สมาร์ทโฟนจอพับ Z Series รุ่นใหม่ แตกต่างและเหมาะสมกับใครบ้าง

ค่ายซัมซุงเปิดแคมเปญใหญ่ที่สุดในรอบครึ่งปีหลัง จัดงาน Galaxy Unpacked 2021 : Get ready to unfold แนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะเป็นตัวหลักในการบุกตลาดด้วยการชูนวัตกรรมสมาร์ทโฟนจอพับในตระกูล Z Series ดีไซน์เยี่ยม หรูหรา แฟชั่นล้ำสมัย ใช้วัสดุมีความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น แต่เพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมและฟังก์ชันการใช้งาน ที่สำคัญมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ดร.ทีเอ็ม โรห์ ประธานและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เป็นผู้เปิดงานและได้พูดถึงการพัฒนาของนวัตกรรมสมาร์ทโฟน และสถานการณ์การแพร่ระบาดทำให้เทคโนโลยีถูกเชื่อมโยงทุกคนเข้าไว้ด้วย จึงมุ่งมั่นพัฒนาสมาร์ทโฟนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วย Samsung Galaxy Z Series รุ่นใหม่ที่จะมาปฏิวัติวงการสมาร์ทโฟนพร้อมพลิกโฉมประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ไปอย่างสิ้นเชิง

สำหรับ Galaxy Z Fold3 (กาแลคซี่ ซี โฟลด์ 3) และ Galaxy Z Flip3 (กาแลคซี่ ซี ฟลิป 3) ทางซัมซุงมองว่ากลุ่มเป้าหมายการใช้งานค่อนข้างแตกต่างกัน จากตัวเลขคอนซูเมอร์อินไซต์ ระบุว่ากลุ่มเป้าหมาย Z Fold3 เป็นกลุ่มผู้ชาย 75% อายุระหว่าง 35-44 ปี สนใจประสิทธิภาพการใช้งาน ชอบเทคโนโลยี ชอบการลงทุน ชอบดูกีฬา

ขณะที่ Z Flip3 จะเป็นกลุ่มผู้หญิง “เทรนด์เซตเตอร์” ชื่นชอบแฟชั่น แบรนด์เนม ชอบท่องเที่ยว ใช้โซเชียลเป็นประจำ เมื่อสมาร์ทโฟนออกมาดูแล้วเป็นคนล้ำยุค ถือไปไหนคนต้องมอง

Galaxy Z Fold3 5G

ซัมซุงได้บุกเบิกสมาร์ทโฟนจอพับเป็นรายแรก โดย Fold 3 หน้าจอหลักขนาด 7.6 นิ้ว จอด้านนอกขนาด 6.2 นิ้ว ใหญ่กว่าเดิม 4 เท่า จอหลักถูกออกแบบใหม่กับหน้าจอหลักที่ไม่มีรูกล้องรบกวนสายตาอีกต่อไป เพราะเอากล้องไปซ่อนไว้ใต้จอ รองรับ S Pen เป็นครั้งแรก (ซื้อเพิ่มเติม) เป็นสมาร์ทโฟนที่ซัมซุงเน้นหนักการทำตลาดเพราะไม่ได้ทำตลาดตระกูล Note แล้ว

ใช้ได้ทั้ง S Pen Fold Edition และ S Pen Pro ดีไซน์ต่างกันและการใช้งานแตกต่าง กันเล็กน้อย ทั้งคู่มาพร้อมหัวปากกาที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อปกป้องหน้าจอไม่ให้เป็นรอยด้วยการจำกัดแรงกดลงบนหน้าจอหลัก แต่มีความหน่วงต่ำทำให้การเขียน การวาดเป็นธรรมชาติเหมือนปากกาจริง

รวมถึงอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz Adap– tive มอบการแสดงผลที่ลื่นไหลไวต่อการตอบสนอง ทั้งบริเวณหน้าจอด้านนอกและด้านใน ขณะที่การใช้งานด้านมัลติทาสกิ้งได้ 3 แอปพร้อมๆกันการใช้งาน Flex mode และ Multi-Active Window ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่กับความสามารถในการทำกิจกรรมหลายอย่างได้พร้อมกัน

สำหรับความแข็งแรงทนทานใหม่คือมาพร้อมกับมาตรฐานการทนน้ำระดับ IPX8 วัสดุตัวเครื่องที่ทำมาจาก Armor Alu– minum ซึ่งเป็นอะลูมิเนียมที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่เคยนำมาใช้กับสมาร์ทโฟน รวมถึง Corning Goril– la Glass Victus ที่ช่วยปกป้องเครื่องจากรอยขีดข่วนและการตกหล่น พร้อมฟิล์มกันรอยแบบยืดชนิดใหม่ และการปรับชั้นแผงหน้าจอหลัก ซึ่งส่งผลให้หน้าจอมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80%

ราคา 57,900 บาท (256 GB) และ 61,900 บาท (512 GB) มี 3 สีให้เลือกคือสีดำ, เขียว และซิลเวอร์

Galaxy Z Flip3 5G

สมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาสไตล์แฟชั่นจ๋า เหมาะสำหรับผู้ต้องการบ่งบอกสไตล์ของตนเองผ่านพาเลตสีที่โดดเด่นมาตอบสนองการใช้งานได้มากมายโดยเฉพาะการใช้งานด้านโซเชียล มาพร้อมกับวัสดุเกรดเดียวกับ Fold 3 ที่ให้ความทนทานเช่นเดียวกัน จอหลักขนาด 6.7 นิ้ว Dynamic Amoled 2X อัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz Adaptive จอด้านนอกขนาด 1.9 นิ้ว Super Amoled ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีขนาด 1.1 นิ้วถึง 4 เท่า สามารถดูการแจ้งเตือนหรือข้อความต่างๆ ได้ง่ายขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องกางสมาร์ทโฟนออก

การออกแบบมาเพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพสูงสุดในการถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์กล้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งถ่ายเซลฟี่แบบแฮนด์ฟรีด้วย Flex mode ไปจนถึงการสแนปภาพหรือถ่ายวิดีโออย่างรวดเร็วแม้อยู่ในโหมดพับด้วยฟีเจอร์ Quick Shot ฟีเจอร์ Flex Mode Panelโฉมใหม่จะทำให้ปรากฏคอนเทนต์วิดีโอที่จอด้านบน ในขณะที่ผู้ใช้ยังสามารถปรับค่าต่างๆ เช่น ความสว่างหน้าจอหรือระดับ เสียงที่จอด้านล่างได้พร้อมกัน

รองรับ 5G ใช้หน่วยประมวลผล 5 nm 64 bit Octa-Core แอนดรอยด์ 11 มีสีครีม,สีเขียว, สีม่วงลาเวนเดอร์, สีดำ (สีพิเศษเฉพาะบน samsung.com) สีเทา, สีขาว, สีชมพู ราคา 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB)

Galaxy Watch4 Series

สมาร์ทวอตช์รุ่นแรกที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการการใหม่ Wear OS ที่พัฒนาร่วมกับ Google ทำให้ใช้งานหลากหลายแอปพลิเคชันซึ่งทำงานร่วมกับ One UI Watch การทำงานก็เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยชิปเซตแบบ 5nm โดดเด่นในด้านการดูแลสุขภาพผ่านนวัตกรรมเซ็นเซอร์ BioActive ที่ประมวลค่าด้านสุขภาพแบบ 3-in-1 ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามระดับความดันโลหิต ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (AFib) หรือเช็กระดับออกซิเจนในเลือด วิเคราะห์องค์ประกอบร่างกายได้เป็นครั้งแรก พร้อมตรวจจับเสียงกรน วัดค่าออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับ ประเมินและให้คะแนนคุณภาพการนอนหลับได้ (บางฟีเจอร์อยู่ระหว่างยื่นขออนุมัติจากคณะกรรมการอาหารและยา)

ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนค่ายแอนดรอยด์ อีกทั้งทำงานได้แม้ไม่มีสมาร์ทโฟนมาพร้อมกับดีไซน์อันทันสมัยแต่คงไว้ซึ่งความเรียบง่าย หน้าปัดปรับแต่งได้มีให้เลือกถึง 50 รูปแบบ พร้อมตัวเลือกของขนาดหน้าปัดที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างลงตัว ได้แก่ หน้าปัดขนาด 40 มม. ในสีดำและพิงก์โกลด์ วางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท และหน้าปัดขนาด 44 มม. มาในสีดำและสีเขียว ราคา 8,990 บาท และ 10,900 บาท (LTE) ส่วน Galaxy Watch4 Classic รุ่น หน้าปัดขนาด 46 มม. สีดำและสีเงิน ในราคา 11,900 บาท และ 13,900 บาท (LTE) ในสีดำ

Galaxy Buds 2

หูฟังแบบอินเอียร์ในระดับราคาเริ่มต้นแต่ให้คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม พร้อมดีไซน์ที่ลงตัว มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบาที่สุด มาพร้อมกับดีไซน์โค้งมนเพื่อมอบความสบายให้กับผู้ใส่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน สามารถทำงานและเชื่อมต่อ กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ทวอตช์ใน Ecosystem ของซัมซุงกาแลคซี่ได้อีกด้วย

ลำโพงไดนามิกระบบ 2 ทิศทาง ที่มอบคุณภาพเสียงคมชัด เบสนุ่มลึกและเสียงสูงที่ชัดเจน พร้อม Active Noise Cancelling ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 98% ในขณะเดียวกัน หากต้องการได้ยินเสียงบรรยากาศโดยรอบ ก็สามารถเลือกปรับ Ambient Sound ได้ถึง 3 ระดับ ราคา 3,990 บาท มี 3 สี ได้แก่ สีแกรไฟต์, สีเขียว และสีม่วงลาเวนเดอร์.