นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ยูเครน” ในมุมของประเทศที่กำลังมีปมปัญหากับรัสเซีย แต่ในที่นี้เราจะพูดถึงประเทศยูเครนในมุมของจุดเด่นหลายๆ ด้านที่ทำให้รัสเซียอยากยึดอำนาจเป็นเจ้าของ ประเทศนี้มีที่มาและมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง เรารวบรวมมาให้แล้ว
ที่มาของประเทศยูเครน
ในอดีตประเทศยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตหรือรัสเซียในปัจจุบัน จากนั้นได้แยกตัวออกมาเป็นประเทศของตัวเองในปี 2534 หรือเมื่อ 30 ปีก่อน พร้อมเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยมีพื้นที่อยู่ในทวีปยุโรปตะวันออก มีเนื้อที่ทั้งหมด 603,628 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 47 ล้านคน เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศชื่อกรุงเคียฟ
พื้นที่ 58% ของประเทศยูเครนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เพราะมีภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มอุดมสมบูรณ์ โดยมีเทือกเขา Carpathian ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ มีแม่น้ำสำคัญๆ ของทวีปยุโรปไหลผ่าน ได้แก่ แม่น้ำดนีเปอร์ แม่น้ำดนีสเตอร์ และแม่น้ำดานูบ ซึ่งไหลลงสู่ทะเลดำ
...
ประเทศยูเครนมีอาณาเขตด้านทิศตะวันออกติดกับรัสเซีย ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศเบลารุส ส่วนทางด้านทิศเหนือติดกับประเทศโปแลนด์ สโลวาเกีย และฮังการี ด้านทิศตะวันตกติดกับประเทศโรมาเนีย และทางด้านทิศใต้ติดกับประเทศมอลโดวา โดยมีแนวชายฝั่งจรดกับทะเลอะซอฟและทะเลดำ
ยูเครนมีทรัพยากรธรรมชาติที่โดดเด่น
ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศยูเครนคือหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้รัสเซียไม่อยากแบ่งให้ใคร เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของประเทศแถบยุโรปมาหลายศตวรรษ เนื่องจากมีพื้นที่เกษตรกรรมถึง 70% ของทั้งประเทศ และมีสภาพดินดำที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การปลูกพืช โดยพืชผลทางการเกษตรที่ส่งออกหลักของประเทศยูเครน ได้แก่ เมล็ดดอกทานตะวัน ที่เป็นอันดับ 1 ในการผลิตของโลก, ข้าวโพด, ข้าวบาร์เลย์, ผักกาดก้านขาวที่นำมาทำเป็นน้ำมันคาโนลา, ข้าวสาลี, ถั่วเหลือง และธัญพืชอื่นๆ
นอกจากนี้ ประเทศยูเครนยังมีทรัพยากรน้ำมัน แร่ธาตุ และพลังงานสำคัญอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ก๊าซธรรมชาติ, ถ่านหิน, นิวเคลียร์, แร่เหล็ก, แมงกานีส และเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ที่ยังไม่ถูกใช้งาน จึงทำให้ประเทศยูเครนเป็นเขตอุตสาหกรรมหนักสำคัญจำนวนมาก ทั้งโรงงานเหล็ก โรงงานผลิตอาวุธ เครื่องจักร และเคมีภัณฑ์ต่างๆ
ที่สำคัญคือ ประเทศยูเครนมีทางออกที่เชื่อมสู่ทะเลดำ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการลำเลียงน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติของรัสเซียออกไปสู่ทั่วโลก ยิ่งรัสเซียจัดเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบอันดับสองของโลก รองจากซาอุดีอาระเบีย และเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ไปยังยุโรป ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจที่รัสเซียจะอยากได้ยูเครนมาครอบครองและไม่อยากแบ่งให้ใคร
ทัศนียภาพที่งดงามในประเทศยูเครน
จุดเด่นของประเทศยูเครนไม่ได้มีเพียงแค่ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามมากมาย เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางไปยังประเทศแปลกใหม่ที่ไม่ใช่กระแสหลักหลายคนเลยทีเดียว
เนื่องจากประเทศยูเครนตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันออกใกล้กับโปแลนด์และทวีปรัสเซีย จึงได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมจากทั้ง 2 ทวีปมาผสานกันอย่างลงตัว พร้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม จึงทำให้ยูเครนมีเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ในหลายๆ ด้าน โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่
1. กรุงเคียฟ
เมืองหลวงของประเทศยูเครนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนีเปอร์ ซึ่งในอดีตเป็นศูนย์กลางการค้าขายระหว่างทะเลบอลติก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางอารยธรรมในแถบนี้เลย ใครที่ชื่นชอบการเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าๆ จะต้องถูกใจที่นี่เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์เซนต์ ไมเคิล หรือโบสถ์เซนต์ โซเฟีย ที่ยังคงความสวยงามไว้ได้จนถึงทุกวันนี้
2. เมืองลวีฟ
...
เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังคงอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างในอดีตอย่างถนนแคบๆ ที่ปูด้วยหินหรืออาคารบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมแตกต่างกันได้เป็นอย่างดี ในอดีตลวีฟเคยเป็นเมืองหลวงของราชรัฐกาลิเซีย-โวลไฮเนีย และต่อมาก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และประเทศโปแลนด์ จึงทำให้เมืองนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
3. เทือกเขาคาร์เพเทียน
สายเที่ยวธรรมชาติถูกใจสิ่งนี้ เพราะเทือกเขาคาร์เพเทียนได้ชื่อว่าเป็น “ไข่มุกสีเขียวแห่งยูเครน” เพราะเต็มไปด้วยป่าไม้ ภูเขา และทุ่งหญ้าอันสวยงาม จึงเป็นเป็นศูนย์กลางของที่พัก รีสอร์ตเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
4. เชอร์โนบิล
หลายคนคงคุ้นหูกับชื่อนี้ และที่ผ่านมาอาจคิดว่าตั้งอยู่ที่รัสเซีย แต่ความจริงแล้วโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลตั้งอยู่ในเขตของเมืองพริเพียต ประเทศยูเครน โดยในสมัยที่ยังเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต ได้เกิดอุบัติเหตุระเบิดขึ้นในปี 2529 และสร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ซึ่งในวันนี้เชอร์โนบิลยังคงถูกทิ้งร้าง เพื่อกำจัดพลูโตเนียมที่แพร่กระจายปกคลุมไปทุกหนแห่ง โดยคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 300 ปี เพื่อให้เมืองกลับมาดังเดิม และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ในยูเครนที่ดึงดูดคนชอบความท้าทายให้มาท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง
5. เมืองเคลเว่น
เป็นเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดริฟเน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศยูเครน ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาจาก อุโมงค์แห่งความรัก (Tunnel of Love) ที่หลายคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว ในอดีตเส้นทางนี้ถูกใช้เป็นเส้นทางของการขนส่งอุตสาหกรรมโรงถลุงเหล็ก แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในยูเครน
...
ความจริงแล้วประเทศยูเครนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมายให้น่าค้นหา และน่าเสียดายไม่น้อยหากสถานที่เหล่านี้จะถูกทำลายลงเพราะสงคราม เราได้แต่หวังว่าสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนจะจบลงในเร็ววัน เพื่อคืนความสงบสุขให้แก่ชีวิตของประชาชนชาวยูเครนได้กลับมาดังเดิม
ที่มา: Aljazeera.com, Agweb.com, trade.gov