ช้อปดีมีคืน 2566 โครงการนี้กลับมาอีกครั้ง ใครที่ไม่เคยใช้สิทธิ์มาก่อน จะต้องศึกษาเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง เพราะใช้คืนภาษีได้สูงสุดถึง 10,000 บาท แต่จำนวนมูลค่าลดหย่อนนั้นไม่เท่ากันทุกคน ขึ้นอยู่กับรายได้สุทธิ และค่าลดหย่อนอื่นๆ ที่ถือว่าคุ้มสำหรับคนที่ต้องซื้อของเข้าบ้านในช่วงต้นปีแบบนี้

ช้อปดีมีคืนลดหย่อนภาษี 2566 เงื่อนไขนี้เหมาะกับใคร

เงื่อนไขของโครงการช้อปดีมีคืน เหมาะกับคนไทยทุกคนที่มีรายได้ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี พ.ศ. 2566 ลองมาดูตารางต่อไปนี้ เพื่อพิจารณาวางแผนการใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืน 2566

ช้อปดีมีคืน กับการลดหย่อนภาษี 2566

เนื่องจากผู้เสียภาษีแต่ละคน มีภาระต้องหักค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อนไม่เท่ากัน ไทยรัฐออนไลน์ได้คำนวณให้แล้วว่า ช้อปดีมีคืน 2566 เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินได้พึงประเมิน 400,000 บาท ขึ้นไป

ตารางนี้เป็นการคำนวณคร่าวๆ โดยใช้เงื่อนไขการคำนวณ ดังนี้

  • รายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว
  • หักค่าใช้จ่าย 100,000 บาท หักลดหย่อน 60,000 บาท เพียงอย่างเดียว (ไม่หักภาษี กองทุนต่างๆ ฯลฯ)

หรือปรับใช้ได้กับ

  • ผู้ที่มีรายได้จากเงินเดือน หรือการจ้างงานรวมกัน หักค่าลดหย่อนต่างๆ แล้วมีรายได้สุทธิที่นำมาคำนวณฐานภาษีตามยอดในช่อง “รายได้” ของตารางข้างต้น

จากตารางสรุปได้ว่าอย่างไร

กรณีที่ 1 เงินเดือน 15,000 บาท ทำงานที่แรก (First Jobber) (ไม่มีภาระหักลดหย่อน)

 สมมติว่า นายไทยรัฐ เพิ่งทำงานที่แรก เงินเดือน 15,000 บาท มีรายได้จากเงินเดือนเพียงช่องทางเดียว และ

1. ทำงานในบริษัทที่ไม่หักภาษี ไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ไม่หักประกันสังคม
2. โสด
3. พ่อแม่ยังอายุไม่ถึง 60 ปี
4. ไม่ได้ทำประกันชีวิต ไม่ได้ทำประกันสุขภาพใดๆ
5. ไม่เคยบริจาคแก่มูลนิธิใดๆ

...

นายไทยรัฐ จะมีรายได้ทั้งปี 15,000 x 12 = 180,000 บาท ซึ่งยังไม่เข้าเกณฑ์เสียภาษี แต่สิ่งที่นายไทยรัฐต้องทำ คือต้องยื่นภาษีประจำปี และการใช้โครงการช้อปดีมีคืน 2566 ก็ไม่ได้ทำให้นายไทยรัฐได้คืนภาษี เพราะยังไม่ถูกสรรพากรหักภาษี

กรณีที่ 2 เงินเดือน 25,000 บาท เพิ่งเปลี่ยนงาน (ไม่มีภาระหักลดหย่อน)

สมมติว่านายไทยรัฐคนเดิม เพิ่งเปลี่ยนงาน และเงื่อนไขในการยื่นภาษี ยังมีแค่ค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่ายส่วนตัว 160,000 บาท แต่เงินเดือนเริ่มนับจากเดือนมกราคม 2566 ได้ 25,000 บาท ไม่มีการหักกองทุน หรือหักประกันสังคมใดๆ

ตลอดทั้งปี นายไทยรัฐ จะมีรายได้ 25,000 x 12 = 300,000 บาท เงินได้พึงประเมินก็ยังไม่เข้าเกณฑ์เสียภาษี ดังนั้นหากซื้อของแล้วขอใบกำกับภาษี ก็ยังไม่ได้คืนภาษีช้อปดีมีคืน 2566

