วิกฤติโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัวขนานใหญ่เพื่อรับมือกับความปกติใหม่ ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเองก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังเนื้อหอมสุดๆต้องยกให้ “นักท่องเที่ยวศักยภาพสูง” หลายประเทศวางแผนดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มากขึ้น เพราะมีแนวโน้มใช้จ่ายระหว่างการท่องเที่ยวสูง
ถามว่าทำไม “นักท่องเที่ยวศักยภาพสูง” ถึงเนื้อหอมฉุย เพราะพวกเขามีลักษณะน้อยแต่มาก คือเป็นกลุ่มที่มีจำนวนน้อย แต่มีแนวโน้มใช้จ่ายระหว่างการท่องเที่ยวสูง เลือกซื้อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ แถมยังท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และไม่สร้างผลกระทบทางลบให้กับแหล่งท่องเที่ยว เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวทั่วไปที่มีอัตราการใช้จ่ายต่ำถึงปานกลาง การท่องเที่ยวที่เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพอาจนำมาซึ่งความเสียหาย เพราะต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้นในการให้บริการ ประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจึงหันมาสนใจ “นักท่องเที่ยวศักยภาพสูง” มากขึ้น
...
“นักท่องเที่ยวศักยภาพสูง” แบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ 1) ผู้มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy global citizen) เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มใช้จ่ายสูงต่อทริป พร้อมจ่ายเงินเต็มที่เพื่อซื้อบริการคุณภาพสูงและคุ้มค่า 2) ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ (Wealthy Pensioner) เป็นกลุ่มที่มีรายได้จากบำนาญ ไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่มีภาระ จึงสามารถพักผ่อนในประเทศไทยระยะยาว 3) ผู้ต้องการทำงานจากประเทศไทย (Work-from-Thailand Professional) มีความต้องการย้ายถิ่นฐานมาปักหลักทำงานระยะยาวในไทย และ 4) ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ (High-Skilled Professional) มีความรู้ความสามารถเฉพาะทาง ทำให้มีรายได้สูง และพร้อมใช้จ่ายเต็มที่เพื่อพักผ่อนจากการทำงานหนัก
สิ่งที่นักท่องเที่ยวคุณภาพกลุ่มนี้มองหาเป็นพิเศษก็คือ การบริการส่วนตัวและความหรูหรา เช่น Butler ประจำตัว, คนขับรถส่วนตัว, วิลล่าแบบไพรเวท, เรือยอชต์ส่วนตัว และเครื่องบินส่วนตัว ไม่ต้องการถูกรบกวนจากคนอื่นมากเกินไปพวกเขายังสนใจกิจกรรมแอ็กทีฟและผจญภัย รวมถึงการท่องเที่ยวที่มีธีมเฉพาะ เช่น ทัวร์บรรพบุรุษ, ทัวร์ทำอาหาร, ทัวร์ดนตรี, ทัวร์สวน, ทัวร์ประวัติศาสตร์, ทัวร์เดินป่า, ทัวร์ขี่จักรยาน และทัวร์ศิลปะ มีความคาดหวังต่อประสบการณ์ และกิจกรรมที่ไม่เหมือนใคร จึงมองหาผู้นำเที่ยวที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะมากกว่าไกด์ทั่วไป
นับจากนี้นักท่องเที่ยวศักยภาพสูงจากตลาดจีนและอินเดียจะเป็นโอกาสทองของการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากไทยเป็นจุดหมายยอดนิยม 5 อันดับแรกจากทั้งสองประเทศ โดยจากการสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวกลุ่มไฮเอนด์ของจีนและอินเดียมีอัตราการใช้จ่ายต่อทริปสูงถึง 100,000 บาท มากกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 2-3 เท่าตัว ยังไม่นับรวมตลาดจากทวีปอเมริกา, ยุโรป และตะวันออกกลาง ที่หลงรักประเทศไทย
...
สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยต้องเร่งปรับตัวคือ การพัฒนาบริการเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวศักยภาพสูง ทั้งด้านความหรูหรา, ความสะดวกสบาย, ความปลอดภัย, ความคุ้มค่า และการออกแบบการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังที่สูงขึ้น.