ความสามารถของ AI หลังจากเปิดตัวมาแล้วกว่า 2 ปี ในปัจจุบันมีองค์กรต่าง ๆ เริ่มหยิบนำไปใช้ทำงาน และเห็นประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งเหล่านี้กำลังเข้ามามีผลต่อการทำงานของมนุษย์เงินเดือนในอีกไม่ช้า เราจะพัฒนา ปรับปรุง และรับมือกับปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้อย่างไรได้บ้าง
สองปีนับตั้งแต่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT สู่สาธารณะเป็นครั้งแรก จนเริ่มมีการถกเถียงในแง่มุมต่าง ๆ มากมายในเรื่องของประสิทธิภาพของการใช้งานที่ยังคงตั้งคำถาม
ซึ่งในปัจจุบัน AI ได้เริ่มมีการประมวลผลอย่างมั่นคง ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ เศรษฐกิจ และรวมไปถึงการว่าจ้างแรงงานทั่วโลก จนผู้ใช้งานได้หยิบนำ AI มาใช้แล้วกว่าหลายล้านคน
สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ AI นี้ ไม่ใช่เพียงแค่กระแสชั่วคราวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีคำถามบางข้อที่ยังต้องตอบ และพัฒนาอยู่บ้าง แต่ในขณะเดียวกันที่มีบางคำถามก็ได้รับการแก้ไขแล้ว และคำถามที่ได้รับการแก้ไขต่อหน้าต่อตาของพวกเราก็คือ AI เหล่านี้สามารถเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของเราได้แล้วอย่างถาวร ซึ่งการจ้างงานบางรายการมีผลกระทบเป็นวงกว้าง
AI เหล่านี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงาน และการว่าจ้างงานอย่างไรบ้าง รายงานล่าสุดเกี่ยวกับ AI ที่มีผลกระทบต่อบุคลากร โดย DeVry University ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์และผลกระทบต่ออนาคตของการทำงาน ทั้ง 3 หัวข้อ ซึ่งข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จำเป็นสำหรับมืออาชีพทุกคนที่ต้องตระหนัก เนื่องจากมีศักยภาพที่แข็งแกร่งในการกำหนดแนวโน้มงานการทำงานของคุณในอนาคตอันใกล้นี้
AI กำลังเปลี่ยนแปลงการสรรหาบุคลากร และการจัดการผลการปฏิบัติงาน
นายจ้างในปัจจุบันเริ่มใช้งานปัญญาประดิษฐ์ มาประมวลผลการปฏิบัติงาน และสรรหาบุคลากรเพิ่มขึ้นในองค์กรมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ประมาณ 44% ขององค์กรต่าง ๆ ใช้ AI เพื่อวิเคราะห์ และติดตามประสิทธิภาพการทำงาน รายงานดังกล่าวระบุว่า ในขณะที่นายจ้างประมาณหนึ่งในสามใช้ AI เพื่อระบุช่องว่างด้านทักษะ แนะนำวิธีแก้ปัญหา และปรับแต่งการสื่อสารภายในส่วนบุคคลเพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ นายจ้างมากกว่าสองในสามใช้ AI เพื่อช่วยในกระบวนการประเมินการสมัครงาน
...
สิ่งนี้มีความหมายต่องานของคุณอย่างไร: เนื่องจากนายจ้างส่วนใหญ่ใช้ AI ในการตรวจสอบการสมัครงาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาตนเองเพิ่มไปข้างหน้า ตัวอย่างเช่น ทำการบ้าน และทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือยอดนิยมที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้เพิ่มขึ้น ด้วยวิธีนี้ คุณสามารถรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน และทำให้การสมัครงานของตัวเองมีประสิทธิภาพ และมีโอกาสผ่านการคัดกรองเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ หากทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร การเรียนรู้วิธีของ AI ให้นำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับขั้นตอนการทำงาน และองค์กรของตนเอง จะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งในด้านของการสื่อสาร และปรับปรุงการจัดการประสิทธิภาพองค์กรได้
AI ช่วยเพิ่มตลาดงาน และมูลค่าการว่าจ้างได้
