iPad Mini 2021 หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า iPad Mini 6 เป็นแท็บเล็ตที่หลายคนรอคอย รุ่นเล็กสุดที่เปิดตัวในปีนี้ ราคา 17,900 บาท ถือได้ว่ากระโดดขึ้นมาจากปี 2019 ถึง 4,000 บาท สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือเทคโนโลยีที่อัปเกรดขึ้นค่อนข้างเยอะ ในบทความนี้ไทยรัฐออนไลน์จะพาคุณไปเปรียบเทียบสเปก iPad Mini 6 รุ่นปัจจุบันกับก่อนหน้า เพื่อวัดความต่าง

5 ความต่างชัดๆ ระหว่าง iPad Mini 6 กับ iPad Mini 5

ความแตกต่างระหว่าง iPad Mini รุ่นเปิดตัว 2021 กับ 2019 ต่างกันอย่างชัดเจน ถ้าในเรื่องราคาเพื่อซื้อมาเรียนออนไลน์นั้นก็คงทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก แต่สำหรับสายทำงาน เกม และบันเทิง หรือคนที่มีเครื่องรุ่นเดิมอยู่แล้ว ก็ต้องเทียบสเปกทีละจุดว่าเปลี่ยนเยอะหรือไม่

ปุ่ม Home หายไป กับขนาดจอที่เปลี่ยนไป

เรื่องปุ่ม Home เป็นความรู้สึกแบบปัจเจก บางคนก็ชอบให้มี เพราะไม่สะดวกหา AssistiveTouch แต่บางคนก็บอกว่ามันกินพื้นที่หน้าจอมากเกินไป ใน iPad Mini 6 ก็ไม่มีปุ่มนี้แล้ว ทำให้เกิดความแตกต่างที่ชัดเจนคือ ได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เทียบขนาดหน้าจอ iPad Mini 6 กับ iPad Mini 5 ตัวขนาดเครื่องนั้น รุ่นใหม่สูงขึ้นราว 5 มิลลิเมตร ด้วยตัวขนาดเครื่องนั้นอาจจะไม่รู้สึกว่าใหญ่กว่ามาก แต่หน้าจอใช้งาน กว้างกว่าเดิม 0.4 นิ้ว

...

สีชมพู ม่วง และ สตาร์ไลท์

สีใหม่ที่เพิ่มมาใน iPad Mini 6 อย่างสีชมพู, ม่วง และสตาร์ไลท์ เป็นเฉดสีใหม่ที่ดึงดูดความสนใจของผู้ที่ชอบสัมผัสตัวเครื่องแบบไม่ใส่เคส หรือใส่เคสใสๆ โชว์ผิวเดิมของ iPad โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ที่สีสันมีผลต่ออารมณ์การใช้งาน ก็จะเลือกยากหน่อยว่าจะจัดสีไหนดี

รองรับ 5G

iPad Mini 6 รองรับเทคโนโลยี 5G นั่นก็หมายความว่า ต้องมีค่าบริการเครือข่าย และอยู่ในพื้นที่รับสัญญาณ 5G จึงจะได้ใช้งานเทคโนโลยีนี้ หากพื้นที่อับสัญญาณ หรือ 5G ยังไปไม่ถึง ผู้ใช้งานส่วนหนึ่งอาจเลือกเบนไปรุ่น Wi-Fi หรือรุ่นก่อนหน้าที่ยังไม่รองรับ 5G

สายชาร์จ USB-C vs Lightening

สายชาร์จ USB-C ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่การเปลี่ยนรูปแบบหัวชาร์จของ iPad Mini เป็น USB Type-C ถือเป็นครั้งแรกที่จะใช้งานสายชาร์จโทรศัพท์ กับ iPad ร่วมกันได้ ผู้ใช้งานจะได้ไม่ต้องพกสายเพิ่ม

กล้องหน้า กล้องหลัง ต่างกันไหม

กล้องหน้าของ iPad Mini 6 นั้นขยายซูมได้บ้าง และมีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 12MP จาก iPad Mini 5 ที่มาเพียง 7MP ส่งผลต่อการใช้งาน FaceTime หรือประชุมเปิดกล้อง ส่วนกล้องหลังเพิ่มการบันทึกวิดีโอระดับ 4K และบันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 25 fps, 30 fps หรือ 60 fps ในช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น สูงสุด 30 fps

ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้คงทำให้คุณเทียบความต่างของทั้งสองรุ่นได้ชัดเจนขึ้น สรุปแล้วในราคาที่เพิ่มขึ้น 4,000 บาท ผู้ใช้งานก็จะได้สัมผัสประสบการณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมานี้ ที่แน่ๆ คือสายชาร์จเปลี่ยนหัวมาเป็น USB Type-C ทำให้ชาร์จเร็วขึ้น ยังคงมีทั้งอแดปเตอร์และสายชาร์จมาให้ในกล่อง ส่วนใครที่ต้องการใช้คู่กับปากกา และเคสคีย์บอร์ดที่ต้องซื้อแยกในอนาคต

ที่มา : apple.com/th/ipad/compare