เมื่อต้นปี 2556 หรือ ค.ศ.2013 ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ หัวหน้าทีมซอกแซกได้รับมอบหมายให้ไปทำข่าวการแข่งขันชิงแชมป์ “ซุปเปอร์โบว์ล” อเมริกันฟุตบอล ครั้งที่ 47 ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา
ครั้นเมื่อเสร็จจากการเขียนข่าวแบบรายงานละเอียด วันต่อวันจนจบการแข่งขันแล้ว หัวหน้าทีมซอกแซกก็ถือโอกาสบินไปเยี่ยมเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ปักหลักประกอบสัมมาอาชีวะอยู่ที่มหานครนิวยอร์กอีกร่วมๆสัปดาห์
ได้ คุณ พิสิษฐ์ จรูญศรีสวัสดิ์ ประธานสมาคมธุรกิจอาหารไทยแห่งรัฐนิวยอร์ก ณ ค.ศ.นั้น กับ คุณ ไพโรจน์ ปักษาษิณ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำนิวยอร์ก เป็นมัคคุเทศก์สลับกันมารับหัวหน้าทีมไปทัศนศึกษาตามสถานที่สำคัญต่างๆ
แล้ววันหนึ่ง ทั้ง 2 มัคคุเทศก์ก็ชวนไปที่สวนสาธารณะ “เมดิสัน สแควร์ พาร์ค” ใจกลางมหานครนิวยอร์ก เพื่อจะแนะนำให้รู้จักร้านอาหารร้านหนึ่งที่กำลังโด่งดังไปทั่วอเมริกา
เผื่อมีโอกาสก็จะได้แวะรับประทานให้เป็น “บุญปาก” เสียเลย แต่ทั้ง 2 ไกด์ก็บอก ด้วยว่ายากหน่อยนะพี่ เพราะคนรอคิวเป็นชั่วโมง บางครั้งก็ 2 ชั่วโมง กว่าจะได้เข้าไปสั่งอาหาร
นั่นก็คือร้านแฮมเบอร์ และฮอตด็อก ที่ชื่อว่า Shake shack ที่ได้รับการโหวตว่าเป็นเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดเมื่อปี ค.ศ.2005 หรือ 8 ปีก่อนหน้าที่หัวหน้าทีมจะไปดูซุปเปอร์โบว์ลและไปนิวยอร์กในปี 2013 พอดิบพอดี
ปรากฏว่าวันที่เราไป เมดิสัน สแควร์ พาร์ค นั้น ก็เป็นไปตามคาดหมาย ผู้คนยืนรอยาวเหยียด จึงตัดสินใจเดินไปกินอาหารอย่างอื่นแทน
แม้หัวหน้าทีมซอกแซกจะไม่มีโอกาสได้รับประทาน “แฮมเบอร์เกอร์” น้องใหม่ของสหรัฐฯที่กำลังแรงสุดขีดใน ค.ศ.ดังกล่าว แต่เพื่อนรุ่นน้องทั้ง 2 คนของหัวหน้าทีมก็ผลัดกันเล่าเรื่องและให้ข้อมูล “Shake shack” จนสามารถ เขียนได้เต็ม “คอลัมน์ซอกแซก” เมื่อกลับมาเมืองไทยในสัปดาห์ต่อมา
...
ข้อเขียนชิ้นแรกเกี่ยวกับแฮมเบอร์เกอร์ดังยี่ห้อนี้ ได้รับการตีพิมพ์ใน ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2556 นับมาถึงวันนี้ เป็นเวลา 10 ปีกับ 3 เดือนโดยประมาณ
เนื้อหาสาระจากคำบอกเล่าของเพื่อนรุ่นน้องทั้ง 2 และค้นหาเพิ่มเติมบางส่วน สรุปได้ว่าร้านนี้ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ ค.ศ.2004 หรือ 9 ปี ก่อนวันที่หัวหน้าทีมจะไปยืนหน้าร้านแต่คิวยาวจนหมดสิทธิ์รับประทานดังกล่าว
ผู้ก่อตั้งได้แก่ นาย แดนนี่ ไมเออร์ ซึ่งปกติจะมีร้านขายอาหารอยู่แถวนั้นอยู่แล้ว แต่เนื่องจากทางเมืองนิวยอร์กเพิ่งปรับปรุง “สวนสาธารณะ” เก่าแก่แห่งนี้ขึ้นมาใหม่ โดยมีการออกแบบแบ่งสัดส่วนสำหรับตั้งรถเข็นขาย “ฮอตด็อก” และของกินเล็กๆน้อยๆ อยู่ 2-3 จุด ซึ่งนายไมเออร์ ก็มาประมูลขอขายฮอตด็อก กับเขาด้วยจุดหนึ่ง
