุนสูง เพื่อเอาไว้สำหรับเป็นที่จอดเรือโดยเฉพาะ หลังจากออกเรือไปหาปลา ก็สามารถขับเรือเข้ามาจอดในบ้านได้เลย

6. เพลิดเพลินในสวนสตรอเบอร์รี่

นอกจากจะเป็นเมืองที่โดดเด่นเรื่องอาหารทะเลแล้ว ที่นี่ยังสามารถผลิตผลไม้สดๆ ได้ทั้งปี ที่น่าสนใจก็ได้แก่ สาลี่สีทอง และสตรอเบอร์รี่ โดยเฉพาะฟาร์มสตรอเบอร์รี่ของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเที่ยวชมและซื้อผลผลิตกลับบ้านได้ บางแห่งก็สามารถเก็บกินได้สดๆ จากต้นในเวลา 30 นาที กินได้ไม่อั้น แต่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมและชิม คนละ 500 เยน

7. ชมราชินีดอกไม้แห่งแดนอาทิตย์อุทัย

มาถึงถิ่นซากุระทั้งที ก็ต้องได้ชมดอกซากุระบาน จริงมั้ย? แต่ขอบอกก่อนว่า เมืองนี้อาจจะหาซากุระที่ปลูกเป็นทิวแถวยาวๆ เหมือนเมืองใหญ่ได้ยากสักหน่อย แต่ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่เหมือนกัน บางทีเดินเที่ยวเพลินๆ ก็จะเห็นต้นซากุระยืนเดี่ยวๆ อยู่ข้างบ้าน หรือตามหน้าร้านค้าต่างๆ

8. กินอาหารสุขภาพ anti-aging

ที่สุดของการมาเที่ยวเมืองนี้คือการได้มาพักผ่อนและรับพลังจากธรรมชาติเพื่อช่วยในเรื่องความอ่อนเยาว์ หนึ่งในนั้นก็คืออาหาร ที่มีส่วนช่วยให้คนที่นี่มีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืน และสถานที่ที่ให้บริการอาหารสุขภาพที่เรียกว่าเป็น Anti-aging Menu ก็คือที่โรงแรม Ukawaonsen Yoshinonosato โดยเขาจะจัดเซตเมนูมาให้แบบ Full course เริ่มตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อยด้วยอาหารสดๆ เช่น ปลาดิบ กุ้งหวาน หมึกดิบ ตามด้วยชาบูปลา ไก่ย่างเทอริยากิ ต่อด้วยข้าวผัดไข่ อุด้ง ซุปมิโสะ และปิดท้ายด้วยเค้กชิ้นเล็กพร้อมไอศกรีมโฮมเมด

9. ละเลงสีย้อนวัย

อีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างของชาวเคียวตังโกะ คือการได้ออกมารวมตัวกันที่ ลานคนเมือง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์งานฝีมือต่างๆ มีตั้งแต่การทำเครื่องปั้นเซรามิก ผ้ามัดย้อม เพ้นท์ผ้า และเพ้นท์กระเป๋า โดยที่นี่จะมีศูนย์ให้ความรู้และมีอาจารย์สอนศิลปะอยู่ประจำศูนย์ทุกวัน หากนักท่องเที่ยวอยากเข้ามาเที่ยวชม และลองเพ้นท์กระเป๋าผ้าก็สามารถทำได้เช่นกัน

10. กินปูยักษ์ที่แพงที่สุดในญี่ปุ่น

ไฮไลต์อันดับหนึ่งของการมาที่เมืองเคียวตังโกะ คือการได้มาลองชิมปูยักษ์หรือคิงส์แครบ บางคนบอกว่า ปูแบบนี้ที่โอซาก้า หรือที่เมืองใหญ่อื่นๆ ของญี่ปุ่นก็มีถมเถไป แต่จะบอกว่า ปูยักษ์หรือปูไทสะ (Taiza Crab) ของที่นี่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากอ่าวของเมืองนี้เป็นอ่าวที่มีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ต่อปูไทสะมากที่สุด ทำให้ปูของที่นี่มีรสชาติอร่อยแตกต่าง (มันปูมีรสหวานนุ่มลิ้น ปูจากที่อื่นมันปูจะออกรสเค็มมากกว่า) และการจะจับปูมาขายได้ ต้องเป็นชาวประมงที่มีไลเซนส์และเป็นคนท้องถิ่นของเมืองนี้โดยเฉพาะ สนนราคาก็เบาๆ อยู่ที่คอร์สละ 40,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง

ด้วยชื่อเสียงของปูไทสะทำให้ชาวญี่ปุ่นจากจังหวัดอื่นๆ นิยมเดินทางมาชิมปูไทสะต้นตำรับความอร่อยของที่นี่อย่างไม่ขาดสาย รวมถึงพ่อค้าปูทั้งหลายก็ต้องมารับซื้อปูจากที่นี่เอาไปขึ้นภัตตาคารชื่อดังต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่นด้วย ใครมาที่นี่ห้ามพลาดชิมปูไทสะด้วยประการทั้งปวง

*ล้อมกรอบ*
การเดินทาง
เดี๋ยวนี้มีสายการบินโลว์คอสต์ บริการบินตรงไปถึงญี่ปุ่นอยู่หลายสายการบิน หนึ่งในนั้นที่สะดวกสุดๆ คือ ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่เปิดเส้นทางบินตรงไปถึงท่าอากาศยานคันไซ ซึ่งสามารถนั่งรถไฟฟ้าหรือรถบัสต่อเข้าเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ที่พิเศษสุดๆ คือไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์มีบริการให้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วรถเพื่อต่อเข้าเมืองได้บนเครื่องเลย (ทั้งตั๋วรถไฟและตั๋วรถบัส) ไม่ต้องไปรอต่อคิวซื้อตั๋วรถที่สนามบินให้เสียเวลา นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อตั๋วเข้าชมยูนิเวอร์แซล และตั๋วเข้าชมอะควาเรียมได้บนเครื่องเช่นกัน


สำหรับการไปเที่ยวที่เคียวตังโกะ เมื่อถึงสนามบินแล้วให้นั่งรถบัสหรือรถไฟเข้าเมืองเกียวโตก่อน จากนั้นจึงต่อรถไฟอีกครั้งไปลงที่สถานี Kyotango Mineyama Station ใกล้ๆ สถานีรถไฟมีโรงแรมหลายแห่งให้เลือกพักในราคาที่น่าคบ