5 เทรนด์การทำงานที่น่าจับตามองในปี 2024

เทรนด์การทำงานใหม่ที่กำลังมาแรง และเป็นที่จับตามองถึงการเปลี่ยนแปลงในปี 2024 โดยการศึกษาและเก็บข้อมูลจาก Harvard Business School 

หลังจากยุคสมัยของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป มีการพัฒนามากขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังจากโรคระบาดที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และปรับตัวมากขึ้นจากข้อจำกัดในหลายๆ อย่างผ่านเทคโนโลยี

Harvard Business School ได้เก็บข้อมูลที่น่าสนใจของเทรนด์การทำงานที่น่าจับตามอง และจะเกิดขึ้นจนเป็นที่นิยมในปี 2024 จะมีอะไรบ้าง

5 เทรนด์การทำงานที่น่าจับตามองในปี 2024

• ระบบการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working) จะพัฒนามากยิ่งขึ้น

การทำงานที่สามารถทำได้ทุกที่ อาจเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น ในวันทำงานพนักงานจะไม่ต้องเดินทางออกไปที่ออฟฟิศอีกต่อไป เป็นนิยามของคำว่า Work From Anywhere โดยทีมงาน พนักงาน ต่างมาประชุม แชร์ความคิดกันบนโลกออนไลน์มากขึ้น ระบบการทำงานที่ยืดหยุ่น และมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีเทคโนโลยีที่เป็นตัวช่วยกวดขัน ทำให้เกิดความสะดวกสบาย รวมถึงคนที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ ไกลกัน ทั้งในเมืองหรือนอกเมือง ก็สามารถทำงานร่วมกันในองค์กรเดียวกันได้อย่างไร้ขีดจำกัดมากขึ้น

• คนกลับมาทำงานอย่างหนัก เพื่อชีวิตที่ดีมากขึ้น

คนที่ทำงานอย่างหนักในประเภท Workism จะมากขึ้น เนื่องจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาในช่วงโควิดระบาด ซึ่งทำให้เชื่อว่าการทำงานไม่ได้จำเป็นต่อเศรษฐกิจของตนเองเท่านั้น แต่ยังเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะทำให้ชีวิตสบาย ไปถึงเป้าหมายในชีวิตได้ จนหล่อหลอมให้กลายเป็นอัตลักษณ์อย่าง Workism ของคุณขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

• นโยบายการดูแล หรือสวัสดิการเป็นเรื่องสำคัญ

หลังโรคระบาดทำให้คนกลับมาตระหนัก และต้องการนโยบายที่ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงต่อสิ่งที่ไม่แน่นอนในการทำงาน ทำให้หลังโควิดที่ผ่านมา แต่ละองค์กรจึงต้องมีนโยบาย การดูแล สวัสดิการ ที่ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อที่จะดึงดูดผู้มีความสามารถ และสนองความต้องการต่อการทำงานในยุคใหม่นี้มากขึ้น

• คนในรุ่นเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) อาจต้องปรับตัวและหลีกทาง

เวลายุคสมัยใหม่กำลังเปลี่ยนผ่าน แนวความคิดและการปรับตัวของคน Gen X  (อายุ 44-59 ปี) และ Millennial (อายุ 28-43 ปี) รุ่นใหม่ๆ พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำกันมากขึ้น ด้วยศักยภาพ การปรับตัว และรูปแบบความเป็นผู้นำใหม่ๆ ที่มีมากกว่าคนในรุ่นเบบี้บูมเมอร์ รวมถึงคนในรุ่น Gen Z ด้วยเช่นกัน

• Portfolio ที่เปลี่ยนแปลงไป เน้นประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น

Portfolio Life อาจะเป็นแนวคิดใหม่ที่ใช้สื่อถึงความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน โดยการคัดกรองคนเข้าทำงาน จะใช้แนวทางการใช้ชีวิตมากกว่าประสบการณ์ทำงานมากกว่าเดิม ซึ่งจะสื่อถึงความชอบ ความสามารถ ครอบครัว การพักผ่อน ชุมชน ที่บอกถึงประสบการณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในหลายๆ ด้าน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้จะเป็นทักษะที่มีมูลค่าสูงสุดสำหรับการหาคน และคัดกรองคนมาทำงานในอนาคต ตามรายงานของ The Future of Jobs Report

ข้อมูล : worldeconomicforum, Harvard Business School

ภาพ : istock