ยังเผลอได้อีกนะ สำหรับนักเดินทางบางคนที่เป็นมือใหม่หัดเที่ยวหรือเพิ่งจะหัดขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรก มักจะเผลอนำสิ่งต้องห้ามขึ้นเครื่องบิน หรือละเลยข้อห้ามเล็กๆ น้อยๆ ถ้าไม่อยากถูกรื้อกระเป๋าหรือโดนเจ้าหน้าที่หยิบเครื่องสำอางแพงๆ ทิ้งไปละก็ ฟังทางนี้
วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ ขอพาไปศึกษารายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่สำคัญมาก! ในการขึ้นเครื่องบินเดินทาง โดยเฉพาะขาเที่ยวมือใหม่ที่อยากเที่ยวแบบลุยเดี่ยว แต่ไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินมาก่อน และอยากหัดขึ้นเครื่องบินด้วยตัวเอง ก็ลองเข้ามาศึกษาเรื่องนี้กันสักนิด เพราะมันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคุณไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพื่อการเตรียมตัวขึ้นเครื่องได้อย่างถูกต้อง
เอาล่ะ อย่ารอช้า ตามมาดู 7 ข้อห้ามก่อนขึ้นเครื่องกันเลย
1. ห้ามนำของเหลว (มากเกินปริมาณกำหนด) ขึ้นเครื่อง
โดยปกติสนามบินต่างๆ ทั่วโลก อนุญาตให้นำของเหลว เจล และสเปรย์ ติดตัวขึ้นเครื่องได้ แต่ต้องมีปริมาณไม่เกิน 100 มิลลิลิตร ต่อ 1 ชิ้น และแต่ละชิ้นเมื่อรวมกันแล้วห้ามเกิน 1,000 มิลลิลิตร ได้แก่ สิ่งของจำพวกน้ำหอม ครีม โทนเนอร์ แชมพู สเปรย์ดับกลิ่นกาย เจลล้างหน้า สบู่เหลว โลชั่น ยาสีฟัน เป็นต้น
...
ของเหลวดังกล่าวถ้าจะนำขึ้นเครื่องต้องแยกเก็บรวมกันในถุงพลาสติกใสแบบซีลปิดได้ เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน ถ้าเอามาเกินกว่านี้ก็ทำใจเถอะ เพราะเจ้าหน้าที่จะโยนลงถังขยะไปเลยจ้า แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เหมือนกัน เช่น ยาน้ำ หรืออาหารเหลวสำหรับทารก เขาก็อนุโลมให้เอาขึ้นเครื่องได้
ส่วนใครที่สงสัยว่า อ้าว…แล้วพวกน้ำดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำหอมตามร้านสินค้าปลอดภาษีในเกตด้านในล่ะ ซื้อแล้วเอาขึ้นเครื่องได้หรือเปล่า? คำตอบคือถือขึ้นเครื่องได้ เพราะผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่แล้ว แต่ทั้งนี้เมื่อซื้อแล้วต้องให้พนักงาน บรรจุถุงที่ปิดสนิท และไม่มีร่องรอยการเปิดออก จึงจะสามารถนำขึ้นเครื่องได้
2. กรรไกรตัดเล็บก็ไม่ได้
เป็นของที่ดูเหมือนจะไม่น่ามีปัญหา แต่กรรไกรตัดเล็บนี่แหละที่ทำให้ใครหลายคนเดือดร้อนมาแล้ว เพราะเจ้าหน้าที่ถือว่ามันเป็นของมีคมอย่างหนึ่งที่อันตราย สามารถทำร้ายร่างกายได้เทียบเท่ากับมีดพับ นอกจากนี้ ยังรวมถึง ตะไบเล็บ แหนบ หรือที่ดัดขนตา บางทีก็โดนเรียกเปิดกระเป๋าให้ตรวจเหมือนกันนะ เพราะเจ้าหน้าที่เข้าใจว่าเป็นมีดพก ทางที่ดีถ้าอยากนำของเหล่านี้ไปด้วยก็ใส่ไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ที่จะโหลดลงใต้เครื่องจะดีที่สุด
3. ไฟแช็กห้ามเด็ดขาด
เนื่องจากทุกเที่ยวบินเป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่จริงหรือบุหรี่ไฟฟ้าเขาก็ห้ามเอาขึ้นมาสูบบนเครื่อง เอาเป็นว่าห้ามนำไฟแช็กไปจุดบุหรี่สูบบนเครื่อง เพราะไฟแช็กถือเป็นก๊าซอัดอย่างหนึ่ง เทียบเท่าเหมือนพวกก๊าซน้ำตา ตามกฎระเบียบแล้วห้ามนำของเหล่านี้ขึ้นเครื่องเด็ดขาด แต่ถ้าจะพกไฟแช็กไปเผื่อยามจำเป็นอื่นๆ ก็ให้ใส่กระเป๋าใบใหญ่โหลดลงใต้เครื่องเหมือนกัน
4. ปืนของเล่น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
...
