ทำลายสถิติโลกด้วยตัวเลขการหย่าร้างที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 76,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับ การหย่าช็อกโลกระหว่าง “บิล เกตส์” และ “เมลินดา เกตส์” เมื่อกลางปี 2021 ส่งผลให้เจ้าพ่อไมโครซอฟท์จนลงทันตาเห็นร่วงลงไปอยู่อันดับสี่ของทำเนียบบิลเลียนแนร์โลก
ทั้งๆที่แต่งงานอยู่กินกันมา 27 ปี และมีลูกด้วยกัน 3 คน แต่สุดท้ายฝ่ายหญิงก็ทนนอนร่วมเตียง ด้วยไม่ไหว ลุกขึ้นเป็นฝ่ายขอหย่า!! โดยพฤติกรรมฉาวของเจ้าพ่อไมโครซอฟท์ ที่คาดว่าจะเป็นปมหย่าร้าง หนีไม่พ้นการชอบทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด เคสที่ลือลั่นที่สุดก็เห็นจะเป็นถูกจับได้ว่ามีสัมพันธ์ชู้สาวกับพนักงาน ไมโครซอฟท์ โดยสำนักข่าววอลล์สตรีท เจอร์นัล ตีแผ่ว่า ในปี 2019 มีพนักงานสาวรายหนึ่งของไมโครซอฟท์เขียนจดหมายร้องเรียนถึงบอร์ดบริหาร อ้างว่าเธอและบิลเริ่มมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวตั้งแต่ปี 2000 เรื่องฉาวดังกล่าวทำให้คณะกรรมการบริหารของไมโครซอฟท์ ตัดสินใจจ้างสำนักงานกฎหมายทำการสืบสวนอย่างละเอียด และลงความเห็นว่า “บิล เกตส์” ควรลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท แต่มติที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังคงไว้วางใจให้เขานั่งเก้าอี้ต่อไป
...
กระนั้น ในปี 2020 จู่ๆเจ้าพ่อไมโครซอฟท์ก็ตัดสินใจลาออกจากบอร์ดบริหารด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าต้องการโฟกัสที่งานการกุศลให้เต็มที่ ทั้งๆที่การสืบสวนเรื่องปมชู้สาวยังไม่คลี่คลาย มีเพียงถ้อยแถลงสั้นๆจากโฆษกส่วนตัวระบุว่า เรื่องชู้สาวนี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว และจบลงด้วยดี ส่วนการตัดสินใจลาออกของ “บิล เกตส์” ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้
เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ยังมีเรื่องชู้สาวกับพนักงานในบริษัทอีกหลายเคส หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2008 หลังจาก “บิล เกตส์” เข้าประชุมและฟังการนำเสนอของพนักงานหญิงคนหนึ่ง เขาออกมาส่งอีเมลหาพนักงานคนดังกล่าวเพื่อชวนไปดินเนอร์ โดยออกตัวว่า ถ้าสิ่งนี้ทำให้คุณไม่สบายใจ ก็แกล้งทำเป็นว่าไม่เคยเกิดขึ้น
...
อาการขี้หลีของเจ้าพ่อไมโครซอฟท์ออกฤทธิ์เป็นระยะๆ ถึงขนาดที่พนักงานหญิงอย่างน้อย 6 คน ของไมโครซอฟท์, มูลนิธิและบริษัทบริหารสินทรัพย์ของบิล เกตส์ ออกมาแฉเป็นเสียงเดียวกันว่า เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานน่าอึดอัด เขามักเข้าประชิดตัวและกระซิบชวนพนักงานสาวๆไปดินเนอร์ด้วย
คนใกล้ตัวของเจ้าพ่อไมโครซอฟท์ก็มีพฤติกรรมเข้าข่ายขี้หลี หนึ่งในนั้นคือ “ไมเคิล ลาร์สัน” ผู้จัดการสินทรัพย์คู่บุญของตระกูล เกี่ยวข้องกับข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ โดย “บิล เกตส์” มีส่วนช่วยปกปิดและจ่ายเงินปิดปากเหยื่อ ส่วนที่พีกสุดคือ การที่เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ถูกเปิดโปงว่าสนิทสนมซี้ปึ้กกับ “เจฟฟรีย์ เอปสตีน” อาชญากรทางเพศที่ใช้อำนาจและเงินตราทำความผิดร้ายแรงต่อเนื่อง โดยตกเป็นผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดทางเพศและค้ามนุษย์ คอยจัดหาเด็กสาวส่งให้มหาเศรษฐีและผู้มีชื่อเสียง หมอนี้เข้ามาคบค้าใกล้ชิดกับ “บิล เกตส์” ตั้งแต่ปี 2011 ดูเหมือนความสนิทสนมกับพ่อค้ากามชั้นสูงที่ถูกสื่อเปิดโปงเมื่อปลายปี 2019 จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้ “เมลินดา เกตส์” เลือดเข้าตา และเริ่มปรึกษาทนายความเพื่อรวบรวมหลักฐานเตรียมฟ้องหย่าสามี จนนำไปสู่การแบ่งทรัพย์สิน และหย่าร้างกันอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน พ.ค.2021
...
