แอมิตี (Amity) สตาร์ตอัพไทยที่เติบโตในระดับนานาชาติ ประกาศตั้งบริษัทย่อย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้ AI และเทคโนโลยี GPT ที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อเดินหน้าสู่การกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปีหน้า
นายกรวัฒน์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ก่อตั้ง Amity กล่าวว่า Amity ในฐานะผู้ให้บริการ Software-as-a-Service (SaaS) ได้แยกตั้งบริษัทย่อยขึ้นมาเพื่อเน้นทำตลาดในประเทศไทยเป็นการเฉพาะ ภายใต้แบรนด์ใหม่ “แอมิตี โซลูชันส์ (Amity Solutions)” โดยหวังนำเข้าเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกหรือ initial public offering (IPO) ภายในปี 2567
ก่อตั้งขึ้นในราวปี 2555 Amity เริ่มต้นจากบริการแอปพลิเคชันแชตภายในองค์กร (Corporate Chat App) ขณะนั้นใช้ชื่อว่าเอโค่ (Eko) เติบโตสู่การเป็นผู้ให้บริการโซเชียลคลาวด์ในนาม Amity Social Cloud (ASC) ปัจจุบันมีลูกค้ากระจายอยู่ทั่วโลกทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย
สำหรับบริษัทย่อยที่แตกออกมานั้น ธุรกิจหลัก (core businesses) จะประกอบไปด้วย Eko ซึ่งเครื่องมือสื่อสารและเน้นการมีส่วนร่วม (engagement) ภายในองค์กร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของ Amity ไปจนถึงผลิตภัณฑ์แชตบอตที่เรียกว่า แอมิตีบอตส์ (Amity Bots) นอกจากนั้น ธุรกิจ Amity Solutions ยังจะรวมถึงแหล่งรายได้อื่นๆในไทย เช่น ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็น API ซึ่งโดยรวมมีผู้ใช้งานมากกว่า 20 ล้านคนต่อเดือน
...
นอกจากนั้นยังจะขยายบริการสู่โซลูชันและผลิตภัณฑ์ AI ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี GPT (Generative Pre-training Transformer) ของ Amity ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด มีเป้าหมายที่จะนำโซลูชัน AI ที่ขับเคลื่อนด้วย GPT รวมเข้า (integrate) กับผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่มีอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯไปพัฒนาต่อยอด เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน AI ที่ขับเคลื่อนด้วย GPT ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“เรามีเป้าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยี AI ที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง GPT ผ่านการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO ในปี 2567 ขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินว่าจะกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ใด โดยเป้าหมายระยะยาวคือการเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ SaaS ที่เสนอขายหุ้น IPO รายแรกของภูมิภาค”
ส่วนธุรกิจ Amity Social Cloud (ASC) ซึ่งให้บริการลูกค้าทั่วโลกในขณะนี้ มีเป้าหมายที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก (NASDAQ) สหรัฐอเมริกาในอีกหลายปีข้างหน้า โดย Amity Social Cloud ซึ่งเปิดตัวทั่วโลกเมื่อต้นปี 2564 เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดยุโรปและอเมริกา มียอดผู้ใช้งานต่อเดือน (monthly active users: MAUs) จากประมาณ 30,000 ราย เมื่อต้นปี 2565 ขยับขึ้นเป็นมากกว่า 1.1 ล้านรายในเดือน ก.พ.2566 โดยมีสำนักงานอยู่ในลอนดอนและ มิลาน มีลูกค้าเป็นแบรนด์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ยุโรปหลายสิบแห่ง และมูลค่าธุรกิจหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ด้านนายทัชพล ไกรสิงขร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดตัว Amity Bots Plus ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี GPT-3 ถือเป็นก้าวสำคัญของ Amity สู่การเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเชื่อว่า GPT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้ 1 ล้านคนภายใน 5 วัน จากความสามารถมหาศาลที่เข้าใจทั้งภาษาระบบและภาษาคน จะเป็นกลไกสำคัญในการเติบโตของ Amity นับจากนี้.