สิ่งนี้แม้ว่าจะเป็นของเล่น แต่มันถือเป็นสิ่งเทียมอาวุธที่ตามกฎระเบียบของสนามบิน ก็ห้ามนำขึ้นเครื่องเช่นเดียวกัน นอกจากปืนของเล่น ของจำพวก ปืนไฟแช็ก ระเบิดไฟแช็ก ก็อยู่ในหมวดหมู่ของต้องห้ามเหมือนกัน
5. สนับมือ อย่าพกดีกว่า
นอกจากมีด ดาบ และของมีคมอื่นๆ แล้ว ใครคิดอยากจะพกสนับมือขึ้นเครื่องไปด้วยล่ะก็ ให้รีบย้ายออกจากกระเป๋าทันที เพราะสิ่งนี้ถือเป็นอาวุธโดยสภาพ ที่มีกฎระเบียบห้ามนำขึ้นเครื่องเช่นกัน และยังรวมถึงทวน กระบอง และวัตถุแหลมคมทุกชนิดที่ห้ามนำติดตัวขึ้นไปนะจ๊ะ
6. ทุเรียน กลิ่นไม่น่ารักเลย
...
ถ้าเป็นช็อกโกแลต หรือขนมขบเคี้ยวที่ซื้อเป็นของฝากจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่ก็สามารถนำขึ้นเครื่องได้ ไม่มีปัญหา แต่อาหารบางอย่างที่มีกลิ่นรุนแรง เช่น ทุเรียน สิ่งนี้ห้ามนำขึ้นเครื่องเด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะแพ็กมาอย่างดิบดีแค่ไหนก็ตาม เพราะกลิ่นทุเรียนทำให้ผู้โดยสารบางคนเกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาได้ ถ้าจะเอาไปด้วยจริงๆ ก็โหลดลงใต้เครื่องอย่างเดียวนะจ๊ะ นอกจากนี้ อาหารจำพวก อาหารทะเลสด ปลาแห้ง ปลาร้า กะปิ น้ำปลา หรืออาหารกลิ่นแรงอื่นๆ ก็ห้ามนำขึ้นเครื่องเช่นกัน แต่บางสายการบิน เช่น แอร์เอเชียก็อนุญาตให้นำอาหารทะเลขึ้นเครื่องได้ แต่ในเงื่อนไขที่ว่าต้อง แพ็กมาอย่างเหมาะสม เท่านั้น
7. คนท้อง อย่าเพิ่งเที่ยวช่วงนี้เลยเนอะ
เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้ว่า คนท้องแก่ เขาไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่องบิน เพราะความกดอากาศบนเครื่องบินมักไม่คงที่ อาจทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดหรืออาจจะส่งผลถึงระบบไหลเวียนโลหิตของคุณแม่และลูกในครรภ์ได้ ทั้งนี้ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์อ่อนๆ ระยะไม่เกิน 27-28 สัปดาห์ ยังสามารถขึ้นเครื่องบินได้อยู่ แต่ต้องมีใบรับรองแพทย์ และขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบินด้วยว่าจะมีการเรียกตรวจสอบใบรับรองแพทย์หรือเปล่า
...
บางสายการบิน นอกจากจะเรียกดูใบรับรองแพทย์แล้ว อาจจะถูกเรียกไปซักถามข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และสุขภาพของคุณแม่ก่อนเดินทางด้วย ดังนั้น เพื่อความสะดวกรวดเร็ว และเลี่ยงปัญหาน่ารำคาญเหล่านี้ ก็ควรไปทำใบรับรองแพทย์ไว้ทุกครั้งก่อนการเดินทาง และควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นเครื่องทุกครั้ง เพื่อที่เจ้าหน้าที่ (บางสายการบิน) จะได้จัดที่นั่งพิเศษให้ได้.
ขอบคุณภาพจาก : huffingtonpost, policestatedaily, uniquetravelling, fuelingalife, wikimedia,
lesblank, en.academic