สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ-จีน กำลังจะถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เมื่ออดีตผู้บริหาร “กูเกิล” ยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้ออกมาประกาศเตือนว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะต้อง ให้ความสำคัญและทุ่มเทการพัฒนาเร่งด่วน เพราะกำลังจะโดนจีนแซงหน้า

วันก่อน “เอริก ชมิดต์” อดีตผู้บริหารกูเกิลและแอปเปิล ปัจจุบันเขาเป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมการป้องกันของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนจะเป็นมหาอำนาจทางปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI หากสหรัฐฯยังคงขาดแผนการพัฒนาระยะยาวและงบประมาณสำหรับการวิจัยขั้นพื้นฐาน

เขาระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯได้ลดงบการพัฒนาด้านการวิจัยและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ลงตั้งแต่ก่อนยุค “Sputnik” ซึ่งเป็นยุคการแข่งขันทางด้านดาวเทียมกับทางรัสเซีย ปัจจุบันมีการลงทุนเพียงแค่ 0.7% ของผลผลิตรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี เท่านั้น ต่ำที่สุดตั้งแต่ในยุคปี 1960 เมื่อถึงจุดสูงสุดของการแข่งขันทางอวกาศการใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 2%

“จีนกำลังจะเหนือกว่าเราในหลายๆทาง และพวกเขากำลังดำเนินการอย่างชาญฉลาดในแบบที่แตกต่างจากที่เราเคยต้องการ เราต้องให้ความสำคัญกับพวกเขาอย่างจริงจัง...พวกเขาจะจบลงด้วยเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาที่มากขึ้น การวิจัยที่มีคุณภาพดีขึ้น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่กว้างขึ้นและโครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ที่แข็งแกร่งขึ้น” ชมิดต์กล่าว

ที่ผ่านมารัฐบาลจีนไม่ได้ปิดบังความทะเยอทะยานของตน ได้เริ่มโครงการ “One Belt, One Road” ในปี 2556 เป็นแผนที่จะทำให้จีนเป็นคู่แข่งกับสหรัฐฯในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญนั้นเกี่ยวข้องกับการลงทุนการพัฒนาและวิจัย AI

...

จีนมีความเชื่ออย่างเต็มที่ว่าจะแซงหน้าสหรัฐฯในด้าน AI ในไม่ช้าและอาจสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าและการพาณิชย์ที่โดดเด่นของโลก

เขาได้เสนอว่าให้ทางการสหรัฐฯเพิ่มงบเป็น 2 เท่าในช่วง 5 ปี ซึ่งการให้เงินทุนนั้นอาจกระตุ้นให้มหาวิทยาลัยและนักวิจัยอื่นๆพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกในที่สุด ซึ่งนวัตกรรมบริสุทธิ์ที่ไม่ใช่เกิดจากการแบน หรือการตั้งกำแพงภาษี เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการก้าวนำหน้าจีนและประเทศอื่นๆ

“มันจะดีกว่าเสมอที่จะวิ่งเร็วกว่าคู่แข่งและทิ้งพวกเขาไว้ข้างหลังแทนที่จะใช้กลยุทธ์อื่นๆ ทั้งหมด” เขาได้อ้างถึงกรณีทีมบริหาร “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังเล่นงานแอป TikTok จากจีน รวมทั้งกรณีเครือข่าย 5G ของหัวเว่ย

สิ่งที่ “ชมิดต์” ออกมาเตือนครั้งนี้น่าสนใจมาก เพราะในอดีต “กูเกิล” เคยพัฒนา AlphaGo ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ AI ที่สามารถปราบเซียนหมากล้อม “โกะ” จากทั่วสารทิศ โดยเฉพาะ “เคอ เจี๋ย” เป็นถึงแชมป์โลกชาวจีน

เคอ เจี๋ยถึงกับออกมายอมรับ “หลังจากที่มนุษยชาติใช้เวลาหลายพันปีในการปรับปรุงกลยุทธ์ของเรา คอมพิวเตอร์บอกเราว่ามนุษย์เป็นฝ่ายผิดอย่างสิ้นเชิง...ผมจะส่งเสียงเท่าที่จะบอกได้ว่าไม่ใช่มนุษย์คนเดียวที่ได้สัมผัสกับขอบแห่งความจริงของหมากล้อม”

นี่จึงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทางการจีนมองเห็นอนาคตจึงเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาจนสหรัฐฯแทบไม่รู้ตัวว่ากำลังจะโดนแซงหน้าในสงคราม AI.

หนุ่มดิจิทัล
cybernet@thairath.co.th