แอปเปิล วอทช์ (Apple Watch) กับจุดเด่นเรื่องการดีไซน์ที่สวยงาม ช่วยดูแลสุขภาพ ใช้สื่อสารและแอปโดยต้องพกพา iPhone ซึ่งการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกครั้งจะมีพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานและการใช้งานใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

ทางแอปเปิลได้วางจำหน่าย Apple Watch Series 7 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งราคาเริ่มต้นในประเทศไทยที่ 13,900 บาท สำหรับรุ่น GPS และเริ่มต้น 17,500 บาท สำหรับรุ่น GPS + Cellular มีตัวเรือนให้เลือกขนาด 41 มม. และ 45 มม.

เป็นอีกพัฒนาการ เพิ่มความสามารถการทำงานใหม่ๆ รวมทั้งการดีไซน์ หน้าปัดมีขนาดใหญ่ขึ้นหนาเพียง 1.7 มม.เพื่อให้จอแสดงผลใหญ่ขึ้นกว่ารุ่น Series 3 มากกว่า 50% ตัว Watch Face หน้าปัดกระจก Ion-X บนตัวเรือนอะลูมิเนียม ทนน้ำที่ระดับความลึก 50 เมตร ทนฝุ่นที่มาตรฐาน IP6X แบตใช้งานได้ตลอดวัน ชาร์จเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ความจุขนาด 32 GB SiP รุ่น S7 พร้อมโปรเซสเซอร์แบบ Dual‑core 64 บิต, ชิประบบไร้สาย W3, ชิป U1 เซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า และเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่ 3 การแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจเร็วและช้า Digital Crown หรือเม็ดมะยมพร้อมการตอบสนองแบบสั่น การโทร.ฉุกเฉินทั่วโลก, SOS ฉุกเฉิน และการตรวจจับการล้ม

...

พร้อมกับตัวเรือน 3 รูปแบบคือ อะลูมิเนียมมี 5 สี ได้แก่ สีมิดไนท์, สีสตาร์ไลท์, สีเขียว สีน้ำเงินใหม่ ตัวเรือนสเตนเลสสตีลมี 3 สี ได้แก่ สีเงิน สีกราไฟต์ และสีทอง และตัวเรือนไทเทเนียมมี 2 สี ได้แก่ สีธรรมชาติและสีดำสเปซแบล็ก

ทีมงานได้ทดสอบการใช้งาน Apple Watch Series 7 สีเขียว ตัวเรือนอะลูมิเนียม ขนาด 45 มม. GPS + Cellular มองดูผิวเผินเป็นดีไซน์รูปทรงเดียวกับรุ่นก่อนๆหน้า แต่การออกแบบใหม่ทำให้ขอบจอบางลงทำให้หน้าปัดแสดงผลใหญ่ขึ้น และแสดงผลแบบใหม่ Contour และ Modular Duo ซึ่งออกแบบมาสำหรับรุ่นนี้ สายชาร์จแบบใหม่ใช้พอร์ต USB-C ทำให้ชาร์จเร็วกว่ารุ่นเดิม

สำหรับฟีเจอร์ด้านสุขภาพยังคงเป็นจุดเด่น การวัดระดับออกซิเจนในเลือด (Sp02) ซึ่งได้ใช้บ่อยมากในยุคโควิด เซ็นเซอร์วัดชีพจรแบบออปติคัล รวมทั้งการติดตามการออกกำลังกาย ที่คอยกระตุ้นและผู้ช่วยโค้ชในกิจกรรมการออกกำลังกาย

เมื่อทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ watchOS 8 ช่วยให้ปรับปรุงการใช้แอปต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นอย่างแอป Workouts ในโหมดปั่นจักรยาน เมื่อลืมเปิดแอปอุปกรณ์จะขึ้นเตือนให้เปิดเพื่อใช้แอปติดตามและเก็บข้อมูล การคำนวณการเผาผลาญแคลอรีแม่นยำ เซ็นเซอร์หยุดทำงานชั่วคราวเมื่อหยุดและเริ่มทำงานเมื่อปั่นต่อโดยไม่ต้องกดปุ่มหยุดชั่วคราว

ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้แอปเปิลได้อัปเดต watchOS 8.1 เพิ่มการติดตามการล้มอย่างรุนแรงเข้าไปในแอป Workouts เพื่อความปลอดภัยในระหว่างการออกกำลังกายเช่นการปั่นจักรยาน เมื่อผู้สวมใส่นาฬิกาเกิดอุบัติเหตุและล้มลง

ตรวจจับการล้มระหว่างออกกำลังกาย

การตรวจจับการล้ม (fall detection) จะทำงานกับการออกกำลังกายทุกประเภทบนนาฬิกาเช่นการเดิน ปั่นจักรยาน วิ่ง ปีนหน้าผาไปจนถึงการว่ายน้ำ แอปเปิลได้เปิดตัวฟีเจอร์นี้ตั้งแต่ปี 2561 จะเปิดใช้อัตโนมัติสำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ต่อมาลดเหลืออายุ 55 ปี แต่การตรวจจับทั่วไป

...

สำหรับการตรวจจับการล้มระหว่างออกกำลังกายเช่นประสบอุบัติเหตุจักรยานล้มลงในเวลา 1 นาที ไม่มีการเคลื่อนไหว นาฬิกาจะทำการโทร.ฉุกเฉินแจ้งเหตุให้ผู้มาช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเร่งด่วน แต่หากผู้ประสบเหตุมีอาการไม่รุนแรงและช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถบอกว่าฉันล้ม แต่ไม่เป็นไร

“รอน ฮวง” และ “ดีเดรอ คอล์ดเบ็ค “ ผู้บริหารของแอปเปิล หนึ่งในทีมพัฒนาการตรวจจับการล้ม ของแอปเปิล กล่าวว่า ซอฟต์แวร์ที่อัปเดตใหม่จะตรวจจับการล้มได้จริง จากการวิจัยเข้าถึงข้อมูลของผู้คนจำนวน 1.5 แสนราย ออกกำลังกายกว่า 1.3 ล้านครั้ง มีข้อมูลการออกกำลังกายหลายแสนชั่วโมงและการล้มจริงหลายพันครั้ง ซึ่งข้อมูลมหาศาลนี้ทำให้มั่นใจอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และไจโรสโคปจะสามารถตรวจสอบการล้มจริงๆได้

...

คุณสมบัตินี้ใช้ได้ตั้งแต่ Apple Series 4 และรุ่นใหม่กว่า นับว่ามีประโยชน์สำหรับผู้ชื่นชอบออกกำลังกาย แต่หากเห็นว่ารำคาญก็เลือกปิดการ

ทำงานหรือเปิดเฉพาะระหว่างกิจกรรมออกกำลังกายก็ได้.