The Glory ซีรีส์ล่าสุดของซงฮเยคโยบน Netflix ได้กลายเป็นกระแสไวรัลบนโซเชียลในช่วงหยุดปีใหม่ ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น แต่เดินเรื่องกระชับพร้อมทิ้งปมได้อย่างน่าสนใจและชวนติดตาม

The Glory เป็นการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของดาราสาว ซงฮเยคโย ในบท มุนดงอึน ผู้ซึ่งมีจิตใจบอบช้ำแตกสลายจากการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัสจากเพื่อนร่วมโรงเรียนสมัยมัธยม แถมยังไร้ซึ่งการเหลียวแลเอาใจใส่จากผู้เป็นแม่ที่เห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตลูก เธอจึงสะสมความแค้นเหล่านี้เอาไว้เพื่อรอวันเอาคืนกลับอย่างสาสม แม้ต้องใช้ความอดทนจนกินเวลาไปหลายสิบปีก็ตาม

ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยดูซีรีส์แนวล้างแค้นมานับไม่ถ้วน แต่ The Glory แตกต่างออกไป เพราะไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการแก้แค้นที่มีรูปแบบตายตัวและซ้ำซากจำเจ โดยซงฮเยคโยแง้มให้ฟังถึงธีมหลักของซีรีส์ว่า “มีหลายประโยคที่โดนใจฉัน แต่ประโยคที่โดนใจมากที่สุดก็คือ ‘ไม่มีการให้อภัย และไม่จำเป็นต้องคงไว้ซึ่งเกียรติยศเช่นกัน’ แม้ว่ามุนดงอึนจะเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่โหดร้ายมากๆ แต่เธอเองก็กลายเป็นคนที่ลงมือผ่านการแก้แค้นของเธอได้เหมือนกันค่ะ”

...

ด้านนักเขียนบทอย่าง คิมอึนซุก ซึ่งเคยมีผลงานซีรีส์ร่วมกันกับซงฮเยคโยจากเรื่อง ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ (Descendants of the Sun) มาแล้ว เผยว่า The Glory จะไม่ดำเนินเรื่องราวที่เบี่ยงเบนไปจากจุดประสงค์แรกเริ่มของตัวละคร ซึ่งหมายถึงเป้าหมายล้างแค้นอันแยบยลของมุนดงอึนนั่นเอง นอกจากนี้ ผู้กำกับอันกิลโฮยังมั่นใจว่าผู้ชมจะได้รับความรู้สึกที่แตกต่างออกไปหลังจากได้ชม นั่นคือจะ “รู้สึกสาแก่ใจที่เห็นตัวละครต่างพากันจมสู่ก้นบึ้งแห่งความหายนะ”

The Glory นั้นแบ่งออกเป็น 2 ภาค โดยภาคที่ 1 เริ่มสตรีมตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่วนภาคที่ 2 จะสตรีมในเดือนมีนาคม 2566 โดยตัวซีรีส์จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้แค้นของเหล่าอดีตนักเรียนมัธยมที่ต่างพากันจมลงสู่ความพินาศ นักเขียนบทคิมอึนซุกได้ไอเดียต่อยอดจากประเด็น “ความรุนแรงในโรงเรียน” ระหว่างที่คุยกับลูกสาวซึ่งกำลังจะขึ้นชั้นปี 1 ในโรงเรียนมัธยมปลาย โดยลูกสาวของเธอถามว่า “คุณแม่จะรู้สึกแย่กับอะไรมากกว่ากัน ระหว่างการที่หนูเป็นคนกลั่นแกล้งรังแกคนอื่น หรือการที่หนูโดนรังแกเสียเอง” คำถามนี้สร้างภาพอันน่าหวาดวิตกแก่คนเป็นแม่ซึ่งเป็นนักเขียนช่างจินตนาการ เธอจึงศึกษาเรื่องราวของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในโรงเรียนอย่างลงลึก กระทั่งได้พบกับสารพันอารมณ์และความคับแค้นที่กำลังรอให้ได้รับการเล่าขานออกไป