ข้อมูลเชิงลึกประการที่สอง เผยให้เห็นว่าคนงานและนายจ้างจำนวนมากแสดงทัศนคติเชิงบวก โดยรวมต่อ AI ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของงาน เมื่อปัญญาประดิษฐ์เริ่มได้รับความนิยมในช่วงแรกที่มีการถือกำเนิดของ ChatGPT ข้อกังวลหลักประการหนึ่งที่หลายคนแสดงออกมาก็คือ ปัญญาประดิษฐ์จะเลิกจ้างงานจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราเห็นในวันนี้ คือ แม้ว่า AI จะมีส่วนในการเลิกจ้างพนักงานในปี 2566 และ 2567 แต่จริง ๆ แล้ว AI มีประโยชน์เชิงบวกต่อพนักงานด้วย โดยการสร้างภาระงานใหม่ ที่เพิ่มค่าจ้างได้มากถึง 47% และสร้างหมวดหมู่ใหม่ทั้งหมดสำหรับการงานทำงานโดยสิ้นเชิง
ผลวิจัยเผยว่า พนักงานประมาณหนึ่งในสี่เชื่อว่า AI จะช่วยให้พวกเขาเข้าถึงโอกาสในการทำงานได้มากขึ้น และเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสำรวจโดย DeVry University วางแผนที่จะเพิ่มทักษะการใช้ AI ใหม่ เพื่อให้พนักงานสามารถปรับเปลี่ยนไปสู่บทบาทที่เน้น AI มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการประมาณการว่าพนักงาน 54% เห็นด้วยว่า AI จะทำให้งานของพวกเขาง่ายขึ้น มีเพียง 9% เท่านั้นที่กังวลว่าจะส่งผลเสียต่ออาชีพการงาน โดย 1 ใน 5 รู้สึกไม่มั่นคงกับงานของตน
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากการเข้ามาของ AI จะทำให้รู้สึกไม่มั่นคงกับงานปัจจุบันของคุณ เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ AI
โดยสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อเอาชนะความกลัวนี้ คือ การเพิ่มทักษะใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทักษะด้านการใช้ AI และเทคโนโลยี เพราะนายจ้างปัจจุบันจะมองว่าพนักงานที่มีทักษะ AI เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงสุด ดังนั้นการฝึกฝนตัวเองในเชิงรุก แม้จะผ่านหลักสูตรฟรีระยะสั้น เช่น หลักสูตรที่ Google และ Coursera นำเสนอ ก็สามารถช่วยการันตีอาชีพของคุณได้ในอนาคตไม่มากก็น้อย
จำเป็นต้องมีการฝึกอบรม AI
DeVry University ได้วิจัย และค้นพบข้อมูลอันเป็นเรื่องสำคัญกับความรู้เกี่ยวกับ AI โดยรวมว่า “นายจ้างมากกว่า 80% เผยว่าพวกเขาเข้าใจว่า AI สามารถทำอะไรให้กับองค์กรของตนได้” , “ขณะที่คนงาน 75% รายงานว่า พวกเขาเข้าใจว่า AI สามารถทำอะไรให้พวกเขาในที่ทำงานได้บ้าง” รวมถึงยังมีรายงานว่า “นายจ้าง 42% กล่าวว่า พวกเขาไม่มั่นใจว่าองค์กรของตนเข้าใจวิธีฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับ AI อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่”
สิ่งนี้มีความหมายต่อคุณอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนรู้ว่าการฝึกอบรม AI เป็นเรื่องจำเป็น แต่ในปัจจุบัน ก็ยังมีการตระหนักถึงคุณประโยชน์เชิงบวกของปัญญาประดิษฐ์ในที่ทำงานนั้นยังไม่แสดงประสิทธิภาพที่ดีอย่างเพียงพอ
สาเหตุมาจาก นายจ้างเกือบครึ่งหนึ่ง ไม่ทราบวิธีฝึกอบรมพนักงานในการใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเรื่องนี้เป็นปัญหามาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าเราจะผ่านมาเกือบสองปีแล้วนับตั้งแต่ ChatGPT ได้รับความนิยม
การใช้งาน AI อย่างสมบูรณ์ ยังคงเป็นปัญหาอย่างในตอนนี้ แต่จนกว่าปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข สิ่งสำคัญคือทั้งนายจ้าง และลูกจ้างจะต้องเรียนรู้ให้มากที่สุดและลงทุนในเส้นทางการยกระดับทักษะ AI ของคุณเอง
การฝึกฝนเหล่านี้จะช่วยให้แน่ใจว่าคุณสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับงานของคุณได้ และจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของคุณอย่างมาก
...
ปัญหา AI จึงไม่ใช่คำถามอีกต่อไปว่า AI จะแย่งงานของเราไปหรือไม่ คำถามที่ต้องตัดสินใจตอนนี้คือ AI จะส่งผลต่องานของตัวเราอย่างไร และเราสามารถดำเนินการขั้นตอนใดเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับผลประโยชน์เชิงบวกจาก AI ในอาชีพการงานอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ข้อมูล : forbes
ภาพ : istock