แล้ววันหนึ่งในปี ค.ศ.2004 ทางการนิวยอร์กก็สร้างร้านมุงหลังคาขนาดไม่ใหญ่นักขึ้นร้านหนึ่งตั้งใจจะให้เป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มแบบถาวร นั่งรับประทานได้...คุณไมเออร์ก็เลยมาประมูล เปิดขายอาหารแทนรถเข็นฮอตด็อกนับแต่นั้นมา
แต่เพื่อให้มีเมนูเยอะขึ้น แกก็เพิ่มเป็นขาย “แฮมเบอร์เกอร์” ด้วย และเพื่อต่อสู้กับความรู้สึกของคนอเมริกันที่ว่าแฮมเบอร์เกอร์เป็น “อาหารขยะ” นอกจากไม่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ยังกลับจะเป็นพิษเอาเสียอีก
คุณไมเออร์ก็เลยออกแบบแฮมเบอร์เกอร์เสียใหม่ ใช้เนื้อที่ดีกว่าเนื้อบดทั่วไป มีขนาดใหญ่ขึ้นใส่ผักใส่เครื่องเคียงที่มีประโยชน์แก่ร่างกายมากขึ้น
แผล็บเดียวเท่านั้นก็มีเสียงร่ำลือไปทั้งนิวยอร์ก ว่า แฮมเบอร์เกอร์ของ Shake Shack มีคุณภาพดี อิ่มท้อง และมีประโยชน์ต่อร่างกายและในปี 2005 ปีเดียว หลังจากเปิดร้านอย่างเป็นทางการ แมกกาซีนด้านอาหารของนิวยอร์กก็ประกาศยกย่องให้แฮมเบอร์เกอร์ของร้านนี้เป็น “แฮมเบอร์เกอร์แห่งปี” ดังระเบิดไปทั่วอเมริกา
ข้อเขียนเมื่อ 10 ปีที่แล้วของหัวหน้าทีมซอกแซกจบลงด้วยบทสรุปว่า ณ ปี 2013 Shake Shack มีสาขาทั้งหมดในนิวยอร์ก 6 แห่ง และที่รัฐอื่นๆอีก 11 แห่ง รวมเป็น 17 แห่ง รวมทั้ง ขยายไปที่ตะวันออกกลางอีก 3 แห่ง ใน 3 ประเทศ
เทียบกับ แมคโดนัลด์ ซึ่ง ณ เวลาเดียวกันมีสาขากว่า 34,000 แห่ง ในสหรัฐฯและอีก 119 ประเทศทั่วโลก แล้วก็ถือว่าห่างกันไกล และโอกาสที่ Shake Shack จะมาทาบรัศมีแมคโดนัลด์คงยากมาก
10 ปี ผ่านไปไวเหมือนโกหก แมคโดนัลด์ขยายสาขาเป็น 40,031 สาขา ทั่วโลก แต่จำนวนประเทศยังอยู่ที่ 119 ประเทศเท่าเดิม
ในขณะที่ “Shake Shack” เพิ่มสาขาขึ้นเป็น 262 สาขาในสหรัฐฯและไปต่างประเทศรวม 141 สาขา ใน 14 ประเทศ ตัวเลข ยังห่างกัน เยอะเหมือนเดิม แต่ชื่อเสียงและความโด่งดังดูเหมือนจะแพ้ไม่มากเสียแล้ว โดยเฉพาะค่านิยมที่ว่ากินแล้วไฮคลาสกว่า มีคุณค่าต่อสุขภาพมากกว่า กลายเป็นว่า Shake Shack ชนะขาดลอย
ในอาเซียน Shake Shack มาที่สิงคโปร์เป็นประเทศแรกเมื่อ ค.ศ.2019 (พ.ศ.2562) และบัดนี้มีสาขาแล้วถึง 6 แห่ง ในสิงคโปร์
จากนั้นก็ไปมาเลเซีย และในที่สุดก็มาไทยโดยเปิดร้านแรกที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ บริเวณ อีเซตัน เก่า เมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา เป็นข่าวในสื่อมวลชนทุกๆแขนง
สรุป...ก็เป็นอันว่าหัวหน้าทีมซอกแซกได้มีโอกาสไปลิ้มรส Shake Shack แล้วเมื่อวันอาทิตย์ก่อนโน้น หลังจากเขียนล่วงหน้าและรอมา 10 ปีเต็ม รสชาติจะเป็นอย่างไรไม่ขอออกความเห็นนะครับ...แต่ในแง่ความทันสมัยและการได้สัมผัสกับของเด่นของดังระดับโลกถือว่า “บรรลุเป้าหมาย” แล้วทุกประการ (แม้จะแพงไปนิดเมื่อเทียบกับรายได้ของคนไทยก็ตาม)
...
“ซูม”