เปิดจุดหมายปลายทางในฝัน สถานที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว พร้อมทำงานจากระยะไกลด้วยวีซ่า Digital Nomad

Digital Nomad Visa เป็นหนึ่งในวีซ่าที่กำลังเป็นที่นิยม และกลายเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวและทำงานในปี 2025 ที่น่าสนใจ ซึ่งหลายๆ ประเทศได้มีแผนกำหนดวีซ่าประเภทนี้เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว การพัฒนาดิจิทัล และอาชีพที่หลากหลายมากขึ้นในอนาคตปี 2025

โดยในไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผู้เชี่ยวชาญและผู้เริ่มอาชีพใหม่จำนวนมากหันมาทำงานฟรีแลนซ์ เพื่อสร้างรายได้ออนไลน์ และเพลิดเพลินกับอาชีพการงานที่เจริญรุ่งเรือง รวมถึงบางบริษัทชั้นนำเริ่มนำแผนงานและนโยบายเหล่านี้มาใช้บ้างแล้ว เพื่อรับแรงงานที่มีประสิทธิภาพและหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก แน่นอนว่าในอนาคต Digital Nomad Visa จะเป็นอีกเทรนด์ท่องเที่ยวทำงานที่น่าสนใจ

เนื่องจากการวิจัยของ Statista ในปี 2023 มีผู้สมัคร Digital Nomad Visa อย่างน้อย 17.3 ล้านคนทั่วสหรัฐอเมริกา โดยส่วนใหญ่เป็นคนทำงานอิสระ ปัจจุบันมียอดอย่างน้อย 18.1 ล้านราย ตามข้อมูลของ MBO Partners บ่งชี้ว่าเทรนด์นี้กำลังเติบโต เนื่องจากการทำงานจากระยะไกลกำลังพัฒนาสำหรับหลาย ๆ องค์กรให้เป็นรูปแบบไฮบริดระยะไกลหรือแบบไฮบริด ทำให้มีหลากหลายประเทศเปิดรับมากขึ้น

แน่นอนว่าหากใครกำลังถือวีซ่าชนิดนี้ หรือกำลังพิจารณาในปี 2025 และกำลังหาข้อมูลว่าควรวางแผนการเดินทางที่ไหน ต่อไปนี้เป็น 5 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับผู้ที่สนใจท่องเที่ยวและทำงานในรูปแบบ Digital Nomad Visa ในปี 2025 ที่จะถึงนี้

5 จุดหมายยอดนิยมสำหรับ Digital Nomad Visa ในปี 2025

1. เซนต์ลูเซีย (St. Lucia) เซนต์ลูเซียเป็นเกาะทางตอนเหนือที่รู้จักในนาม "เฮเลนแห่งแคริบเบียน" เนื่องจากมีป่าอันเขียวชอุ่มสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ทะเลอันงดงามตระการตา หาดทรายสีขาว และรีสอร์ทที่สวยงามอยู่มากมาย หนึ่งในประเทศเกาะที่มีความสงบ พร้อมกับวัฒนธรรม ศิลปะ และดนตรีที่มีชีวิตชีวา โดยบนเกาะแห่งนี้มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางไมล์และมีสิ่งต่างๆ มากมายให้คุณสำรวจ และแน่นอนคือนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางและขยายเวลาการอยู่บนเกาะได้นานเท่าที่ต้องการ เดือนต่อเดือน โดยจ่ายค่าธรรมเนียมสั้นๆ ในการขยายเวลาในแต่ละครั้ง พร้อมดื่มด่ำไปกับอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี

...

2. ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส (Lisbon, Portugal) ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งสำหรับชาว Digital Nomad เพราะที่นี่มีร้านกาแฟ คาเฟ่ต์สวยๆ รวมถึง Co-Working Space อีกมากมาย ทั้งนี้ที่ลิสบอนยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองหลวงที่มีราคาเหมาะสมที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป

3. บาร์เซโลนา ประเทศสเปน บาร์เซโลนา กลายเป็นอีกหนึ่งสวรรค์ที่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับฟรีแลนซ์และชาว Digital Nomad เพราะที่สเปนนอกจากจะมีบรรยากาศ วัฒนธรรมที่สวยงามแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมายให้ร่วมค้นหาสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย นอกจากนี้ยังไม่รวมถึงชายหาดที่สวยงาม และสถาปัตยกรรมอันตระการตา อีกทั้งที่นี่ยังอนุญาตให้สมาชิกในครอบครัว เช่น คู่สมรสของคุณและบุตรในความอุปการะ เดินทางมาด้วยได้เช่นกัน

4. ประเทศกรีซ กรีซ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของยุโรปสำหรับนักเดินทางและคนทำงานอิสระ โดยที่นี่ยังมีบริการ Digital Nomad Visa ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถขยายระยะเวลาการพักอาศัยได้นานถึงหนึ่งปี สำหรับ 183 วันแรกในประเทศ ไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายภาษีเงินได้ และหลังจากนั้นจะคิดอัตราเพียง 50% เท่านั้นในฐานะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

5. ประเทศปานามา ปานามา ตั้งอยู่ในอเมริกากลาง มีภูมิประเทศที่คร่อมทั้งทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และชายหาดที่สวยงาม ประเทศนี้อนุญาตให้ผู้ที่ถือ Digital Nomad Visa อยู่ได้นานถึง 18 เดือน (9 เดือนแรกจากนั้นจึงขยายเวลาออกไป) โดยทั่วไปค่าครองชีพที่นี่ต่ำกว่าในหลายพื้นที่ในสหรัฐอเมริกา หรือบางส่วนของยุโรปจึงเป็นอีกหนึ่งโลเคชันยอดนิยม

ข้อมูล: forbes

ภาพ : istocks