ในโลกปัจจุบันที่เทคโนโลยีต่างๆ เริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับการใช้ชีวิตมากขึ้น และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วยสร้างความสะดวกสบายให้กับเราอย่างมาก และเทคโนโลยี Face Recognition ก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ แต่บางคนอาจไม่รู้จักว่าสิ่งนี้คืออะไร แล้วอยู่เบื้องของความสะดวกสบายอย่างไร วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Face Recognition ที่นอกจากจะเข้ามามีอิทธิพลต่อคนในสังคมแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มมาตรฐานและประสิทธิภาพการทำงานในระดับองค์กรได้อีกด้วย

Face Recognition คืออะไร

Face Recognition คือเทคโนโลยีในการจดจำใบหน้า โดยการใช้ AI (Artificial Intelligence) ในการแยกแยะลักษณะต่างๆ บนใบหน้า เช่น ระยะห่างระหว่างดวงตา ปาก คิ้ว จมูก และโครงหน้า เป็นต้น ด้วยการใช้อัลกอริทึมขั้นสูง แล้วนำมาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างแม่นยำ หรือตรวจจับและจำแนกใบหน้าแบบเรียลไทม์เพื่อตรวจสอบและระบุตัวตน ซึ่งเทคโนโลยีนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากและหลายคนก็คุ้นชินกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนหน้า ในการทำธุรกรรมออนไลน์ของธนาคารต่างๆ การปลดล็อกสมาร์ทโฟน หรือการตรวจสแกนใบหน้าก่อนเข้าห้างสรรพสินค้า และด้วยความที่ Face Recognition นั้นเป็นเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำสูง จึงนิยมนำมาใช้ในด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์เก็บข้อมูลในปัจจุบันนั่นเอง

Face Recognition มีการทำงานอย่างไร

โดยทั่วไปแล้ว ระบบ Face Recognition ของแต่ละที่จะมีวิธีการทำงานแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมที่ผู้พัฒนาใช้ ซึ่งการทำงานของ Face Recognition จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนพื้นฐาน ได้แก่

1. การตรวจจับใบหน้า (Detection)

สำหรับขั้นตอนแรก Face Recognition AI เป็นกระบวนการค้นหาใบหน้าบนรูปถ่ายหรือวิดีโอต่างๆ จากกล้อง ซึ่งเป็นเพียงการค้นหาและตรวจสอบใบหน้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นการระบุตัวตนว่าบุคคลนั้นเป็นใคร หากคุณเคยเดินผ่านทางเข้า-ออกห้างสรรพสินค้า แล้วมีกล้องตั้งอยู่บริเวณหน้าทางเข้า ในกล้องมีภาพคนเดินผ่านเข้า-ออกแบบเรียลไทม์ และมีการใช้โหมด Auto-focus ที่มีกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ จับที่ใบหน้า นั่นคือระบบของ Face Recognition นั่นเอง

2. การวิเคราะห์ หรือสิ่งบ่งชี้ (Analysis หรือ Attribution)

ขั้นตอนนี้ เป็นขั้นตอนที่ AI จะทำการร่างใบหน้า หรือสร้าง Faceprint เพื่อทำโมเดลใบหน้าอ้างอิงในการตรวจสอบตัวตน โดยปกติแล้วจะทำโดยการวัดระยะห่างระหว่างดวงตา ระยะห่างระหว่างจมูกจนถึงปาก และรูปร่างของคาง เป็นต้น จากนั้น AI จะเปลี่ยนข้อมูลให้กลายเป็นตัวเลขหรือจุดโฟกัสต่างๆ ซึ่งเป็นรูปแบบของเทคโนโลยีตัวเดียวกับการสร้างฟิลเตอร์ในแอปพลิเคชันนั่นเอง

3. การจำแนกใบหน้า (Recognition)

