ผู้ใช้บริการสตรีมมิงในสหราชอาณาจักร ตัดสินใจยกเลิกการใช้บริการเป็นจำนวนกว่า 1.5 ล้านบัญชี เนื่องจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
รายงานของสำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทมส์ เปิดเผยว่า ผู้ใช้บริการสตรีมมิงในสหราชอาณาจักร ยกเลิกการสมัครสมาชิกสตรีมมิงเจ้าใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์พลัส (Disney Plus), แอปเปิลทีวีพลัส (Apple TV Plus) และนาว (Now) รวมกันมากถึง 1.5 ล้านบัญชี
ข้อมูลดังกล่าวไฟแนนเชียล ไทมส์ อ้างอิงจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลที่มีชื่อว่า Kantar ของสหราชอาณาจักร ทั้งนี้ ทีมนักวิเคราะห์ ระบุว่า ผู้บริโภคต้องการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง ซึ่งเป็นการตอกย้ำกระแสขาลงของธุรกิจสตรีมมิงที่เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้น
ในช่วงของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลในทางบวกต่อธุรกิจสตรีมมิง เพราะผู้คนทั่วโลกต้องอยู่แต่ในบ้าน กิจกรรมนอกบ้านถูกยุติ ทำให้การดูภาพยนตร์หรือซีรีส์จากสตรีมมิงจึงเป็นทางเลือกแรกๆ จนอาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจสตรีมมิงถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยในระยะเวลาหลังจากนี้ อาจเป็นขาลงของสตรีมมิง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อัตราค่าบริการสตรีมมิงมีการปรับตัวสูงขึ้น ยิ่งเป็นการเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นออก ซึ่งนั่นก็คือค่าสตรีมมิง แล้วไปรับมือกับค่าใช้จ่ายจำเป็นด้านอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน, ค่าเสื้อผ้า, อาหาร อีกทั้งผู้ที่อาศัยในสหราชอาณาจักรยังต้องจ่ายค่าใบอนุญาตทีวีอีก 159 ปอนด์ต่อปี อีกด้วย
โดมินิก ซุนนีโบ ผู้อำนวยการข้อมูลเชิงลึกของ Kantar กล่าวว่า ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากอย่างสตรีมมิง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีสติมากขึ้นว่าจะเลือกสมัครสมาชิกของผู้ให้บริการรายใด โดยที่ผู้ให้บริการเหล่านั้นต้องพิสูจน์ตัวเองไม่น้อยว่าคู่ควรกับผู้ใช้บริการหรือไม่
...
จากการสำรวจ ผู้ใช้บริการ ระบุสาเหตุการยกเลิกการสมัครบริการ โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีเวลาดู และ แพลตฟอร์มขาดรายการใหม่ๆ ที่น่าสนใจ จนไม่มีความจำเป็นต้องเป็นสมาชิกต่อไป
Kantar อธิบายต่อไปว่า สตรีมมิงที่ผู้บริโภคยกเลิกมากที่สุดเป็นดิสนีย์พลัสจากค่ายดิสนีย์ ส่วนเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) และแอมะซอน ไพรม์ (Amazon Prime) มีอัตราการยกเลิกต่ำในไตรมาสที่ผ่านมา
ที่มา: FT