ประเด็นสำคัญที่เธอต้องการนำเสนอไม่ใช่การเชิดชูพฤติกรรมของผู้กระทำผิด แต่เธออยากสื่อสารให้ชัดเจนว่าสิ่งที่เหยื่อต้องการนั้นไม่ใช่เงินชดเชย ทว่าเป็นการขอโทษจากใจจริง ซึ่งเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีเพียงหนึ่งเดียวที่จะทำให้พวกเขาได้ความหมายของการมีชีวิตอยู่กลับคืนมา ด้านผู้กำกับอันกิลโฮกล่าวเพิ่มเติมว่า บทซีรีส์เรื่องนี้เขียนได้ดีมากจนเหมือนได้นั่งอ่านนิยายดีๆ เล่มหนึ่ง เพราะ “บทมีพร้อมทุกอย่าง ผมแค่ต้องนำเสนอมันอย่างตรงไปตรงมา และไม่ลดทอนประเด็นใดๆ ไปเท่านั้นเอง”

ส่วนซงฮเยคโยเผยว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะถ่ายทอดบทบาทของเหยื่อที่เคยผ่านอดีตอันโหดร้ายเช่นนี้ เธอกล่าวว่า “ฉันไว้ใจผู้กำกับอันกิลโฮมากในการถ่ายทอดเรื่องราวของมุนดงอึนค่ะ เพราะว่าเราทั้งคู่วาดภาพลักษณะของตัวละครไว้ตรงกัน และมองภาพเดียวกันอยู่เสมอ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันมั่นใจในการแสดงค่ะ”

นักแสดงคนอื่นๆ ยังเปิดเผยอีกว่า พวกเขาทุกคนมุ่งมั่นที่จะดำลึกลงไปสู่ “ความมืดมน” ของจิตใจเพื่อซีรีส์เรื่องนี้ ตัวอย่างเช่น พัคซองฮุน มักจะเตรียมแนวทางการแสดงที่แตกต่างกันราวไว้ 4-5 แบบสำหรับฉากที่เขาต้องรับบทเป็นตัวร้ายที่เต็มไปด้วยแรงจูงใจและสภาพอารมณ์ที่ซับซ้อน

ด้านอีโดฮยอนได้อธิบายถึงคาแรกเตอร์ จูยอจอง ว่า “เป็นตัวละครที่มีหลากหลายมิติ ถึงแม้ว่าเขาจะมีท่าทางที่ดูไร้เดียงสาก็ตาม” ซึ่งเจ้าตัวก็เสริมว่าตัวละครของตนนั้นมีทั้งด้านที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อน แต่ก็มีด้านมืดที่ซ่อนอยู่ในบทบาทเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้กำกับอันกิลโฮ กล่าวยกย่อง อีโดฮยอน ที่พาตัวเองให้เข้าถึงบทบาทที่ได้รับ และเป็นการส่งพลังให้ตัวละครดงอึนอีกทางหนึ่ง โดยกล่าวว่า “เขาได้กลายเป็นตัวละคร ยอจอง อย่างสมบูรณ์ ซึ่งบทบาทอาจดูเหมือนอยู่คนละขั้วกับ ดงอึน ในช่วงแรก แต่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อปมต่างๆ เริ่มเผยออกมามากขึ้น”

...

อิมจียอน ซึ่งแสดงเป็น พัคยอนจิน หนึ่งในผู้กระทำความผิดจากเหตุการณ์ความรุนแรงในโรงเรียน เผยว่า มั่นใจกับรับบทบาทสุดท้าทายในการแสดงครั้งนี้ เธอกล่าวว่า “ฉันต้องการสร้างตัวร้ายที่มีแต่ฉันเท่านั้นที่เล่นได้ ถ้าฉันกับ พัคยอนจิน กลายเป็นคนคนเดียวกัน ตัวละครตัวนี้จะต้องออกมาเจ๋งอย่างแน่นอน” นอกจากนี้ นักเขียนบท คิมอึนซุก ได้ปรบมือให้อิมจียอนกับการรับบทตัวละครที่มีความซับซ้อนและเอาแต่ใจ ในขณะที่เจ้าตัวเองก็เห็นด้วยกับมุมมองของคิมอึนซุกที่ว่า “การกระทําที่เลวร้ายของยอนจินนั้นอธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผลใดทุกประการ และนี่คือเหตุผลทั้งหมดของซีรีส์เรื่องนี้”

เรียกได้ว่าใครที่ชอบดูซีรีส์ หรือภาพยนตร์แนวล้างแค้นเพื่อความสะใจ The Glory ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน.