ในที่สุด แอปเปิล ได้จัดเต็มสำหรับแฟนๆ iPad ให้สมการรอคอยกับกิจกรรมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะตัวรุ่น Pro ที่ถูกยกให้เป็นสุดยอดของแท็บเล็ตล้ำยุคที่สุดในปัจจุบัน

ทีมงานได้เป็นส่วนหนึ่งของสื่อตัวแทนของหนึ่งใน 30 ประเทศ ที่ถูกเชิญไปเปิดตัวแบบเอกซ์คลูซีฟที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ขอสรุป iPad Pro M4 และ iPad Air M2 ซึ่งเป็นครั้งแรกของแอปเปิลที่จัดอีเวนต์ใหญ่นอกประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ย่อมเป็นอะไรที่มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่แอปเปิลได้เผยออกมาได้พิสูจน์แล้วก็คือการเปิดตัวสุดยอดแท็บเล็ตแห่งยุคในปัจจุบันและแผนการตลาดที่ล้ำลึกเพื่อกระตุ้นยอดขายให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPad ที่นำความสุดล้ำทั้งแง่ชิปใหม่ล่าสุดตัวแรก การอัปเกรดจอใหม่ การออกแบบให้เบาและบางลง แต่ยังคงมีความแข็งแกร่งเหมือนเดิม หากใช้งานแบบปกติทั่วไปไม่ต้องห่วงว่าจะบิดโค้งหรืองอ

แต่การออกแบบเน้นจอให้บางลงก็แลกมาด้วยการตัดคุณสมบัติบางอย่างที่ปกติมักไม่ค่อยได้ใช้งานออกไป จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน เช่น การเลิกใช้กล้องอัลตราไวด์เหลือเพียงแค่กล้องไวด์ ซึ่งอาจเห็นว่าผู้ใช้น้อย และส่วนใหญ่จะใช้การประชุมและเฟซไทม์มากกว่า

สำหรับรุ่นเซลลูลาร์ไม่มีช่องถาดใส่ซิม รองรับเฉพาะ esim และรองรับการเชื่อมต่อ 5G บนความถี่ sub-6 GHz ไม่รองรับ 5G mmWave

ชิป M4 เร็ว แรงสุด กินพลังงานต่ำ

เป็นสุดยอดชิปในปัจจุบันที่ iPad Pro ใหม่เป็นอุปกรณ์แรกถูกนำมาใช้ ซึ่งจริงๆแล้วแค่ชิป M3 นับว่าทรงพลังที่สุดในปัจจุบัน อยู่แล้ว แต่การกระโดดข้ามจากชิป M2 ขึ้นมา

M4 เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของ iPad Pro รุ่นใหม่ มี CPU ใหม่ มีคอร์ด้านประสิทธิภาพสูงสุด 4 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 6 คอร์ เร็วกว่าชิป M2 เดิมสูงสุด 1.5 เท่า GPU 10 คอร์ เร็วขึ้นกว่าเดิม 4 เท่า ที่มี Dynamic Caching และเรย์เทรซซิ่ง และการให้แสงเงาแบบเมชที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์มาอยู่บน iPad Pro เป็นครั้งแรก ตอบสนองการเล่นสุดยอดเกมให้คอเกมได้เต็มอรรถรส

...

เมื่อผนวกกับการเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำจาก 100GB/s เป็น 120GB/s จะช่วยให้ GPU เร็วเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า พร้อมประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มสูง ใช้พลังงานเพียงครึ่งเดียว ความแรงของ M4 ที่มี Neural Engine ประมวลผลได้ถึง 38 ล้านล้านรายการต่อวินาที ยิ่งไปกว่านั้นยังขับเคลื่อนการใช้งานด้าน AI ที่สมบูรณ์แบบ

พร้อมมีเดียเอนจิ้นใหม่สุดล้ำที่รองรับการถอดรหัส AV1 รองรับ 8K พร้อมมีเดียเอนจิ้นใหม่สุดล้ำที่รองรับการถอดรหัส AV1 ที่เร่งด้วยฮาร์ดแวร์ และวิดีโอความละเอียดสูงจากผู้ให้บริการสตรีมมิงแต่ประหยัดพลังงานมากขึ้น iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi ไปจนถึงสูงสุด 2TB ที่ราคา 91,900 บาท ในรุ่นเซลลูลาร์ ส่วนรุ่น 13 นิ้ว เริ่มต้นที่ 52,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi ไปจนถึงสูงสุด 2TB เริ่มต้น 104,900 บาท ในรุ่นเซลลูลาร์

