จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวถึง 7.3 แมกนิจูด ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนภัยว่าอาจเกิดคลื่นยักษ์สึนามิตามพื้นที่บริเวณชายฝั่งได้ โดยล่าสุดเช้านี้ญี่ปุ่นได้ยกเลิกเตือนภัยสึนามิแล้ว ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ได้เกิดขึ้นที่บ้านเรา แต่ก็ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่เคยเกิดขึ้น และถ้าหากบังเอิญว่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ควรต้องปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อป้องกันตนเองจากสึนามิ เรารวมข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์ข้อมูลข่าวสารกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มาให้ดังนี้
1. เมื่อรู้สึกว่ามีการสั่นไหวเกิดขึ้น ขณะที่อยู่ในทะเล หรือบริเวณชายฝั่ง ให้รีบออกจากบริเวณชายฝั่งไปยังบริเวณที่สูงทันที โดยไม่ต้องรอประกาศจากทางการ เพราะคลื่นสึนามิเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
2. เมื่อได้รับฟังประกาศจากทางการเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวบริเวณทะเลอันดามัน ให้เตรียมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดคลื่นสึนามิตามมาอย่างเร่งด่วน
3. สังเกตบริเวณชายฝั่ง หากทะเลมีการลดระดับของน้ำลงมาก หลังการเกิดแผ่นดินไหว ให้สันนิษฐานว่าอาจเกิดคลื่นสึนามิตามมาได้ ให้รีบอพยพคนในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงออกห่างจากฝั่งให้มากที่สุด และควรอยู่ในพื้นที่สูงที่น้ำท่วมไม่ถึง
4. ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือหรืออ่าว ให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล เนื่องจากคลื่นสึนามิที่อยู่ไกลจากชายฝั่งมากๆ จะมีขนาดเล็ก
5. คลื่นสึนามิอาจเกิดขึ้นได้หลายระลอกจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งเดียว เนื่องจากมีการแกว่งไปมาของน้ำทะเล ดังนั้นควรรอสักระยะเวลาหนึ่งจึงสามารถลงไปชายหาดได้
6. ติดตามการเสนอข่าวของทางราชการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
...
7. อย่าลงไปในชายหาดเพื่อดูคลื่นสึนามิ เพราะเมื่อเห็นคลื่นแล้วก็ใกล้เกินกว่าจะหลบหนีได้ทัน
8. คลื่นสึนามิในบริเวณหนึ่ง อาจมีขนาดเล็ก แต่อีกบริเวณหนึ่งอาจมีขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวการเกิดคลื่นสึนามิขนาดเล็กในสถานที่หนึ่ง จงอย่าประมาท ให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์
9. หากอยู่ที่โรงเรียน อย่าตื่นตระหนก ปฏิบัติตามคำแนะนำของครูอาจารย์ และไปรวมกับคนอื่นๆ บนพื้นที่สูง หรือที่ปลอดภัยอื่นๆ
10. หากอยู่ในรถ และอยู่ใกล้กับชายฝั่ง ให้หยุดรถแล้วออกจากรถทันที จากนั้นอพยพไปสู่พื้นที่สูง หรืออาคารสูงที่มั่นคง ไม่ควรหลบภัยในรถ
ผลกระทบจากคลื่นสึนามิ
หากเกิดสึนามิขึ้นจะส่งผลกระทบมากมายทั้งต่อผู้คนและทรัพย์สินอย่างมหาศาล ดังต่อไปนี้
ผลกระทบต่อผู้คน
- เสียชีวิตหรือสูญหาย
- บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น โดนไม้หรือสิ่งของกระแทก
- เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ หลังจากเกิดภัยสึนามิ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ โรคน้ำกัดเท้า
- สุขภาพจิตเสื่อม เนื่องจากการหวาดผวา หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลที่รักและทรัพย์สิน
- ขาดรายได้ เนื่องจากไม่สามารถทำงานได้ หรือธุรกิจการค้าต่างๆ หยุดชะงัก ทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ
ผลกระทบต่อทรัพย์สิน
- อาคารบ้านเรือน ร้านค้า โรงเรียน พื้นที่สาธารณสถาน และสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
- การสื่อสารระบบโทรคมนาคมถูกตัดขาด ไฟฟ้า น้ำประปา ได้รับความเสียหาย
- แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศชาติ
ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน ประเทศไทยเคยพบกับเหตุการณ์สึนามิที่บริเวณ 6 จังหวัดภาคใต้ คือ จังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง ระนอง และสตูล ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,400 คน บาดเจ็บกว่า 8,000 คน และสูญหายอีกจำนวนมาก ไม่รวมถึงความเสียหายด้านเศรษฐกิจและด้านสิ่งแวดล้อมอีกมหาศาล โดยเฉพาะประเทศไทยแล้ว สึนามิเป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ประสบเหตุไม่สามารถล่วงรู้เหตุการณ์มาก่อน จึงไม่มีการเตรียมพร้อม ทำให้ต้องสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
โดยเหตุการณ์สึนามิในครั้งนั้นเกิดจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในโลก ในรอบทศวรรษที่ 90 ในบริเวณทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ซึ่งวัดขนาดของแผ่นดินไหวได้ถึง 8.9 ริกเตอร์ ส่งผลให้เกิดภัยจากคลื่นสึนามิขึ้นที่ประเทศต่างๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย เมียนมา มัลดีฟส์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย แทนซาเนีย แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200,000 คน เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลคริสต์มาสและใกล้เฉลิมฉลองปีใหม่ จึงทำให้มีผู้คนทั่วโลกเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ.
...