เพื่อสืบสานพระปณิธานสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้มีสุขภาพดี มีเป้าหมายบูรณาการองค์ความรู้ใหม่และสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ ทั้งในมิติของการส่งเสริมสุขภาพ รวมทั้งการป้องกันโรคตามหลักการ “สุขภาพหนึ่งเดียว” (one health) ซึ่งไม่ได้มีข้อจำกัดอยู่เฉพาะในคนเท่านั้น ยังเชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตระหว่างคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อมนั้น ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์และสัตววิทยาประยุกต์ หน่วยงานภายใต้การกำกับของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ร่วมกับ มูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม “วันช้างไทย 2565” เพื่อร่วมอนุรักษ์ช้างไทยที่เป็นสัตว์ประจำชาติ ตลอดจนความเป็นสัตว์สำคัญในระบบนิเวศและสัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมเสวนาเพื่อสุขภาพช้างไทย ในหัวข้อ “เทคโนโลยีช่วยช้างชราจากโรคได้อย่างไร?” เมื่อเร็วๆนี้

รศ.นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์และสัตววิทยาประยุกต์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ช้างเอเชีย เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่มีอายุยืนยาว โดยเฉลี่ยจะมีอายุได้มากถึง 70 ปี และหากมีการจัดการที่เหมาะสมก็อาจจะพบอายุขัยที่มากกว่านั้นได้ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกับอายุเฉลี่ยของมนุษย์ และเช่นเดียวกับคน เมื่อช้างมีอายุมากเกินกว่า 40 ปี หรือเริ่มสู่วัยชรา ก็จะสามารถพบความเจ็บป่วยได้มากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายตามอายุ หรือโรคที่อาจเป็นเรื้อรังแต่เพิ่งจะมาเริ่มแสดงอาการก็เป็นได้ โรคที่สามารถตรวจพบได้ในช้างชรา เช่นปัญหากระดูกและข้อ ปัญหาสุขภาพเท้า โรคทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ โรคไต หรือมะเร็ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม โรคบางโรคนั้นอาจเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการป่วยชัดเจน หรือช้างอาจซ่อนอาการจนกว่าภาวะความผิดปกตินั้นรุนแรง และหากไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างทันท่วงที มีโอกาสทำให้เสียชีวิตได้ยกตัวอย่างเช่น การตรวจพบนิ่วในไต หรือนิ่วกระเพาะปัสสาวะ จำเป็นต้องใช้วิธีการวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยสัตวแพทย์ โดยทั่วไปในคนหรือในสัตว์เลี้ยง จะใช้วิธีการทำอัลตราซาวนด์ร่วมกับการตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือดอย่างละเอียด ซึ่งในช้างข้อมูลตรงนี้ยังมีน้อยมาก

...

ด้าน นายสัตวแพทย์ฐิติพงษ์ ปลั่งแสงมาศ อาจารย์ประจำคณะสัตวแพทย ศาสตร์และสัตววิทยาประยุกต์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เผยว่า อัลตรา ซาวนด์ปัจจุบันถือเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วทุกพื้นที่ และมีความจำเป็นอย่างสูงในการรักษาสัตว์ ในการรักษาช้าง จึงเริ่มมีการนำอัลตราซาวนด์เข้ามาเป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยรวมถึงการทำงานวิจัยเพื่อตรวจความผิดปกติต่างๆภายในร่างกายช้างเพื่อให้ตรวจพบสาเหตุของการเจ็บป่วยได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำการรักษาได้ทันท่วงที และหากผลวิจัยมีแนวโน้มที่ดี ก็จะเป็นประโยชน์เพื่อให้สัตวแพทย์ทั่วโลก สามารถใช้การอัลตราซาวนด์มาประกอบการตรวจสุขภาพช้างอย่างสม่ำเสมอ ในการเฝ้าระวังโรคเชิงรุกในช้างอีกด้วย.