จอ Ultra Retina XDR แบบ OLED สองชั้นบางเฉียบ

ในที่สุดจอภาพอัปเกรดจาก mini-LEd มาเป็นเทคโนโลยี OLED ถึงสองชั้น แอปเปิลเรียกว่าจอภาพ Ultra Retina XDR เป็นจอภาพล้ำหน้าที่สุดในโลก รองรับความสว่างเต็มหน้าจอสูงถึง 1,000 นิต สำหรับคอนเทนต์ SDR และ HDR และมีความสว่างเฉพาะจุดสูงสุด 1,600 นิต ความสว่างขั้นสุด, คอนทราสต์ที่แม่นยำ, สีสันที่สดใสชัดเจน

M4 ยังมาพร้อมเอนจิ้นจอภาพแบบใหม่หมดที่ทำให้จอภาพ Ultra Retina XDR โดดเด่นทั้งในด้านความแม่นยำ สีสัน และความสว่าง ลองเปรียบเทียบกับจอ MacBook ที่ดีที่สุดให้ความสว่างสำหรับคอนเทนต์ SDR สูงสุดเพียงแค่ 600 นิตเท่านั้น จัดเต็มมากสำหรับความบันเทิงบนหน้าจอและคอเกมฮาร์ดคอร์

เท่านั้นยังไม่พอยังมีกระจกผิวนาโนเป็นทางเลือก สำหรับรุ่นหน่วยความจำขนาด 1TB และ 2TB ซึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 4,000 บาท เหมาะกับเวิร์กโฟลว์ขั้นสูงที่ต้องมีการจัดการด้านสี รักษาคุณภาพของภาพและคอนทราสต์พร้อมๆ กับทำให้เกิดการกระเจิงของแสงเพื่อลดแสงสะท้อนให้น้อยลง ให้สมกับการเป็นจอภาพที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก

...

ดีไซน์ใหม่สวยงาม เบาและบางลงจนเห็นได้ชัด

iPad Pro ใหม่ 2 รุ่น คือ 11 นิ้ว บางเพียง 5.3 มม. หนักไม่ถึง 500 กรัม รุ่น 13 นิ้ว บางยิ่งกว่าคือ 5.1 นิ้ว เบาก่อนรุ่นก่อนหน้าราว 100 กรัม แต่มีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า มีสีเงินและสีดำสเปซแบล็ก สวยงามให้เลือก ส่วนระบบกล้อง TrueDepth ด้านหน้าย้ายไปอยู่ในตำแหน่งแนวนอนบน iPad Pro ใหม่

...

Apple Pencil Pro และ Magic Keyboard ใหม่

ความสามารถใหม่ๆของ Apple Pencil Pro เพียงแค่บีบด้ามดินสอช่วงครึ่งล่าง เซ็นเซอร์จะทำงาน แสดงชุดเครื่องมือให้ผู้ใช้เลือกใช้เครื่องมือต่างๆได้ตามต้องการทันที รวมถึงแค่หมุนด้ามเปลี่ยนแนวของเครื่องมือ ประเภทปากกาและแปรงรูปทรงต่างๆ เช่นเดียวกับการใช้ปากกาและกระดาษจริงๆ และยังสามารถใช้การยกปลาย Apple Pencil เพื่อดูแนวการหมุนของเครื่องมือก่อนขีดๆเขียนๆได้ นอกจากนี้ยังรองรับแอป Find My เพื่อค้นหาเวลาลืมหรือทำดินสอหายได้ ราคา 4,990 บาท

Magic Keyboard รุ่นใหม่ ออกแบบทั้งเบาและบางลง แบบยกลอย มาพร้อมปุ่มฟังก์ชันคล้ายกับคีย์บอร์ด MacBook สำหรับควบคุมหน้าจอ ปรับความสว่าง ปรับเสียง รวมถึงที่พักมือและอะลูมิเนียม มีสีดำพร้อมที่พักมืออะลูมิเนียมสีดำสเปซแบล็ก และสีขาวพร้อมที่พักมืออะลูมิเนียมสีเงิน ในรุ่น 11 นิ้ว ใหม่ราคา 11,990 บาท รุ่น 13 นิ้ว ราคา 13,990 บาท

