ในยุคที่อุตสาหกรรมดนตรีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจคือศิลปินคลื่นลูกใหม่ที่แจ้งเกิดผ่านบทเพลงฮิตต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเหล่านักดนตรี ผู้ที่มีพรสวรรค์และพรแสวงมากมายที่ผลิตผลงานเพลงออกสู่ตลาด เพื่อพิสูจน์ตัวเองในเส้นทางศิลปินมืออาชีพ เช่นเดียวกับ นิว-วิศรุต ณ นคร หรือ Newery (นิว-เวอ-รี่) ที่หลงรักในดนตรีและได้เริ่มต้นทำเพลงด้วยตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ เป็นที่รู้จักและได้ก้าวเข้ามาเซ็นสัญญาเป็นศิลปินคนใหม่ภายใต้สังกัดค่ายเพลงคนรุ่นใหม่อย่าง What The Duck

“กลิ่นดอกไม้หอมเย้ายวน ชวนให้ใจยังใฝ่หา...” ท่อนฮุคสั้นๆ ของเพลงกลิ่นดอกไม้ ได้กลายเป็นเพลงดังติดหูใครหลายคนโดยปริยาย เสียงนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์ ทำนองชวนฝันที่ทำให้หวนคิดถึงอดีต พร้อมกับเนื้อหาเพลงที่ใช้คำเปรียบเปรยได้อย่างคมคาย สามารถตีความเป็นเพลงสมหวังและผิดหวังได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้เพลง "กลิ่นดอกไม้" ของ Newery ได้รับความนิยมจากนักฟังเพลงรุ่นใหม่ มียอดชมบน YouTube สูงถึง 47 ล้านวิว และจำนวนสตรีมมิงบน Spotify อีกกว่า 15 ล้านครั้ง

ล่าสุด Newery มีผลงานเพลงใหม่ “ต่อจากคืนนี้ (ฉันจะไม่มีเธออีกแล้ว)” ปล่อยออกมาให้แฟนๆ ฟังกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยังคงคอนเซปต์เพลงรักที่เต็มไปด้วยอารมณ์เศร้าตามสไตล์ของ Newery พาทุกคนไปหวนคิดถึงค่ำคืนเหงาๆ ที่ความสัมพันธ์จบลงผ่านไลน์กีตาร์เพราะๆ ตอกย้ำความเสียใจ

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Newery ถึงจุดเริ่มต้นในการมาเป็นศิลปิน แรงบันดาลใจเบื้องหลังการสร้างสรรค์บทเพลง รวมไปถึงการตัดสินใจเข้ามาเป็นศิลปินสังกัด What The Duck ชวนมาทำความรู้จักเจ้าของเพลงความรัก (ที่ผิดหวัง) ที่ช่วยปลอบประโลมใจผู้ฟังให้มากขึ้น

...

ทำความรู้จัก Newery จากศิลปินอิสระทำเพลงเอง สู่น้องใหม่ค่าย What The Duck

Q : ฝันที่จะเป็นศิลปินมาตั้งแต่เด็กเลยไหม
เราไม่ได้ฝันจะเป็นศิลปินแต่เด็ก เพราะเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจ ขี้อาย แต่เราคลุกคลีกับดนตรีมาตั้งแต่เด็กมากกว่า พ่อส่งไปเรียนเปียโนตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ ก็เลยอยู่กับดนตรีตั้งแต่นั้นเรื่อยมา พอเรียนแล้วก็ชอบเหมือนกันนะ เหมือนเป็นความโชคดีที่แบบพ่ออยากให้เราเรียน แล้วเราชอบ ก็เลยคลุกคลีกับการเรียนเปียโน

Q : จุดเริ่มต้นที่ได้คลุกคลีกับดนตรีจริงจัง
ต้องย้อนไปช่วงมัธยมต้น เริ่มรู้จักกับคำว่าเขียนเพลง ช่วงประมาณ ม.1 ถึง ม.2 มันเริ่มง่ายๆ เลย บางทีไปโรงเรียน ระหว่างเดินทาง อยู่ๆ ก็ฮัมเพลงขึ้นมา ร้องเนื้อมั่วๆ หรือบางทีเราขี่จักรยานเล่นอยู่หน้าบ้านจะชอบฮัมเมโลดี้ ก็รู้สึกว่าสนุกว่ะ เลยเริ่มเขียนเนื้อเพลงมาตั้งแต่นั้น ซึ่งผมยังจำเพลงแรกที่แต่งเองได้ เป็นเพลงที่เอาไปสอบเข้า ม.ศิลปากรด้วยครับ จำชื่อเพลงไม่ได้ แต่จำเนื้อได้ ประมาณว่า “ก่อนเคยรักเธอสักแค่ไหน...

