เทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ในปี 2567 จากการรวบรวมข้อมูลของทาง Booking.com เผยว่านักท่องเที่ยวมีแนวโน้มประหยัดค่าใช้จ่าย ใส่ใจตนเอง และสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น

เข้าสู่ช่วงท้ายปี 2566 ที่กำลังเดินทางเข้าสู่บทสรุปทั้งหมดของปี ทำให้เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวสู่อนาคตในปี 2567 ก็เริ่มปรากฏขึ้นเป็นภาพพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวมากขึ้น หลังจากที่ผู้คนต่างเผชิญกับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น วิกฤติทางการเงิน ความน่ากังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข่าวสาร ความกดดัน และความจำเจในชีวิตประจำวัน ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ

ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นส่งผลให้พฤติกรรมการท่องเที่ยวนั้นเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ผู้คนต่างมีแนวคิดที่เปลี่ยนไป ให้ความสำคัญจากตัวเอง และสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นต่อโลกเป็นหลักมากขึ้น

ข้อมูลแบบสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทางจาก Booking.com ได้คาดการณ์เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2567 ที่เจาะลึกถึงความต้องการของผู้เดินทางชาวไทย รวมถึงปัจจัยสำคัญที่พวกเขาพิจารณาเมื่อจะออกเดินทาง เผยว่า ในปี 2567 การเดินทางคือชีวิต โดย 89% ของผู้เดินทางชาวไทย (และ 78% ของผู้เดินทางทั่วโลก) เปิดเผยว่า พวกเขารู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้เดินทาง และ 88% ของผู้เดินทางชาวไทยเชื่อว่าพวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดระหว่างออกท่องเที่ยว

7 เทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2567

1. เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อออกเดินทาง

ในปี 2567 ผู้เดินทางจะรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยการสร้างตัวตนใหม่ และได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตนเองในช่วงวันหยุด จากแนวคิดที่ว่าผู้คนมีบุคลิกที่แตกต่างออกไปจากเดิมเมื่อออกเดินทาง เพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น 

...

ผู้เดินทางชาวไทยสองในสาม (88%) เชื่อว่า พวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดระหว่างออกท่องเที่ยว สามารถหลีกหนีข้อจำกัดต่างๆ และเปิดรับบุคลิกภาพใหม่ๆ ของตนเองได้อย่างเต็มที่

  • 78% ชอบที่ไม่ต้องเผยตัวตนที่แท้จริงขณะเดินทาง และมีโอกาสได้สร้างตัวตนในแบบที่ต้องการ
  • 74% สร้างเรื่องราวในชีวิตของตัวเองเอาไว้บอกเล่าคนที่ได้พบเจอระหว่างการเดินทาง
  • 59% ยอมจ่ายเงินเพื่อเช่ารถที่ดีกว่าคันที่ขับอยู่เป็นประจำ เพื่อใช้ชีวิตที่ต่างจากเดิมอย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
  • 69% รู้สึกได้ถึง “อินเนอร์ของตัวละครหลัก” ที่ตัวเองเป็นในขณะออกเดินทาง

2. ทริปหนีร้อนไปพึ่งเย็น

สภาพอากาศที่ร้อนระอุ และคลื่นความร้อนทั่วโลก กระตุ้นให้ผู้เดินทางมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสภาพภูมิอากาศเย็นกว่าในชีวิตประจำวันที่เผชิญอยู่ เพื่อหาช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับคลายร้อน และความกังวล

  • 84% เห็นด้วยว่าการได้พักผ่อนใกล้ชิดกับสายน้ำ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นได้ทันที
  • 78% ของผู้เดินทางชาวไทย เผยว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลต่อการวางแผนการท่องเที่ยวในปีหน้า
  • 75% กล่าวว่า จะมองหาสถานที่พักผ่อน หรือออกเดินทางเพื่อไปคลายร้อน เพราะอุณหภูมิแถวบ้านพุ่งสูงขึ้น
  • 40% สนใจการท่องเที่ยวพักผ่อนที่เน้นใกล้ชิดกับน้ำ ในปี 2567

3. ชอบการลุ้น

ผู้เดินทางอยากปล่อยใจไปกับความเซอร์ไพรส์ ออกสำรวจสิ่งที่ไม่เคยเห็น หรือรู้จักมาก่อน และลองไปจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ในระหว่างออกเดินทาง เปลี่ยนจากการวางแผนที่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเช็กลิสต์ มาเป็นการลุ้นดูว่าจะได้เจออะไรบ้าง และอยากสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่เหมือนเปิดกล่องสุ่ม ผู้เดินทางในปีหน้ามาพร้อมคติประจำใจในการใช้ชีวิตให้เต็มที่ และก้าวออกจากความจำเจในชีวิตประจำวัน

  • 82% เน้นวางแผนการเดินทางแบบไม่ละเอียดมาก หรือที่สามารถยืดหยุ่นได้ จะได้เปลี่ยนแผนได้ตามอารมณ์ในตอนนั้น
  • 76% ต้องการที่จะไปในจุดหมายปลายทางที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และ 53% มองหาทริปเดินทางร่วมกับคนแปลกหน้า
  • 67% ไม่ต้องการแผน หรือเช็คกลิสต์ก่อนเดินทางสำหรับทริปในปีหน้า เพื่อจะได้ปล่อยใจไปตามแต่ละโอกาส และสถานการณ์เฉพาะหน้าจะพาไป
  • 61% ของผู้เดินทางชาวไทยสนใจจองการเดินทางสุดเซอร์ไพรส์ในแบบที่ไม่รู้เลยว่าจะได้ไปที่ไหนบ้างจนกว่าจะไปถึง 

4. ตามรอยต้นกำเนิดของความอร่อย

ผู้เดินทางสายกินในปี 2567 ต้องการสำรวจไปถึงจุดกำเนิด และรากวัฒนธรรมของอาหารจานเด็ดในขณะเดินทางท่องเที่ยว เพื่อค้นหาเมนูเลิศรส ผู้เดินทางสายกินทั้งหลายจะเมินเทรนด์อาหารรูปแบบใหม่ และหันมาอนุรักษ์อาหารแบบต้นตำรับ การท่องเที่ยวเชิงอาหารในปีหน้าจะถูกเน้นไปที่การออกเดินทางเพื่อทำความเข้าใจถึงเรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และวัตถุดิบที่หาได้เฉพาะพื้นที่ อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น ในขณะเดียวกันเทรนด์การเดินทางดังกล่าวจะช่วยสร้างความภาคภูมิใจ และเป็นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนทั่วโลก

  • 92% อยากลิ้มลองอาหารพื้นเมืองมากขึ้นในปีหน้า โดยเน้นค้นหารสชาติอาหารดั้งเดิมที่ปรุงด้วยสูตรลับที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น เพื่อสำรวจ และเปิดเผยถึงเรื่องราวด้านวัฒนธรรมที่อาจสูญหาย หรือลืมเลือนไปในอีกฟากฝั่งหนึ่งของโลก
  • 78% สนใจเรียนรู้ต้นกำเนิดอาหารจานเด็ด และอาหารที่ “ห้ามพลาด” ในจุดหมายปลายทางนั้นๆ มากกว่าที่เคยเป็นมา

5. ผ่อนคลายเพื่อฟื้นพลัง

เมื่อสถานการณ์ที่บ้าน การเมือง ข่าวสาร เริ่มย่ำแย่เนื่องจากความวุ่นวาย ผู้เดินทางที่กำลังเผชิญกับความวุ่นวายเหล่านี้ จึงหันมาเน้นจองทริปที่เจาะจงแค่การพัฒนาร่างกาย และจิตใจแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อเยียวยาความรู้สึก และคลายความเครียดให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการได้อีกครั้ง เทรนด์ที่น่าสนใจมีดังนี้ 

...

ยุคสมัยของการท่องเที่ยวเพื่อการนอนหลับ (Sleep Tourism) ผู้ประกอบธุรกิจหันมาให้บริการที่ส่งเสริมด้านการนอนหลับ และใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะตอบโจทย์ผู้เดินทางชาวไทย

  • 76% ผู้ที่เผชิญกับปัญหาครอบครัวไม่รู้จบ วางแผนเดินทางคนเดียวในปีหน้า แบบไม่พาลูก และคู่ครองของตัวเองไปด้วย เพื่อรีชาร์จพลังชีวิตตัวเอง มองหาการพักผ่อนแบบสันโดษ หรือไปเที่ยวคนเดียวแบบไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร 
  • 75% ให้ความสำคัญกับการนอนหลับสนิทแบบไม่มีอะไรมากวนใจ สำหรับทริปในปี 2567
  • 59% จะหาเวลาไปท่องเที่ยวเพื่อหาคู่ หรือคนรักใหม่ 
  • 54% ที่จะเน้นไปยังการท่องเที่ยวพักใจเพื่อลืมคนรักเก่าให้ได้เสียที
  • 13% ต้องการกระชับความสัมพันธ์กับคนรักให้แน่นแฟ้น และเน้นเรื่องนี้เป็นหลักในการเดินทางปีหน้า

6. ยกระดับวันหยุดแบบ A La Carte

วิกฤตการณ์ค่าครองชีพ ตลอดจนการเข้ามาของเทรนด์รวยแบบกระซิบ (Stealth Wealth) ที่เป็นกระแสในปี 2566 ส่งผลให้ผู้เดินทางในปี 2567 จะหันมาหาวิธีรัดเข็มขัดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังต้องการยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความหรูหราแบบ “ตามสั่ง” หรือ “A La Carte” ผ่านการใช้จ่ายแบบเต็มที่ในทริปสั้นๆ หรือเลือกที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านหนึ่งเพื่อไปเต็มที่กับสิ่งที่ตนเองต้องการมากกว่า เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์เหนือระดับ แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งก็ตาม

  • 65% ยินดีจ่ายค่าบัตรผ่านรายวันเพื่อเข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมห้าดาว แทนการเข้าพักจริง
  • 65% วางแผนให้ลูกหลานลาเรียน แล้วออกเดินทางนอกฤดูท่องเที่ยว เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายตอนออกเดินทาง
  • 64% วางแผนที่จะเลือกจุดหมายปลายทางที่ค่าครองชีพถูกกว่าเมืองตัวเองอยู่  เพื่อใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
  • 64% ระบุว่า การเดินทางใกล้บ้านเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากพวกเขากำลังค้นหาทริปวันหยุดพักผ่อนที่สามารถให้ความรู้สึกใกล้เคียงตัวเลือกที่หรูหรา แต่มีราคาไม่แพง เพื่อลดค่าใช้จ่าย

...

7. สุนทรียศาสตร์ของการเดินทางแบบยั่งยืน

“การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์” หลายคนคงเห็นภาพลานกางเต็นท์ที่เรียบง่าย และติดดิน แต่ในปี 2567 ความสำคัญของการออกแบบ นวัตกรรม และความใส่ใจ ได้มาบรรจบกันในเส้นทางของการเดินทางอย่างยั่งยืน เพื่อเปิดประตูบานใหม่สำหรับผู้เดินทางที่กำลังมองหาตัวเลือกที่ใส่ใจ และมีความรับผิดชอบในแบบที่สร้างสรรค์มากขึ้น และไม่ได้ต้องการเพียงแค่ทริปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบสั้นๆ เท่านั้น แต่ผู้เดินทางในปัจจุบันต้องการนำความตั้งใจเหล่านี้มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายของการมีส่วนช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสร้างผลเชิงบวกต่อชุมชนและสังคมเพิ่มมากขึ้น

  • 84% อยากให้นำเสนอประสบการณ์ทดลองใช้ชีวิตกับคนในชุมชนท้องถิ่น หรือจุดหมายที่ไม่คุ้นเคย
  • 83% อยากเห็นการดำเนินการเพื่อความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม ในขณะที่ 65% ต้องการเห็นที่พักตกแต่งภายในด้วยพื้นที่สีเขียว และประดับด้วยต้นไม้ราวกับอยู่กลางธรรมชาติ
  • 78% กำลังมองหาที่พักที่มีนวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่ดูตื่นตาตื่นใจ

    47% ผู้เดินทางจำนวนมากสนใจแพลตฟอร์มสำหรับการเดินทางแบบยั่งยืนที่มีตัวเลือก หรือข้อเสนอให้สามารถปลดล็อกสมนาคุณได้
  • 44% ทริปการเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจจะยังเข้าไม่ถึง 

นางสาวมิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงของ Booking.com กล่าวว่า "การคาดการณ์เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวปี 2567 ของ Booking.com เป็นการเปิดเผยถึงความเชื่อที่ว่าการเดินทางไม่ใช่แค่การหลีกหนีจากชีวิตประจำวัน แต่เป็นวิธีการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของเราอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้นที่ได้สัมผัสผ่านการสำรวจจุดหมายปลายทางใหม่ๆ การดื่มด่ำกับวัฒนธรรมที่แตกต่าง หรือการลิ้มรสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร การเดินทางมีพลังอันเหลือเชื่อที่จะช่วยให้เรากลายเป็นตัวเราในเวอร์ชันที่ดีที่สุด".

...