...

iPad Air M2 ทรงพลัง คุ้มค่า คุ้มราคา

iPad Air M2 มาพร้อมกับคุณสมบัติที่น่าสนใจ ออกแบบใหม่หมด กับ 2 ขนาดจอ 11 นิ้วและเพิ่มจอ 13 นิ้ว ขนาดใหญ่ขึ้น มีพื้นที่หน้าจอใหญ่ขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับรุ่น 11 นิ้ว มาพร้อมกับสีใหม่ ที่น่าสนใจคือสีม่วงและสีฟ้าให้เลือกเพิ่มเติมจากสีสตาร์ไลต์และสีเทาสเปซเกรย์

การอัปเกรดเป็นชิป M2 จากชิป M1 ซึ่งเป็นชิประดับเดียวกับ iPad Pro M2 รุ่นก่อนหน้า CPU แบบ 8-core และ GPU แบบ 10-core เร็วกว่าชิป M1 เกือบ 50% เหมาะสำหรับงานทั้งในด้านการทำงานและการเล่นเกม ความเร็วของ Wi-Fi 6E ยังเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ เท่ากับยกระดับประสิทธิภาพขึ้นไปเทียบเท่ากับรุ่น Pro ชิป M2 นั้นมาพร้อม CPU, GPU และ Neural Engine ที่เร็วยิ่งขึ้น Neural Engine แบบ 16-core ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเร็วกว่าชิป M1 ถึง 40% ให้ความสามารถด้าน AI ที่ยอดเยี่ยม

ในแอป Photomator มาพร้อมคุณสมบัติ AI สุดล้ำ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ เช่น ใช้เครื่องมือการปรับอัตโนมัติในแอป เพื่อปรับแต่งภาพถ่ายด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวโดยใช้โมเดล AI หรือวิเคราะห์ประสิทธิภาพการกีฬาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น วิเคราะห์วงสวิงกอล์ฟ ด้วย Onform และความสามารถในการติดตามการเคลื่อนไหว

iPad Air M2 รองรับ Magic Keyboard และ Apple Pencil: iPad Air 2024 รองรับ Magic Keyboard รุ่นใหม่ และ Apple Pencil รุ่นใหม่ Pro ซึ่งช่วยให้คุณใช้งานได้สะดวกและมีความสะดวกสบาย

แอปเปิล มองว่า iPad Air M2 เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงบรรดาคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ คนทำงาน เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ที่ตอบโจทย์การใช้งานกับประสิทธิภาพสูงพกพา สะดวก และราคาเอื้อมถึง เริ่มต้นที่ 27,900 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว ซึ่งเป็นราคาเดียวกับรุ่นชิป M1 ก่อนหน้า และยังได้หน่วยความจำเพิ่มจาก 64GB เป็น 128 GB

การที่แอปเปิลอัปเกรด iPad ครั้งใหญ่ทั้งสองรุ่น โดย iPad Pro M4 เมื่อเทียบกับ iPad Pro M2 ราคาขึ้นมา 7,000 บาท และราคาตัวท็อปแพงสุด รุ่น 13 นิ้ว เซลลูลาร์ เพิ่มทางเลือกกระจกผิวนาโนจะมีราคาสูงถึง 104,900 บาท ไม่รวมอุปกรณ์เสริมอีกทั้ง Magic Keyboard และ Apple Pencil Pro เหมาะสำหรับการใช้งานสำหรับมือโปรอย่างแท้จริง ที่จะใช้ประโยชน์จากชิป M4 ได้อย่างเต็มที่

สำหรับผู้ใช้ทั่วไป iPad Air M2 น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี แอปเปิลเปลี่ยนชิปใหม่ เพิ่มหน่วยความจำให้หนึ่งเท่า และยังมีจอใหญ่ 13 นิ้วให้เลือกทรงพลังเท่ากับ iPad Pro M2

เป็นการวางกลยุทธ์ทางการตลาดอันชาญฉลาด ที่แบ่งแยกชัดเจนกับแท็บเล็ตที่ตอบโจทย์ได้ดี ราคาเข้าถึงได้หรืออยากจะได้เทคโนโลยีใหม่ๆ สุดล้ำกว่าใครๆ แล้วแต่ความชอบ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม