กูเกิลทยอยปล่อยฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชัน AI อย่าง Gemini ให้กับผู้ใช้งานทั่วไป พร้อมกันนี้ยังได้ปรับปรุงการทำงานของ 2.0 Flash Thinking Experimental

เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา กูเกิลเปิดตัว Deep Research ให้กับผู้ใช้ Gemini ฟรี หลังจากที่เคยเปิดให้เฉพาะผู้ใช้งานในกลุ่ม Advanced เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยรองรับกว่า 45 ภาษา และขับเคลื่อนโดย Gemini 2.0 Flash Thinking Experimental เวอร์ชันใหม่ ซึ่งได้รับการอัปเกรดจาก 1.5 Pro ส่งผลให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในด้านการวางแผน, ค้นหา, วิเคราะห์ และรายงานผล

ฟีเจอร์ใหม่นี้ช่วยให้ Gemini แสดงกระบวนการคิด ในระหว่างการค้นหาข้อมูลบนเว็บ ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Deep Research ผ่าน ตัวเลือกโมเดล หรือปุ่มที่อยู่ใต้ช่องพิมพ์คำสั่ง Prompt

เรียกใช้คำสั่ง Deep Research ได้ที่ปุ่มนี้
เรียกใช้คำสั่ง Deep Research ได้ที่ปุ่มนี้

...

พร้อมกันนี้ กูเกิลได้เปิดตัวโหมด Personalization ที่ช่วยให้ Gemini เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้และตอบสนองได้เฉพาะตัวมากขึ้น โดยเริ่มต้นจากการใช้งานร่วมกับ Google Search โดยที่ระบบยังอยู่ในขั้นตอนของการทดลอง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณขอคำแนะนำร้านอาหาร Gemini จะอ้างอิงจากการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับอาหารของคุณก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทาง Gemini จะพิจารณาสถานที่ที่คุณเคยค้นหา

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคลนี้จะขยายไปยัง Google Photos, YouTube และแอปอื่นๆ เพื่อให้สามารถสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานมากขึ้น

เลือกโมเดลการใช้งานได้ตามที่ต้องการ รวมถึง Personalization
เลือกโมเดลการใช้งานได้ตามที่ต้องการ รวมถึง Personalization

เมื่อเลือกใช้โหมดนี้ Gemini จะวิเคราะห์คำสั่งของผู้ใช้งาน และพิจารณาว่าข้อมูลจากประวัติการค้นหาสามารถช่วยปรับปรุงคำตอบได้หรือไม่ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการระดมความคิดและคำแนะนำเฉพาะตัว เช่น ฉันอยากเริ่มช่อง YouTube แต่ยังไม่มีไอเดีย ทำอย่างไรดี? หรือมีงานอดิเรกหรืออาชีพใหม่ๆ ที่ฉันควรลองศึกษาไหม? เป็นต้น

โหมด Personalization จะทยอยเปิดให้ใช้งานบนเว็บก่อน จากนั้นจะขยายไปยังอุปกรณ์มือถือในอนาคต