สัปดาห์นี้ สารคดีไทยรัฐออนไลน์ พาไปพบกับเรื่องราวของ "นกยักษ์แดนใต้"...!
" นกแคสโซวารี" เป็นนกบินไม่ได้ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นญาติสนิทกับนกอีมู และญาติห่างๆ ของนกกระจอกเทศ นกเรีย และนกกีวี ปัจจุบันมีนกแคสโซวารีอยู่ 3 ชนิด สองชนิดพบเฉพาะในป่าดิบของนิวกินีและบนเกาะใกล้เคียง ส่วนชนิดที่ 3 ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดคือ นกแคสโซวารีถิ่นใต้ (Casuarius casuarius) อาศัยอยู่ในภูมิภาคเวตทรอปิกส์ ทางตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย บ้างอาศัยอยู่ลึกเข้าไปในป่าดิบ บ้างอาศัยอยู่ตามชายป่าและอาจเดินเพ่นพ่านเข้าไปในสวนหลังบ้านของชาวเมืองด้วย แต่นกแคสโซวารีไม่ใช่นกทั่วๆ ไป ที่พบเห็นได้ในสวน
ถ้านกเพศผู้ตัวเต็มวัย เหยียดตัวเต็มที่ ก็สามารถก้มลงมอง คนตัวสูง 165 เซนติเมตรอย่างฉันได้สบาย และอาจมีน้ำหนักมากกว่า 50 กิโลกรัม ขณะที่นกเพศเมียตัวเต็มวัย ยังสูงกว่านั้นอีก และอาจหนักกว่า 73 กิโลกรัมเลยทีเดียว ในบรรดานกที่ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงนกกระจอกเทศเท่านั้น ที่มีขนาดใหญ่กว่านกแคสโซวารี นกแคสโซวารีมีขนสีดำขลับ มีเกล็ดตามขา เท้ามีเพียงสามนิ้ว โดยนิ้วด้านในของเท้าแต่ละข้าง มีวิวัฒนาการมาเป็นเดือยอันน่าเกรงขาม ปีกของมันมีขนาดเล็กมาก แต่คอยาว และมีขนสั้นๆ คล้ายขนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขึ้น หร็อมแหร็ม อวดผิวหนังสีสันสดใส ทั้งสีแดง สีส้ม สีม่วง และสีฟ้า คอด้านหน้ามีผิวหนังลักษณะเป็นกลีบยาวสีสดที่เรียกว่า เหนียงคอ ห้อยลงมาสองเหนียง นกแคสโซวารีมีดวงตาสีน้ำตาลขนาดใหญ่ และจะงอยปากโค้งยาว บนหัวมีโหนกแข็งทรงสูงเหมือนเขาสัตว์
...
"นกแคสโซวารี" ต่างจากนกชนิดอื่น อย่างนกกระจอก ตรงที่เพียงได้เห็นสักสองสามตัว คุณก็สามารถแยกแยะแต่ละตัวได้อย่างง่ายดาย เช่น ตัวนี้มีเหนียงคอยาวสวยงาม และมีโหนกแข็งตรง แต่ตัวนั้นมีโหนกแข็งเบี้ยวไปทางขวา ลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจนเช่นนี้ ประกอบกับขนาดตัวและการบินไม่ได้ ทำให้พวกมันคล้ายมนุษย์อย่างน่าประหลาด กล่าวคือมันเคลื่อนไหวเหมือนคน มีขนาดเท่าคน และสามารถแยกแยะความแตกต่างของแต่ละตัวได้ง่าย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องธรรมดา ที่ใครต่อใครจะตั้งชื่อให้พวกมัน เรื่องนี้ยังช่วยอธิบายว่าเหตุใดนกแคสโซวารี จึงปรากฏอยู่ในตำนานของชนเผ่า
ซึ่งอาศัยอยู่ในป่าดิบมายาวนาน ตำนานบางเรื่องเชื่อว่า นกแคสโซวารีเป็นญาติของมนุษย์ บ้างเชื่อว่านกชนิดนี้เป็นคนที่กลับชาติมาเกิดใหม่ บ้างเชื่อว่ามนุษย์สร้างขึ้นจากขนของนกแคสโซวารี เพศเมีย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นกแคสโซวารีต่างจากมนุษย์คือ นกเพศผู้รับหน้าที่เลี้ยงดูลูกแต่ฝ่ายเดียว ตั้งแต่การกกไข่ไปจนถึงการดูแลลูกนกเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าเก้าเดือน เพราะเหตุนี้คุณแม่ทั้งหลายจึงพากันอิจฉาแม่นกแคสโซวารีกันใหญ่