“เมลินดา เกตส์” ทิ้ง “บิล เกตส์” ไว้กับคำอาลัยสุดท้ายในทวิตเตอร์ “เรายังคงมีมิชชันเดียวกัน และทำงานด้วยกัน ที่มูลนิธิ แต่เราไม่เชื่อว่าจะสามารถเติบโตไปด้วยกันในฐานะสามีภรรยาอีกต่อไป จึงตัดสินใจจะยุติชีวิตสมรสไว้เพียงเท่านี้ เราขอพื้นที่และความเป็นส่วนตัวสำหรับครอบครัวเรา เพื่อที่พวกเราจะเริ่มจัดการกับชีวิตใหม่”
...
อย่างไรก็ดี ใช่ว่า 27 ปี ที่ครองรัก กันจะไร้ความหมาย “เมลินดา เกตส์” เคยแสดงความรู้สึกถึงสามีไว้อย่างลึกซึ้ง กินใจว่า “ถึงบิลผู้เป็นสามีและคู่ชีวิตของฉัน บทเรียน สำคัญที่สุดในชีวิต คือสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ร่วมกับคุณ ศรัทธา ที่คุณมีต่อการเติบโตของฉัน ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของคุณ และการมองโลกในแง่ดีของคุณที่มีต่อการทำงานร่วมกันของเราจัดอยู่ ในกลุ่มพลังที่หล่อเลี้ยงชีวิตของฉันอย่างดียิ่ง ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่มีคุณเป็นผู้ร่วมคิดตลอดการผจญภัย ในชีวิตนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยเป็นคำพูดได้”
หลายคนรู้จัก “เมลินดา เกตส์” ในฐานะประธานร่วมของมูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์ เป็นลูกจ้างรุ่นบุกเบิกของไมโครซอฟท์ ที่ “บิล เกตส์” เป็นผู้ก่อตั้ง แต่คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ว่าเธอคือ “นักสตรีนิยมตัวยง” ที่ลุกขึ้น ตะโกนเรียกหาความเท่าเทียมในสังคม และต่อต้านความไม่เสมอภาคทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่ในบ้าน
“...ระหว่างเดินทางไปทั่วโลกนาน 20 ปี เพื่อทำงานให้มูลนิธิฯ ฉันสงสัยว่า เราจะสร้างช่วงเวลาแห่งการยกตัวขึ้นในหัวใจมนุษย์เพื่อให้ทุกคนอยากยก “ผู้หญิง” ขึ้นได้อย่างไร เท่าที่เจอมีผู้หญิงกับเด็กหญิงอีกมากที่ยังขาดสิทธิ์หลายอย่าง ตั้งแต่สิทธิ์ในการตัดสินใจจะแต่งงานหรือไม่, จะแต่งงาน ตอนไหน, จะแต่งงานกับใคร, แต่งงานแล้วจะมีลูกหรือไม่, จะมีลูกตอนไหน ยังไม่นับรวมสิทธิ์การไปโรงเรียน, หารายได้, ทำงานนอกบ้าน, ใช้เงินของตัวเอง, วางแผนเริ่มต้นธุรกิจ, กู้เงิน, เป็นเจ้าของอสังหาฯ, หย่าสามี, สมัครเลือกตั้ง, ขับรถ, ขี่จักร ยาน, เรียนคอมพิวเตอร์ และเรียนต่อมหาวิทยา ลัยเหล่านี้เป็นสิทธิ์ที่ผู้หญิงในบางพื้นที่ของโลกไม่ได้รับ”
ยิ่ง “เมลินดา” หมกมุ่นกับความคิดจะปลุกพลังหญิงให้ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ เธอก็ยิ่งถอยห่างจากสามีไปมากเท่านั้น เผลอหันหลังกลับมาอีกที ก็กลายเป็นคนแปลกหน้าที่เหินห่างซะแล้ว ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว แต่ “เมลินดา” ได้กำหนดสิทธิ์ของตัวเอง และเรียกร้องความเสมอภาคในบ้านมาตั้งแต่เริ่มต้นสร้างครอบครัวแล้ว
“ฉันทำงานที่ไมโครซอฟท์ 9 ปี ในตำแหน่งหลากหลาย จนได้เป็นผู้จัดการทั่วไปของแผนกผลิตภัณฑ์ข้อมูล หลังจากฉันกับบิลแต่งงานกันเกือบ 2 ปี เราเดินทางไปจีน ฉันรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ จึงหาโอกาสคุยกับบิลเพื่อบอกเขาว่า “หลังคลอดลูกแล้ว ฉันจะไม่ทำงานต่อ ฉันจะไม่กลับไปอีก” เขาอึ้งไปเลย “คุณหมายความว่ายังไงจะไม่กลับไปอีก” ฉันเลยย้ำว่า “เราโชคดีที่ไม่ต้องพึ่งรายได้ของฉัน ฉะนั้นก็ขึ้นกับว่าเราอยากสร้างครอบครัวยังไง คุณคงไม่ทำงานน้อยลงแน่ๆ ส่วนฉันก็ไม่เห็นทางที่จะทุ่มเททำงานให้ดีและสร้างครอบครัวไปพร้อมกัน” นับจากวันนั้นเธอก็ไม่เคยกลับไปทำงานที่ไมโครซอฟท์อีกเลย.
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