จากเหตุการณ์ “เรือหลวงสุโขทัย” อับปางกลางทะเลอ่าวไทย เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค. 2565 ส่งผลให้มีลูกเรือสูญหาย 30 คน และมีผู้รอดชีวิตมาเผยถึงนาทีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้
สาเหตุที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยเอียงจนอับปางในเวลา 23.30 น.ของคืนวันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2565 มาจากคลื่นลมแรง จนทำให้มีน้ำทะเลบางส่วนไหลเข้าระบบเครื่องไฟฟ้าผ่านท่อไอเสียข้างเรือ จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับ และส่งผลต่อเครื่องจักรใหญ่หยุดทำงานเป็นเหตุให้เรือไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงและอับปางในเวลาต่อมา โดยจมลงก้นทะเลทั้งลำ ที่ระดับความลึกราว 40 เมตร เขตพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากฝั่งไปประมาณ 19 ไมล์ทะเล
นาทีชีวิตบนเรือหลวงสุโขทัย
นาวาโท พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผู้บังคับการเรือหลวงสุโขทัย เผยว่าเรือออกจากสัตหีบ และลอยลำอยู่กลางทะเล 1 วัน จากนั้นเจอพายุที่มีคลื่นลมแรงมาก โดยผู้การเรือฯ ยืนยันว่าในรอบ 10 ปี ไม่เคยเจอมาก่อน และในระหว่างนั้นได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาตามลำดับ ครบทุกขั้นตอน และแจ้งขอเดินเรือกลับสัตหีบ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดปัญหาคลื่นลมแรง จึงขอเข้าจอดจุดหลบที่บางสะพาน แต่ไปไม่ถึงเป้าหมาย
"เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็วมาก เริ่มจากกราบเรือด้านซ้ายเอียงก่อน ทำให้ไม่สามารถปล่อยแพชูชีพได้ ในขณะที่กราบขวาก็เผชิญกับคลื่นลมแรงอีก การเปิดใช้แพชูชีพเป็นไปค่อนข้างลำบาก ซึ่งได้ทำตามทุกขั้นตอนแล้ว พยายามเต็มที่ในการแก้ปัญหาในนาทีวิกฤติ แล้วประคองเรือไม่ให้จมจนสุดความสามารถ แต่สุดท้ายก็ต้องสละเรือ"
...
ผู้ประสบภัยรายหนึ่งให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวอ้างว่า หลังจากมีคำสั่งสละเรือ ตนได้ว่ายอ้อมเรือเข้าหาแพยางขนาดใหญ่ เพื่อลอยคอรอความช่วยเหลือ คนที่ขึ้นบนแพได้มีโอกาสรอดมากกว่า เพราะบนแพมีไฟส่องสัญญาณขอความช่วยเหลือ ที่ชุดชูชีพก็มีระบบไฟส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเช่นกัน แต่มองเห็นยากในทะเลที่คลื่นแรง ตนพยายามจะยื้ออยู่บนเรือจนเกือบเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนเรือจมลง ต้องลอยคออยู่ในน้ำนานกว่า 3 ชั่วโมง ถึงได้รับการช่วยเหลือ ในส่วนที่ยังหาไม่เจอเท่าที่ทราบบางคนไม่มีชูชีพสวมใส่ เนื่องจากกำลังพลบนเรือ 106 นายนั้น ไม่ใช่เฉพาะลูกเรือ ร.ล.สุโขทัย เท่านั้น แต่ยังมีหน่วยงานสังกัดอื่นของกองทัพเรือเข้าร่วมด้วย เป็นเหตุให้ชูชีพไม่พอกับจำนวนคนบนเรือ ขณะเกิดเหตุตนก็ไม่ได้สวมชูชีพ เนื่องจากหยิบไม่ทัน อาศัยเกาะลอยตัวไปกับคนที่มีชูชีพด้วยจนได้รับการช่วยเหลือ เพราะชูชีพตัวหนึ่งสามารถเกาะด้วยกันได้ 4-5 คน
จ.ท.ภัทราวุฒิ มาราม ลูกเรือ ร.ล.สุโขทัย กล่าวว่า ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำที่ใบหน้าและมีบาดแผลที่แขนทั้งสองข้างจากเหตุชุลมุน ช่วงที่น้ำเข้าเรือจนเรือเอียง คลื่นซัดเรือจนเรือโยกไปมา ร.ล.กระบุรี พยายามเข้าให้การช่วยเหลือแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะคลื่นสูง 4-5 เมตร คลื่นแรงจนเรือกระแทกกัน ต้องรอจน ร.ล.สุโขทัย จมลงก่อนถึงจะช่วยเหลือลูกเรือได้สำเร็จ ตนรับราชการมาเกือบ 2 ปี ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่คลื่นลมแรงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
พ.จ.อ.ธวัชชัย เตระวัตร ลูกเรือ ร.ล.สุโขทัย กล่าวด้วยว่า บาดเจ็บนิ้วมือข้างขวาหัก มีอาการชาที่แขน เบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว ช่วงเกิดเหตุพยายามลงไปปิดประตูผนึกไม่ให้น้ำเข้าเรือ ขณะนั้นน้ำท่วมถึงอก เรือใกล้จมแล้ว ตนพยายามช่วยเพื่อนได้ 4 คน ขณะเกิดเหตุคลื่นแรงทำให้ต้องกระแทกกับเรือจนบาดเจ็บดังกล่าว
...
สำหรับกำลังพลที่อยู่บนเรือมีจำนวน 105 นาย แบ่งเป็น 1. กำลังพลประจำเรือหลวงสุโขทัย จำนวน 76 นาย ช่วยเหลือได้แล้ว 58 นาย ยังสูญหาย 18 นาย 2. กำลังพลนาวิกโยธิน จำนวน 15 นาย ช่วยเหลือได้แล้ว 7 นาย ยังสูญหาย 8 นาย 3. กำลังพลจาก สอ.รฝ. จำนวน 15 นาย ช่วยเหลือได้แล้ว 11 นาย ยังสูญหาย 4 นาย รวมกำลังพลที่ช่วยเหลือได้แล้วขณะนี้ 76 นาย ยังสูญหายรวม 30 นาย
ทั้งนี้ เรือหลวงกระบุรี ได้ออกจากท่าเรือน้ำลึกบางสะพานไปเมื่อช่วงเวลาประมาณ 08.30 น. เพื่อปฏิบัติภารกิจการค้นหาฯ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ซึ่งในวันนี้จะมีการปฏิบัติร่วมกับ ร.ล.อ่างทอง, ร.ล.ภูมิพล และ ร.ล.นเรศวร พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์จากกองทัพเรือ นอกจากนี้ ทางตำรวจน้ำจะร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยค้นหาตามแนวชายฝั่งร่วมด้วย