Q : คุณมีใครเป็นไอดอลในการทำเพลง
ถ้าในปัจจุบันจะชอบฟูจิอิ คาเซะ (Fujii Kaze) มากๆ เลย เพราะเขาเล่นเปียโนเก่งมาก แสดงบนเวทีดีมาก ร้องเพลงก็มีสไตล์เป็นของตัวเอง, ริวอิจิ ซากาโมโตะ (Ryuichi Sakamoto), โจ ฮิซาอิชิ (Joe Hisaishi) คนที่ทำเพลงประกอบการ์ตูนจิบลิ, โจว เจี๋ยหลุน (Jay Chou) นักร้องไต้หวัน เราก็ชอบนะ เขามีสไตล์และเอกลักษณ์ของตนเอง เพลงเขามีทำนองแบบเอเชีย ก็เลยได้อิทธิพลจากตรงนั้นมาเยอะ

ถ้าเป็นคนไทย ผมจะชอบศิลปินที่เขียนเนื้อเพลงเก่งๆ เช่น พี่แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข เขาเขียนเพลงที่มีความซับซ้อน มีการเปรียบเปรยลึกๆ ส่วนอีกคนหนึ่งก็จะเป็นนักแต่งเพลงเลย พี่บอย โกสิยพงษ์ รู้สึกว่าคำที่เขาใช้หรือทำนองมันสละสลวย ผมชอบสองคนนี้เป็นพิเศษครับ

Q : รู้สึกอย่างไรกับการเสียชีวิตของ ริวอิจิ ซากาโมโตะ นักประพันธ์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น หนึ่งในไอดอลของคุณ 
ผมมองว่าการสูญเสียเป็นเรื่องธรรมชาติ แม้ว่าเขาจากไป แต่ผลงานและความดียังอยู่ ยังคงฟังเพลงเขา ชื่นชอบเขาเหมือนเดิม ซึ่งเพลงของเขาก็มีอิทธิพลต่อเรา โดยเฉพาะเรื่องทำนองเพลงที่ฟังแล้วเชื่อมโยงกับอารมณ์ ส่งความรู้สึกถึงคนดูได้

...

Q : การค้นพบตัวเองช่วงเรียนมหาวิทยาลัย
ถ้าตอนปีหนึ่ง เรายังไม่ได้คิดว่าจะเป็นศิลปิน แค่เริ่มแต่งเพลงเป็น ก็เลยลองทำแล้วปล่อยเล่นๆ ดู ก็คือเพลง “หลงรัก” มีภาพปกง่ายๆ เพลงไม่ได้คุณภาพมากมาย แต่กลับมีผลตอบรับดี มีคนชอบ เราก็เลยเริ่มทำเพลงมากขึ้นและสนใจอยากทำงานเป็นศิลปิน

เราถนัดเล่นคีย์บอร์ด ก่อนหน้านี้เล่นแบ็กอัปด้วย ก็จะมีเล่นให้วงในคณะบ้าง เล่นให้ไม้หมอน (Maimhon) และก็พี่เจ-เจตมนต์ มละโยธา (Penguin Villa) พี่เจใจดีมากเลยครับ เหมือนเขาเป็นที่ปรึกษาเราด้วย บางทีเรามีอะไรก็ถามเขาเลย ไม่ว่าจะในเรื่องวิธีการทำเพลง วิธีการแต่งเพลง หรือบางทีเขาสนใจเพลง ก็มาคุยกับเราว่าเพลงนี้คิดจากอะไร แต่งจากอะไร

Q : จากแบ็กอัปสู่ศิลปินหน้าเวที รู้สึกอย่างไรบ้าง
จริงๆ ก็ไม่ได้กดดันมากขนาดนั้น เหมือนทำสิ่งที่เรามีความสุขในการที่ขึ้นเวทีไปร้องเพลงตัวเอง เล่นเพลงตนเอง แล้วเรารู้สึกมีความสุข 

Q : สังเกตว่าเพลงส่วนใหญ่ของคุณมักใช้คำเปรียบเปรย แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ส่วนตัวหรือเปล่า
เราก็ไม่ได้เป็นคนที่สมหวังในความรักขนาดนั้น มีความแอบชอบ แอบรัก พร่ำเพ้ออะไรบางอย่าง เหมือนเป็นเนิร์ดที่แอบชอบคนนู้นคนนี้ เนื้อหาเพลงเลยเอามาจากเรื่องของตัวเองบ้าง คนรอบข้างบ้าง หนัง นิยาย สิ่งต่างๆ ที่เรารู้สึกว่าเรื่องราวตรงนั้นมันโดนใจ เรื่องที่อินมากๆ สมมติว่าดูหนังเรื่องหนึ่งมา แล้วอินเรื่องนี้มากๆ เลย อินประโยคนี้มากๆ เหมือนมันเชื่อมโยงกับชีวิตเราด้วย เราก็เลยไปหยิบจับตรงนั้นมาเขียนเพลงครับ

...

