ค่ำคืนวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมแมริออท มาร์คีส์ แบงค็อก สุขุมวิท 22 H.E. MR.NAGESH SINGH เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานส่งเสริมการท่องเที่ยวรัฐโอริสสา 2023 จัดโดยกรมการท่องเที่ยวรัฐโอริสสา (Department of Tourism Government of Odisha) และ Federation of Indian Chamber of Commerce and Industry (FICCI) มี Mr.Sachin Jadhav ผู้อำนวยการกรมการท่องเที่ยวรัฐโอริสสา คุณสุธรรม และคุณสมทรง สัจจาภิมุข จาก เอส.เอส.กรุ๊ป และองค์กรต่างๆ ผู้ประกอบการธุรกิจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
...
โอริสสา หรือชื่อใหม่ปัจจุบันว่า โอดิชา (Odisha) เป็นรัฐทางตะวันออกของอินเดียที่จะว่าไปก็อยู่ใกล้กับประเทศไทยมากที่สุด เพราะเพียงข้ามทะเลอันดามันและอ่าวเบงกอลไปก็ถึงแล้ว ถ้าบินตรงจากประเทศไทยใช้เวลาไม่น่าเกิน 3 ชั่วโมงคนไทยจำนวนมากที่เดินทางไปอินเดียในทริป 4 สังเวชนียสถาน อาจไม่รู้ว่าโอริสสา ก็เป็นหนึ่งในดินแดนพุทธภูมิที่มีประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาไม่น้อยทีเดียว
ในอดีตเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน โอริสสาเคยเป็นแคว้น กลิงคะ หรือกลิงคราช ที่รุ่งเรืองมาก หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงทำสงครามใหญ่จนพิชิตแคว้นนี้ลงได้ แต่ก็ทำให้พระองค์ทรงทุกข์โทมนัสมาก เพราะการทำสงครามใหญ่ทำให้มีทหารและประชาชนหลายแสนถูกฆ่าและตกเป็นเชลยศึก ในที่สุดอโศกผู้เป็นมหาราชตัดสินพระทัยวางดาบ และหันมาน้อมรับ “อหิงสธรรม” ใช้ “ธรรมวิชัย” ในการครองแผ่นดินแทนการทำศึกสงคราม และยังหันมาใช้การเผยแผ่ศาสนาพุทธไปทั่วพระราชอาณาเขต รวมถึงเขตแดนที่ยังไม่ตกอยู่ในพระราชอำนาจด้วย จนทำให้ศาสนาพุทธภายใต้ราชูปถัมภ์ของอโศกมหาราชกลายเป็นศาสนาหลัก แผ่ขยายไปทั่วอินเดีย เอเชียกลางและต่อไปยังจีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงดินแดนสู่สุวรรณภูมิ พระสงฆ์ผู้เป็นสมณทูตของอโศกล้วนมาจากแคว้นกลิงคราชแทบทั้งสิ้น
...
การเดินทางสู่โอริสสาไม่ยากอย่างที่คิด ยิ่งรัฐบาลอินเดียมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้แคมเปญ Incredible India ด้วยแล้ว กลิ่นอายของโอริสสาก็ดูจะเย้ายวนใจยิ่ง
สถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาดหากไปเยือนโอริสสาก็คือ อุทัยคีรี รัตนคีรี และลลิตคีรี ซึ่งเป็นกลุ่ม วัดและสำนักศึกษาพุทธ ศาสนาที่เคยยิ่งใหญ่ไม่แพ้ตักศิลา หรือนาลันทาที่มีประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า พระถังซัมจั๋งก็เคยมาศึกษาที่นี่ และพุทธ ศาสนาฝ่ายมหายานที่เผยแผ่ไปยังดินแดนที่ปัจจุบันอยู่ในแถบภาคใต้ของไทย มลายู และ อินโดนีเซีย หลายร้อยปี ก่อนที่เถรวาทจากลังกาจะมาถึงนั้น ก็ล้วนออกมาจากโอริสสา
โดยเฉพาะ ที่ลลิตคีรี มีสถูปซึ่งบรรจุพระเกศาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่ที่ชาวพุทธควรได้ไปกราบไหว้ ในพระสถูปค้นพบผอบบรรจุเส้นพระเกศาพระพุทธเจ้าพร้อมข้อความจารึกว่า ตปุสสะ (Tapusa) และภุลลิกะ (Bhallika) สองพ่อค้าชาวโอริสสา ซึ่งเป็นผู้สร้างสถูปไว้ ตรงกับอังคุตตรนิกายที่กล่าวไว้ว่า ครั้งเมื่อพระพุทธองค์เพิ่งตรัสรู้ได้เพียงสี่อาทิตย์แรก ก็ทรงได้สาวกสองคนแรก คือ ท่านตปุสสะ (Tapusa) และท่านภุลลิกะ (Bhallika) ที่มาเข้าเฝ้าพุทธองค์และปวารณาตนเป็นพุทธสาวก
...
อีกที่หนึ่งคือ เทวสถานโกนารัค สร้างตามความเชื่อและศรัทธาในองค์สุริยเทพ มีวิหารแกะสลักภาพร่ายรำบูชาพระอาทิตย์ เรียกว่านาถมณฑป มีรูปแกะสลักรูปท่าเต้นรำ 158 ท่า รวมทั้งภาพแกะสลักประติมากรรม “กามสูตร” คล้ายที่คชุรโห (Khajuraho) มีมณฑปสร้างอุทิศให้พระนางมายาเทวี ชายาของสุริยเทพ และมีราชรถซึ่งเชื่อว่าองค์สุริยเทพทรงม้าลากราชรถเดินทางสู่สรวงสวรรค์ ส่วนที่โดดเด่นและยังสมบูรณ์ที่สุดคือ วิหารทรงพีระมิด ซึ่งรอบฐานมีกงล้อรถ 12 ล้อ แทน 12 ราศี แต่ละกงล้อสูง 10 ฟุต ที่ฐานกงล้อแกะสลักเป็นรูปช้างรองรับอย่างสวยงาม ส่วนที่เป็นห้องใหญ่ใช้ในการทำพิธียังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
...
นอกจากสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์แล้ว ปัจจุบันโอริสสาถือได้ว่าเป็นดินแดนเนื้อหอมของการค้าการลงทุนจากต่างชาติ ที่รัฐบาลทุ่มเทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจภายในรัฐ มีการปฏิรูปเศรษฐกิจและแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่จัดส่งกระแสไฟฟ้าเป็นรัฐแรกๆ ของอินเดีย ซึ่งที่นี่มีทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะถ่านหิน มากเป็นอันดับ 5 ของทุกรัฐในอินเดีย ยังไม่รวมการส่งเสริมการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเฉพาะใน เมืองภุบเนศวร (Bhubaneshwar) เมืองหลวงของรัฐ ที่กลายเป็นเมืองแห่ง IT ในภูมิภาค และยังมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษมีชื่อเรียกว่า Infovalley และ Infocity ด้วย
ในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ โอริสสามีท่าเรือพาณิชย์ทั้งหมด 3 แห่ง ใน เมืองปาราดีป ธัมรา และโคปาลปุระ มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติทั้งน้ำตก ภูเขา ทะเล เรียกว่ามาที่เดียวเที่ยวได้ทุกโมเมนต์
ใครที่สนใจจะไปเที่ยวอินเดียครั้งต่อไป ลองคลิกหาข้อมูลเมืองโอริสสา หรือโอดิชา ดู รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสอินเดียมุมใหม่ที่ไม่เหมือนใครแน่นอน.