นอกจากจะเห็นตัวได้ยากแล้ว นกแคสโซวารียังเป็นที่โจษจันถึงความอันตราย แน่นอนว่าถ้าคุณขังนกแคสโซวารีไว้ในคอก แล้ววิ่งเงื้อคราดเข้าหา (ซึ่งดูจากคลิปในยูทูบแล้ว ก็มีคนทำอย่างนั้นจริง) เจ้านกชนิดนี้ก็เป็นตัวอันตรายดีๆ นี่เอง นกแคสโซวารีมีขนาดใหญ่ มีกรงเล็บและแรงเตะอันทรงพลัง ซึ่งพวกมันจะใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอน ถ้าคุณเข้าใกล้พ่อนกลูกอ่อน มันอาจโจมตีคุณเพื่อปกป้องลูก ถ้าคุณพยายามจับ หรือฆ่านกแคสโซวารี มันอาจตอบโต้และเล่นงานคุณจนน่วม และบางครั้งพวกมันก็ฆ่าสุนัข ทว่าความจริงแล้ว หากไม่ถูกรบกวนและได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพ นกแคสโซวารีจะขี้กลัว รักสงบ และไม่มีพิษภัย ในออสเตรเลีย ครั้งสุดท้ายที่นกแคสโซวารีฆ่ามนุษย์ได้รับการบันทึกไว้
เมื่อปี 1926 ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว ในแต่ละวัน นกแคสโซวารีโตเต็มวัยตัวหนึ่ง กินผลไม้และผลเบอร์รี่หลายร้อยผล แต่ระบบย่อยอาหารของนกแคสโซวารีนั้น ออกจะอ่อนโยนและไม่ทำอันตรายต่อเมล็ด มันจึงถ่ายเมล็ดออกมาในสภาพไม่บุบสลาย
ดังนั้น ขณะที่ นกแคสโซวารีตระเวนหากิน ดื่ม อาบน้ำ และถ่ายมูลไปทั่วอาณาเขต มันจึงกระจายเมล็ดพืชจากบริเวณหนึ่งไปยังอีกบริเวณหนึ่งในป่าเลยทีเดียว แถมยังพาเมล็ดพืชขึ้นเนินเขา หรือข้ามแม่น้ำอีกด้วย พูดสั้นๆ ก็คือ มันขนส่งเมล็ดในวิธีที่แรงโน้มถ่วงอย่างเดียวทำไม่ได้ การถ่ายมูลกลิ่นผลไม้ จึงทำให้นกแคสโซวารี เป็นพาหนะอันทรงพลังสำหรับกระจายเมล็ดพันธุ์พืช นกแคสโซวารียังช่วยให้พืชบางชนิดงอกด้วย ตัวอย่างเช่น Ryparosa kurrangii เป็นต้นไม้ที่พบเฉพาะบริเวณเล็กๆ ในป่าดิบตามแนวชายฝั่งของออสเตรเลีย งานวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า เมล็ด Ryparosa ที่ไม่ผ่านการขับถ่ายของนกแคสโซวารี จะงอกเพียงร้อยละ 4 แต่เมล็ดที่ผ่านการขับถ่ายของนกแคสโซวารี จะงอกถึงร้อยละ 92 (ไม่มีใครทราบว่าเพราะเหตุใดจึงแตกต่างกันถึงเพียงนี้) ดังนั้น หากนกแคสโซวารีหายไป โครงสร้างของป่าจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลง ต้นไม้บางชนิดจะกระจายพันธุ์ได้น้อยลง บางชนิดอาจถึงกับหายสาบสูญไปทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย
...
ถ้าเช่นนั้น มีนกแคสโซวารีเหลืออยู่เท่าไรเล่า คำถามนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดในการศึกษาด้านชีววิทยาของนกแคสโซวารี ในออสเตรเลีย นกชนิดนี้จัดเป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ การสำรวจประชากรนกแคสโซวารี ส่วนใหญ่นับได้ 1,500 ถึง 2,000 ตัว แต่ทั้งหมดเป็นเพียงตัวเลขโดยประมาณการเท่านั้น จำนวนที่แท้จริงยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด
ปัญหาคือ การนับจำนวนนกแคสโซวารีทำได้ยาก เพราะพวกมันอาศัยอยู่ตามลำพังในป่าทึบ ขณะที่ความพยายามหาจำนวนโดยประมาณด้วยดีเอ็นเอจากมูลนก ก็ยังไม่ได้รับการตีพิมพ์ จึงไม่อาจระบุได้อย่างแน่ชัดว่า ประชากรนกแคสโซวารีกำลังเพิ่มขึ้น ลดลง หรือใกล้สูญพันธุ์มากน้อยแค่ไหนกันแน่
...
เรื่อง โอลิเวีย ภาพถ่าย คริสเตียน ซีกเลอร์ ข้อมูลจากนิตยสาร เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย