ไม่ธรรมดาเลยที่ประเทศไทยจะได้รับเสียงชื่นชมจากผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ “UNDP” ว่าเป็นต้นแบบของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลาย ต้องยกเครดิตให้ 3 องค์กรหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่อย่าง “แสนสิริ”, “ดีแทค” และ “ยูนิลีเวอร์” ที่ผนึกกำลังกันต่อเนื่องเป็นปีที่สาม เพื่อมุ่งสร้างสังคมที่ความเท่าเทียมกลายเป็นมาตรฐานในทุกมิติ
...
“ความเท่าเทียมไม่ใช่เรื่องของใครคนใด คนหนึ่ง มีมิติที่หลากหลาย ทั้งเรื่องเพศ, อายุ, เชื้อชาติ, ศาสนา และสถานะทางสังคม ทำคนเดียวไม่ได้ ผมเชื่อว่าความร่วมมือกับองค์กรใหญ่ระดับโลกอย่าง UNDP, ดีแทค และยูนิลีเวอร์ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ภาคส่วนอื่นๆมาร่วมสร้างการเปลี่ยน แปลง ผมเชื่อว่าทุกมิติของชีวิตคือเรื่องความเท่าเทียม จึงให้ความสำคัญจริงจัง และขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมมาตลอด โดยแสนสิริเป็นสะพานเชื่อมพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมในทุกมิติ และสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สังคมไทย ในฐานะองค์กรแรกในไทย และ 1 ใน 200 บริษัทชั้นนำโลก ที่ร่วมลงนามในสัญญา “UN Global Standards of Conduct for Business” แสนสิริเปิดกว้างรับพนักงาน LGBTQ+ และส่งเสริมการปฏิบัติงานอย่างเท่าเทียมต่อเนื่อง โดยปีนี้จะมอบสวัสดิการเพิ่มสำหรับพนักงานที่มีความหลากหลาย เช่น ลาสมรส ไม่เกิน 6 วันต่อปี, ลาผ่าตัดแปลงเพศ ไม่เกิน 30 วันต่อปี, ลาฌาปนกิจคู่ชีวิต ไม่เกิน 15 วันต่อปี และลาเพื่อดูแลคู่ชีวิต-บุตรบุญธรรม ไม่เกิน 7 วันต่อปี”...ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ “เศรษฐา ทวีสิน” ย้ำความตั้งใจว่าทุกวันคือความเท่าเทียมของแสนสิริ
...
ด้านพันธมิตรหลัก “ชารัด เมห์โรทรา” ซีอีโอค่ายดีแทค กล่าวว่า ดีแทคยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงการขับเคลื่อนความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในองค์กรและสังคม ดีแทคประกาศนโยบายลาคลอด 6 เดือน ตั้งแต่ปี 2559 และออกนโยบายให้สวัสดิการเท่าเทียมสำหรับคู่รักเพศเดียวกัน ในปี 2564 เราหวังว่าความพยายามของดีแทคจะสร้างแรงบันดาลใจให้องค์กรธุรกิจอื่นๆในไทย
...
ตัวแทนจาก ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย “ณัฏฐิณี เนตรอำไพ” ซึ่งปลุกโลกโซเชียลด้วยแคมเปญท้าทายของ “Dove” รณรงค์ให้ยุติการลงโทษตัดผมนักเรียน ชี้ว่ายูนิลีเวอร์สามารถเลือกที่จะให้ความเสมอภาค และเราทำทุกอย่างในการปรับปรุงพัฒนาองค์กร เพื่อลดผลกระทบทางลบที่มาจากความไม่เท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนวิธีโฆษณา, การสรรหาพนักงาน, การประเมินผลเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ และพิจารณาค่าตอบแทน ภารกิจของเราคือการสร้างสถานที่ทำงานที่ให้ความเท่าเทียมกัน ซึ่งสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถ และตระหนักถึงคุณค่าขั้นพื้นฐานของผู้คนจากทุกเอกลักษณ์, ทุกภูมิหลัง และทุกสายอาชีพ โดยยูนิลีเวอร์ประเทศไทยมีผู้จัดการระดับกลางขึ้นไปที่เป็นผู้หญิงมากถึง 66% และเราทำงานกับ SME 131 บริษัท ที่บริหารโดยกลุ่มคนที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงทักษะ, แหล่งเงินทุน และเครือข่ายธุรกิจ.
...