Q : ที่มาของเพลง “กลิ่นดอกไม้” เพลงที่กลับมาฮิตอีกครั้งบน TikTok
แรกเริ่มเลย น่าจะแต่งช่วงกำลังเรียนปี 1-2 ผมนั่งเล่นเปียโนในคณะดุริยางค์ เล่นเป็นวันๆ เลย นั่งฮัมเพลงไปเรื่อยๆ ก็ได้ทำนองชุดหนึ่งขึ้นมา รู้สึกว่าชอบมาก มันใช่มากๆ เลยเอาทำนองมาคิดต่อยอดเพิ่มว่าทำนองนี้ควรจะเป็นเนื้อหาเพลงประมาณไหนดี

พอคิดไปคิดมา ทำไมเรารู้สึกถึงความเป็นเอเชีย มวลบรรยากาศความคิดถึงอะไรบางอย่าง เลยเขียนเพลงเกี่ยวกับความคิดถึง รู้สึกว่ามันเข้ากับเมโลดี้นี้มากเลย เลยได้เรื่องของดอกไม้เข้ามาในเพลง

Q : ทำไมถึงเลือกเปรียบผู้หญิงกับดอกไม้ในเพลงนี้
เหมือนพอเป็นเรื่องของดอกไม้ ก็จะนึกถึงผู้หญิง มันเป็นการเปรียบเปรยเรื่องกลิ่น เหมือนกับว่า ในทุกๆ วัน เราสูดดมกลิ่นดอกไม้ทุกวัน เจอดอกไม้ทุกวัน แต่วันหนึ่งมันหายไป แล้วกลิ่นมันก็ค่อยๆ เลือนรางหายไป เปรียบได้ทั้งเรื่องของบรรยากาศ ความทรงจำ ทั้งหมดเลยที่เป็นตัวเขา เหมือนมันค่อยๆ หายไป เราก็นำมาเปรียบเปรยกับความคิดถึงครับ

Q : ชาวเน็ตเถียงกันว่าตกลง “กลิ่นดอกไม้” เป็นเพลงรักหรือเศร้ากันแน่
จริงๆ เราเขียนด้วยประสบการณ์ของเราที่ออกห่างจากคนคนหนึ่งไปไกลมาก แล้วก็คิดถึงเขามากเลย จุดเริ่มต้นมันคือ การบรรยายความคิดถึงแล้วก็ความทรงจำต่างๆ ในเพลง ตอนเขียนก็อาจจะมีความหวังว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมานะ

เราเขียนด้วยความรัก ความคิดถึง เฝ้ารอเธอกลับมา แต่บางวันก็อาจจะรู้สึกว่าสิ้นหวัง เหมือนเป็นเพลงปลายเปิด จบด้วยความคิดถึง แต่ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ว่าฟังแล้วเศร้าหรือมีความหวัง แต่สำหรับผม ผมว่ามันคือเพลงเศร้านะ เพราะว่าประโยคสุดท้ายมันสรุปทุกอย่างแล้ว แบบว่า “ไม่กลับคืนมา” นับว่าเป็นเพลงเศร้าที่มองโลกในแง่ดีแล้วกันครับ

...

Q : แล้วถ้าให้ลองเปรียบเปรยตัวเอง จะเปรียบเป็นอะไร
อยากเปรียบตัวเองเป็น “ดอกคัตเตอร์ครับ” เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงการมีน้ำใจ แม้ตัวเองไม่โดดเด่น ไม่ได้งดงาม แต่ก็ทำให้คนอื่นดูงดงามขึ้นได้ “แม้คุณจะไม่มองฉัน แต่ฉันจะมีแต่คุณเสมอ” เราเป็นคนที่ชอบให้ชอบแบ่งปัน เพราะเวลาเห็นคนที่ได้รับมีความสุขเราจะรู้สึกอิ่มใจมากครับ

Q : เล่าจุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจเซ็นสัญญากับค่าย What The Duck ให้ฟังหน่อย
ช่วงที่เราทำเพลงอิสระเอง ก็เหมือนไม่มีคนคอยแนะแนวและชี้ทาง เราก็งมของเราไปเรื่อยๆ ลองทำนู้นนี่ดู จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว อยากเติบโตด้วย เราอาจจะทำเหมือนเดิมก็ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้ไกลไหม เหมือนการโยนหินถามทาง ก็เลยตัดสินใจมาอยู่ค่ายดีกว่า เพราะจะมีคนคอยซัพพอร์ตในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ ทั้งเรื่องทำเพลงและการตลาด ซึ่งตอนนั้นพี่บอล-ต่อพงศ์ จันทบุบผา หนึ่งในผู้บริหาร ได้ชวนให้เข้ามาอยู่ในค่าย ก็คิดนิดหน่อยนะครับ แต่จริงๆ แล้วเปอร์เซ็นต์ก็เอนมาทางเขา เพราะชื่นชอบค่ายนี้อยู่แล้วครับ