แต่เรื่องจะพลิกทันที หากในปี พ.ศ. 2566 นายไทยรัฐ มีรายได้จากช่องทางอื่น (เช่น ได้โบนัส หรือเป็นนายหน้า ได้รับค่าจ้างจากบริษัทที่หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาส่งสรรพากร) เพิ่มขึ้นมาอีก 10,100 บาท เพราะหากรวมกับรายได้จากเงินเดือนตลอดทั้งปี เงินได้พึงประเมินจะเป็น 310,100 บาท ปีนี้จะเริ่มเสียภาษี 5 บาท ถ้าหากอยากได้ภาษีคืน 5 บาท จากโครงการช้อปดีมีคืน 2566 ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของถึง 40,000 บาท ก็ได้ ควรซื้อแค่พอดี

กรณีที่ 3 เงินเดือน 33,333.33 บาทขึ้นไป (ไม่มีภาระหักลดหย่อน)

สมมติว่านายไทยรัฐคนเดิม ยังคงโสด ไม่มีบุตร พ่อแม่อายุไม่ถึง 60 ปี ไม่มีภาระหักลดหย่อน เงินเดือนขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็น 33,333.50 บาท จะมีรายได้ทั้งปี 400,002 บาท เมื่อหักเฉพาะค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 บาท ก็จะเสียภาษีปีนั้นอยู่ที่ 4,500 บาท

วิธีคิด
รายได้ 33,333.50 x 12 = 400,002 บาท
หักลดหย่อนและค่าใช้จ่ายส่วนตัว 60,000 + 100,000 = 160,000 บาท

ถ้านายไทยรัฐซื้อของ ขอใบกำกับภาษีตามโครงการช้อปดีมีคืน 40,000 บาท เต็มจำนวน จะได้ลดหย่อน 2,000 บาท

ช้อปดีมีคืน 2566 ซื้ออะไรได้บ้าง พร้อมวิธีขอใบกำกับภาษี หมดเขต 15 ก.พ. 2566

ช้อปดีมีคืน 2566 ใช้ได้กับการซื้อของ หรือ ใช้บริการร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ก่อนซื้อก็ต้องถามทางร้านว่า ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้หรือไม่ บางร้านไม่ได้จดทะเบียนภาษีก็นำมาใช้ลดหย่อนไม่ได้ และสิ่งที่ควรจดไว้ห้ามลืมคือ

1. ใช้สิทธิ์ซื้อของได้ถึง 1 มกราคม ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2566
2. ร้านที่ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้ มักออกเอกสารนี้ได้วันต่อวัน ไม่ออกย้อนหลัง
3. รับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบมาแล้วต้องตรวจสอบชื่อ สกุล และเลขบัตรประจำตัวประชาชนของคุณ เพราะถ้าสะกดผิด ก็อาจใช้ไม่ได้
4. มีสินค้า 10 รายการที่ไม่เข้าร่วม ตรวจสอบได้ที่ >> ช้อปดีมีคืนปี 2566 ซื้ออะไรได้บ้าง ก่อนนำไปยื่นลดภาษีในปี 2567

...

สรุป ช้อปดีมีคืนปี 2566 เหมาะกับใคร

1. ผู้ที่มีรายได้พึงประเมิน (หรือผู้ที่หักค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว) 400,000 บาทขึ้นไป ไม่ต้องซื้อสินค้าที่ร่วมโครงการ ช้อปดีมีคืน 2566 สูงสุดถึง 40,000 บาท ก็ได้ ใช้สิทธิ์ลดหย่อนกับช่องทางอื่น

2. ผู้ที่มีรายได้พึงประเมิน (หรือผู้ที่หักค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว) 1 ล้านบาทขึ้นไป ลดหย่อนภาษีจาก ช้อปดีมีคืน 2566 ได้สูงสุด 8,000 บาท

3. ผู้ที่มีรายได้พึงประเมิน (หรือผู้ที่หักค่าลดหย่อนและค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว) 1.5 ล้านบาทขึ้นไป ลดหย่อนภาษีจาก ช้อปดีมีคืน 2566 ได้สูงสุด 10,000 บาท

สุดท้ายนี้ การซื้อสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ ช้อปดีมีคืน 2566 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการหักลดหย่อนภาษีประจำปีรายได้ พ.ศ. 2566 อย่างไรก็ดีคนที่มีแผนจะซื้อสินค้าในช่วงต้นปีอยู่แล้ว ก็นำมาลดหย่อนภาษีได้เยอะ แต่หากใครไม่ได้มีแผนจะซื้อของ หรือมีวิธีการจัดการลดหย่อนภาษีจากช่องทางอื่น ก็ศึกษาคำนวณไว้เป็นทางเลือกสำหรับการยื่นภาษีปี 2566 ในต้นปี 2567 ตามความเหมาะสม