เอกสารภายในบริษัทเมตาเผยว่าผู้บริหารของเมตาบอกว่าในปี 2025 เป็นปีที่ตัดสินความสำเร็จหรือความล้มเหลวของโลกเมตาเวิร์ส ย้ำเมตาต้องเพิ่มยอดขาย, การรักษากลุ่มผู้ใช้งาน และการมีส่วนร่วมในเทคโนโลยีความจริงผสม พร้อมส่งผลิตภัณฑ์สวมใส่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI กว่าครึ่งโหลเข้าสู่ตลาด
สำนักข่าวบิสซิเนส อินไซเดอร์ เปิดเผยเอกสารภายในของบริษัทเมตาซึ่งส่วนสำคัญของเอกสารที่ว่านี้ก็คือ โครงการเมตาเวิร์สอันเป็นแนวทางสุดทะเยอทะยานของบริษัทจะถูกจดจำในฐานะโครงการที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวครั้งใหญ่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสำเร็จของปีนี้
ภายในเอกสารดังกล่าวได้ระบุชื่อของแอนดรูว์ บอสเวิร์ธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของเมตาได้กล่าวในบันทึกภายในว่า หน่วยงาน Reality Labs ของเมตากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ
นับตั้งแต่การรีแบรนด์จากเฟซบุ๊กมาเป็นเมตา บริษัทก็มีเป้าหมายไปที่การพัฒนาความจริงเสมือน หรือ Virtual Reality (VR) และความจริงผสม หรือ Mixed Reality โดยได้รับการผลักดันและสนับสนุนจากมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งอยู่ภายใต้การทำงานของหน่วยงานที่มีชื่อว่า Reality Labs
ในช่วงที่ผ่านมา Reality Labs มีการลงทุนไปแล้วมากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา แต่ถึงกระนั้น Reality Labs ก็ยังไม่สามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อวงกว้างและโลกเทคโนโลยีมากนัก
แม้ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 ที่ผ่านมา Reality Labs มีรายได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยตัวเลข 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยอดการขาดทุนสะสมก็มากถึง 4.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในบันทึกจากเอกสารภายใน บอสเวิร์ธมีชื่อว่า 2025: The Year of Greatness ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการดำเนินการ โดยเฉพาะการเร่งออกผลิตภัณฑ์สวมใส่ หรือ Wearable Devices ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ แม้จะไม่มีการระบุเวลาเปิดตัวที่แน่ชัด แต่เป้าหมายของเมตาอยู่ที่การเพิ่มยอดขาย การรักษากลุ่มผู้ใช้งานเอาไว้กับตัว และการมีส่วนร่วมภายในโลกเมตาเวิร์ส รวมถึงการสร้างความสำเร็จผ่าน Horizon Worlds บนมือถือ
...
นอกเหนือจากแนวทางการพัฒนาโลกเมตาเวิร์ส เมตายังมีแผนงานสำคัญตรงที่การนำเสนอแนวทางคืนชีพเฟซบุ๊กแบบดั้งเดิม หรือ OG Facebook
บันทึกฉบับนี้ของเมตายังสะท้อนถึงแนวทางใหม่ๆ ของบริษัทที่ใช้รับมือกับความท้าทาย ซึ่งบอสเวิร์ธได้อ้างอิงถึงหนังสือที่มีชื่อว่า Insanely Great ของสตีเวน เลวี ซึ่งเล่าถึงการพัฒนาคอมพิวเตอร์ Macintosh โดยทีมขนาดเล็กและมีความคล่องตัวสูง โดยเขาเสนอว่า Reality Labs มีขนาดใหญ่และซับซ้อนเกินไป จนนำมาสู่การลดขนาดให้เล็กลง เพื่อให้เกิดการสร้างผลงานที่ดีกว่ามากกว่าทีมขนาดใหญ่ที่ได้รับงบประมาณสูงๆ
ทั้งหมดนี้เป็นที่ชัดเจนว่า เมตากำลังเดิมพันอนาคตของบริษัทบนฐานคิดที่ว่าเมตาเวิร์สคือแพลตฟอร์มของโลกคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ แต่ถ้าหากเมตาเวิร์สของเมตาไม่สามารถแรงกระเพื่อมให้กับผู้คนทั้งโลกได้ เมตาอาจต้องทบทวนกลยุทธ์ทั้งหมดใหม่อีกครั้งหนึ่ง และกรณีของเมตาเวิร์สอาจเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาของความล้มเหลวครั้งหนึ่งของโลกเทคโนโลยี
ที่มา: Business Insider