Q : การเป็นศิลปินอิสระแตกต่างจากการเป็นศิลปินมีสังกัดค่ายเพลงอย่างไร
ก่อนหน้านี้ที่เราเป็นอิสระ การทำเพลงไม่ค่อยมีแบบแผน เหมือนเลื่อนไทม์ไลน์ไปเรื่อยๆ เพราะบางทีก็เหนื่อยบ้าง ตันบ้าง แต่พอมาอยู่ค่ายแล้วเหมือนมีเป้าหมาย อย่างแพลนที่วางไว้เราอยากทำอัลบั้มอีพี ก็เห็นภาพมันชัดขึ้น เพราะมันมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ต้องทำเพลงไหน ปล่อยเมื่อไร ทำให้กระตือรือร้นขึ้น ถ้ามองในอนาคตก็อยากมีคอนเสิร์ต อาจจะเริ่มเป็นคอนเสิร์ตเปิดอีพีอัลบั้ม มันก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น ถ้าเราอิสระก็อาจจะยากเกินครับ

Q : ล่าสุดคุณเพิ่งปล่อยเพลงใหม่ “ต่อจากคืนนี้ (ฉันจะไม่มีเธออีกแล้ว)”
ใช่ครับ เพลงที่เล่าเรื่องราวของคนเป็นคู่รักกัน เมื่อคนหนึ่งตัดสินใจบอกเลิก ความรู้สึกของอีกฝ่ายก็คือโลกมันเทาลง เมื่อรับรู้ว่าเขาจะไม่อยู่กับเราแล้ว เขาจะไปจากเรา เปรียบเทียบว่าสิ่งรอบตัวก็ยังสวยงามเหมือนเดิม แต่เรากลับมองเห็นว่ามันเทาขึ้นเรื่อยๆ 

แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากการได้อ่านเรื่องราวของคนที่มีอาการซึมเศร้า ที่การมองโลกมันจะมืดและเทาลง ทุกอย่างยังคงสวยงาม แต่ในมุมมองนั้นเหมือนมันหม่นหมองลง

Q : มีวิธีรับมือกับความเศร้าอย่างไร สำหรับผู้ที่ผิดหวังในความรักแล้วได้ฟังเพลงของคุณ
ยอมรับความจริง อยู่กับปัจจุบัน ปล่อยอดีตที่ผ่านไป และพยายามมองโลกในแง่ดีครับ 

Q : สุดท้ายนี้ ฝากผลงานของ Newery ที่ได้ก้าวมาสู่ New Chapter หน่อย
ต่อจากคืนนี้ (ฉันจะไม่มีเธออีกแล้ว)” เป็นเพลงที่มีความพิเศษ ผมไม่ได้โปรดิวซ์คนเดียว ผมได้ร่วมงานกับเพื่อนสนิทด้วย จริงๆ เขาช่วยทำมาตั้งแต่เพลง “หลงรัก” เรียกได้ว่าเป็นคู่หูในการทำเพลงเลย ในส่วนของผมก็ยังแต่งเนื้อเพลงเป็นหลักครับ

ผมคิดว่าทุกคนน่าจะชอบกันนะ เป็นเพลงที่ผมกับเพื่อนตั้งใจทำกันมากๆ โดยเฉพาะพาร์ทดนตรีของเพลงนี้จะมีความแปลกใหม่ต่างจาก Newery แบบเดิมๆ เหมือนเป็น New Chapter ที่อยากให้ทุกคนลองติดตามฟังกัน คิดว่าเศร้าแน่นอนครับ

ต่อจากคืนนี้ (ฉันจะไม่มีเธออีกแล้ว) เพลงรักที่ผิดหวังใหม่ล่าสุดของ Newery ฟังได้แล้วผ่านสตรีมมิงทุกแพลตฟอร์ม หากใครที่กำลังตกอยู่ในสภาวะโดนทิ้ง เศร้า หรือเขาจากไปแล้ว แนะนำให้เตรียมทิชชูไว้ แล้วคลิกชมมิวสิกวิดีโอพร้อมกันได้ที่นี่

เรื่อง : สตรีรัตน์ ฤกษ์บางพลัด
ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :