โรงแรมอวานี พลัส หลวงพระบาง โรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ใหม่ของอวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ทส์ เป็นโรงแรมบูติกที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง งามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกร่วมสมัยในแบบของฝรั่งเศสกลมกลืนไปกับย่านประวัติศาสตร์โดยรอบของเมืองที่ชวนในรำลึกถึงเรื่องราวต่างๆในยุคอดีต ส่งเทียบเชิญให้ไปเยือนหลวงพระบางเมื่อกลางเดือนก่อน จะปฏิเสธก็กระไรอยู่ เพราะมนต์เสน่ห์ของเมืองมรดกโลกแห่งนี้ ยังอยู่ในความทรงจำทั้งๆที่เพิ่งไปมาไม่นาน
นอกเหนือจากความเป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำ 2 สายและ 2 สี คือแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน แถมด้วยภูเขาเขียวชอุ่มชุ่มเย็นปกคลุมอยู่โดยรอบแล้ว หลวงพระบางยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีแห่งความสุข
ใครที่เคยไปเที่ยวหลวงพระบางคงรู้ดีว่า เมืองนี้เป็นวิถีเนิบช้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดิน หรือไม่ก็ขี่จักรยาน เที่ยวในเมือง ที่มีไฮไลต์สำคัญๆอยู่ไม่กี่แห่ง
ทริปนี้ อวานี พลัส ตั้งใจให้พวกเราได้สัมผัสกับพระอาทิตย์ตกกลางลำน้ำโขง นอกเหนือไปจากการเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้รู้จักแล้ว
...
หลังเที่ยวไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์หลวงพระบาง ผ่านสถานที่สำคัญ 2 แห่งของเมือง คือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง ซึ่งอดีตเคยเป็นพระราชวังเก่าของเจ้าศรีสว่างวงศ์ กษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง และ หอพระบาง สถานที่ประดิษฐานพระมิ่งบ้านขวัญเมือง หลวงพระบางมานานกว่า 600 ปี
และ วัดเชียงทอง วัดคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง และชื่อวัดยังเป็นชื่อเมืองเก่าของที่นี่ โบสถ์ หรือสิม ของวัดเชียงทองไม่ได้ใหญ่โตโอ่โถงนัก แต่มียอดหรือที่คนลาวเรียกว่า ช่อฟ้า อยู่ด้านบนของหลังคาสิม สังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีอยู่ 17 ช่อ แสดงให้รู้ว่าเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้าง นอกจากโรงราชรถที่ประดิษฐานพระโกศซึ่งใช้เป็นที่แห่พระศพของเจ้าอนุวงศ์กษัตริย์องค์สุดท้ายแล้ว ที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระม่าน พระที่เข้าชมยากที่สุดในโลกองค์หนึ่ง
ต้องบอกว่า ทริปนี้...พวกเราโชคดีที่ได้สักการะ พระม่าน ซึ่งน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า พม่า เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 700 กว่าปีก่อน พม่าได้สร้างองค์พระจากทองคำเนื้อนพเก้าประดับด้วยอัญมณีนพเก้าน้ำดีที่สุดทั้ง 9 สี หลังสร้างเสร็จจึงอาราธนาขึ้นแพล่องแม่น้ำโขงเพื่อนำกลับพม่า แต่พอมาถึงบริเวณเมืองหลวงพระบาง องค์พระได้หยุดและหมุนวนน้ำ จะทำอย่างไรก็ไม่สามารถดึงแพไปต่อได้ จึงได้ทำการสักการะแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากองค์พระมิกลับสู่หงสาวดี ก็ขอให้ท่านเลือกวัดที่จะอยู่เองเถิด”
เจ้าอาวาสทุกวัดได้มาอัญเชิญท่านขึ้นจากแม่น้ำโขงแต่ก็ไม่มีวัดไหนสามารถยกขึ้นมาได้ มีเพียงเจ้าอาวาสวัดเชียงทองได้ตั้งจิตอธิษฐาน และสามารถอุ้มองค์พระขึ้นจากน้ำได้ราวปาฏิหาริย์ จึงได้อัญเชิญเข้าวัดและทำการสมโภชอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่อัญเชิญพระม่านขึ้นมานั้นฝนได้ตกลงมาอย่างไม่มีท่าว่าจะหยุด จึงเป็นที่เคารพสักการะของชาวลาวว่า พระม่านคือผู้ประทานความชุ่มเย็นเป็นสุขให้แก่ชาวเมือง ทุกๆปีจะมีการอัญเชิญพระม่าน ลงมาให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำ เพียงวันเดียวเท่านั้น คือวันที่ 22 เมษายน...ของทุกปี
และไม่ควรพลาดการถ่ายรูปที่มุมช่องหน้าต่างของ หอพระไสยาสน์ หรือ วิหารแดง ที่สามารถยื่นหน้าออกมาเก็บภาพความงดงามร่วมกับผนังลวดลายสีสันสดใส เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินยอดฮิตของหลวงพระบาง
...
หลังอิ่มอร่อยกับ ส้มตำเจ๊ติ๋ม ร้านส้มตำเลื่องชื่อของหลวงพระบาง ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่คนไทยก็คนลาวแล้ว ก็ได้เวลาล่องเรือเพื่อชมความงามของพระอาทิตย์ตกกลางแม่น้ำโขง
เหตุที่ต้องชมพระอาทิตย์ตกที่แม่น้ำโขง คงเป็นเพราะที่นี่...พระอาทิตย์จะขึ้นทางฝั่งแม่น้ำคาน และตกทางฝั่งแม่น้ำโขง กิจกรรมล่องเรือนี้ อวานี พลัส ได้จัดเรือ แม่โขง คิงดอมส์ นำชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยปกติใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง คิดค่าเรือบวกอาหารว่างแบบคานาเป้ เครื่องดื่มซอฟต์ดริงก์ น้ำผลไม้ ชา กาแฟ และรถรับ-ส่งจากโรงแรมที่พักมายังท่าเรือ คนละ 1,250 บาท
อรุณสวัสดิ์หลวงพระบาง ด้วยมื้อเช้าสุดยอดซิกเนเจอร์ของโรงแรมอวานี พลัส นั่นก็คือ เฝอ ควาย ที่บอกเลยว่าครั้งหนึ่งในชีวิตควรได้ลิ้มลองรสชาติ กินเฝอ ควาย เสร็จ ก็ไปดูฟาร์มควายต่อ ชื่อว่า ลาว บัฟฟาโล เดรี่ ฟาร์มนมควายแห่งเดียวของลาว ที่มีผลิตภัณฑ์จากน้ำนมควาย อาทิ ชีส โยเกิร์ต ไอศกรีมรสชาติต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมในฟาร์มให้นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็น การอาบน้ำควาย หรือให้นมน้องๆลูกควาย
...
ปิดทริปกันที่ร้าน Ock Pop Tok อ่านว่า ออก พบ ตก หรือ East Meets West ริมแม่น้ำโขง ร้านผ้าทอมือที่มีดีไซน์ร่วมสมัย ผลิตสินค้าจากผ้าทอมือ ในร้านมีทั้งแกลเลอรี โรงทอผ้า ที่พัก ร้านอาหาร และโรงเรียนสอนทอผ้า
การท่องเที่ยวในหลวงพระบางเป็นช่วงเวลาของความสุข เข็มนาฬิกาหยุดนิ่ง ทิ้งชีวิตอยู่กับความ ง่าย และ งาม ของผู้คนในเมืองเล็กๆ
ซำ–บาย–ดี หลวงพระบาง...เบิ่งทุกวันบ่มีเสื่อมคลาย....!!!!