ขั้นตอนสุดท้าย เป็นขั้นตอนที่จำแนกบุคคลและระบุยืนยันตัวตนของคนๆ นั้น โดยจะนำข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนก่อนหน้า ไปเปรียบเทียบกับลักษณะจำเพาะในฐานข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ เพื่อตรวจสอบว่าตรงกับบุคคลดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนนี้จะถูกนำมาใช้ในขั้นตอนการยืนยันตัวตน เช่น การยืนยันตัวตนผ่านสมาร์ทโฟน หรือ Face ID การยืนยันตัวในการทำธุรกรรมของธนาคาร เป็นต้น

Face Recognition มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

  • จดจำใบหน้าและระบุตัวตนแบบอัตโนมัติ

เพราะการทำงานของระบบ Face Recognition คือการจดจำใบหน้าที่มีความแม่นยำสูง ดังนั้นองค์กรหลายแห่งจึงนำระบบนี้เข้ามา เพื่อใช้ประโยชน์ในแง่การยืนยันตัวตนพนักงาน เช่น การบันทึกระยะเวลาเข้า-ออกงาน ซึ่งตอบโจทย์ทั้งด้านความสะดวกสบาย ประหยัดเวลาในการต่อแถวสแกนนิ้วหรือสแกนบัตรเข้า-ออก และยังสามารถยืนยันอัตลักษณ์ตัวตนของผู้ใช้งานในการเข้า-ออก พื้นที่สำนักงานโซนต่างๆ ได้อีกด้วย

  • ยกระดับความปลอดภัย

เนื่องจากข้อมูลใบหน้าเป็นข้อมูลลักษณะเฉพาะบุคคลที่ไม่ต้องใส่รหัสผ่าน ไม่สามารถแฮกหรือขโมยได้ ทำให้องค์กรหรือธุรกิจที่นำระบบ Face Recognition มาใช้สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่ถูกโจรกรรมข้อมูลอย่างแน่นอน อีกทั้งเทคโนโลยีของ Face Recognition ยังทำให้การติดตามข้อมูลและผู้บุกรุกเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น รวมถึงในกรณีที่มีบุคคลหรือผู้ต้องสงสัยที่เคยมีประวัติทางอาชญากรรมเข้ามาในพื้นที่ ยังสามารถตรวจจับอัตลักษณ์ของบุคคลเหล่านั้นได้อัตโนมัติ ทำการแจ้งเตือนพร้อมกับส่งประวัติไปยังฝ่ายบุคคลและพนักงานได้ทันที และหากพูดถึงในระดับประเทศ Face Recognition ก็ยังสามารถนำมาใช้ในการตรวจหาและระบุตัวตนของผู้ก่อการร้ายได้เช่นกัน

  • การประมวลผลที่รวดเร็ว

อย่างที่เคยพูดไปแล้วว่าการยืนยันตัวตนด้วย Face Recognition ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ทำให้ลดระยะเวลาในการทำธุรกรรมต่างๆ และขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างมาก เช่น การกรอกข้อมูล การสแกนเข้า-ออก ของพนักงาน การเข้ารหัสผ่าน รวมไปถึงลดข้อผิดที่อาจเกิดขึ้น และยังสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และประมวลผล เพื่อจัดเก็บในฐานข้อมูลและนำกลับมาเป็นข้อมูลอ้างอิงได้ในอนาคต

เห็นแล้วใช่ไหมว่าเทคโนโลยี Face Recognition นั้นเริ่มเข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตในประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจที่เริ่มปรับตัวและนำเทคโนโลยีประเภทนี้เข้ามาใช้ในองค์กร จึงนับว่ามองการณ์ไกล พร้อมปรับตัวเข้าสู่การเป็น Smart Office ซึ่งยิ่งนำมาใช้เร็วเท่าไรก็เท่ากับว่าองค์กรจะได้รับประโยชน์เร็วขึ้นเท่านั้น ส่วนใครที่กำลังสนใจหรือมองหา AI Solution ที่จะมาช่วยตอบโจทย์การเป็น Smart Office อยู่ล่ะก็ ที่ dIA Dynamic Intelligence Asia เราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI Solution ที่มีเทคโนโลยี AI มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AI Computer Vision, Video Content Analytics และ RPA (Robot Process Automation) ที่จะเข้ามาช่วยให้ออฟฟิศธรรมดาๆ กลายเป็น Smart Office อย่างเต็มรูปแบบ