⦁ Garnier แบรนด์ความงาม ได้รายงานผลประจำปี One Green Step เผยให้เห็นถึงความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ และความรู้สึกของคนแต่ละรุ่นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม จากจำนวน 29,000 คน จาก 9 ประเทศ

⦁ 83% ของคนทั่วโลก ต้องการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น แต่มีเพียง 5% เท่านั้นที่คิดว่าทำได้แล้ว และมีเพียง 30% เท่านั้นที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำเพื่อโลกใบนี้ ซึ่งอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ได้แก่ การขาดทางเลือก การขาดข้อมูลและข้อจำกัดทางการเงิน

⦁ แบรนด์การ์นิเย่ ซึ่งเป็นผู้นำเรื่อง Green Beauty สวยใส่ใจโลก ได้คิดริเริ่มเปิดตัวแคมเปญใหม่เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้แบ่งปันประสบการณ์ก้าวแรกเพื่อโลกสวย (One Green Step) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนแบบต่อเนื่อง จากการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม และแบ่งปันประสบการณ์แต่ละครั้ง โดยการ์นิเย่จะมอบเงินทุนให้กับองค์กร Plastics for Change พร้อมรีไซเคิลขวดพลาสติกจำนวน 2 ล้านขวด

⦁ พร้อมกันนี้การ์นิเย่ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมที่ไม่ต้องใช้น้ำในการล้างออกเพื่อประโยชน์ของโลกเรา ซึ่งผลิตในโรงงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ใช้น้ำหมุนเวียน และไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2565 มีผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นถึง 83% (เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าเพียง 81%)

ตามรายงานประจำปี One Green Step ครั้งที่ 2 จากผลสำรวจ 29,000 คนที่มีอายุระหว่าง 6 ถึง 60 ปีขึ้นไปใน 9 ประเทศ ความตั้งใจเพื่อสิ่งแวดล้อมในประเทศสหรัฐอเมริกาและเยอรมนีเพิ่มมากที่สุด และเกือบ 9 ใน 10 ของผู้ใหญ่ในกลุ่มสำรวจ (88%) เห็นด้วยว่าในปีที่ผ่านมาแคมเปญนี้ส่งผลให้พวกเขามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

รายงานนี้ซึ่งจัดทำโดยการ์นิเย่ มีการจัดทำแผนภูมิของความตั้งใจสำหรับความยั่งยืนในปี 2565 และมีการเปรียบเทียบข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในปีที่แล้วกับปีนี้ ซึ่งได้พบว่าตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับความตั้งใจนี้ ได้แก่ ความตระหนักที่มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (โดยรวม 40% เพิ่มขึ้นเป็น 54% ในอินโดนีเซียและลดลงเหลือ 33% ในสหรัฐอเมริกา) รวมถึงความต้องการในการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยตนเอง (37%) ในปี 2564

ครอบครัวเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันโดยเกือบ 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลก (30%) ระบุว่าพวกเขาต้องการปกป้องอนาคตของลูกหลานให้ยั่งยืนมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเป็น 35% ในบราซิล และ 16% กล่าวว่าการมีลูกทำให้พวกเขาตระหนักว่าต้องลงมือทำเพื่อความยั่งยืน


ในช่วงปี พ.ศ. 2564 คนได้ใช้วิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การรีไซเคิลมากขึ้น (61%) และการอาบน้ำโดยใช้เวลาที่น้อยกว่าเดิม (42%) ซึ่งการผลักดันให้มีการลดการใช้พลาสติกยังคงเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่คำนึงถึง โดยยังพบว่า 67% ให้คำมั่นว่าจะลดการใช้พลาสติก อย่างไรก็ตามมีเพียง 5% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่คิดว่าตนเองได้ใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว โดยมากกว่า 1 ใน 8 กล่าวว่าพวกเขารู้สึกลำบากที่จะใช้ชีวิตแบบยั่งยืน และมีเพียง 30% เท่านั้นที่บอกว่าพวกเขาพร้อมที่จะดำเนินการเพื่อโลกใบนี้

ในปีนี้ Garnier จะขยายแคมเปญ Green Beauty เพื่อช่วยให้ผู้คนหันมาเริ่มใส่ใจโลก (Green Step) และ ในปี 2565 ได้กระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างแท้จริง (One Green Step) และสำหรับแบรนด์ความงามรายใหญ่อันดับสี่ของโลกได้ให้คำมั่นว่าจะรีไซเคิลขวดพลาสติก 2 ล้านขวด โดยแต่ละการดำเนินการของผู้บริโภคที่แชร์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนบุคคลแบรนด์จะนับการรีไซเคิลสูงสุด 10 ขวด

แคมเปญออนไลน์จะเปิดตัวพร้อมวิดีโอที่จูงใจเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และผลักดันเงินทุนที่เพิ่มขึ้นให้กับองค์กร NGO Plastics for Change ซึ่งเป็นพันธมิตรระยะยาวของแบรนด์ โดย 82% ของเงินทุนจะมอบให้กับองค์กร Plastic for Change ผู้รวบรวมขยะพลาสติกในอินเดีย 10% ของเงินทุนจะนำไปใช้ในการดูแลและให้ความรู้แก่พวกเขาและครอบครัว และอีก 8% ที่เหลือจะนำไปใช้เพื่อการขนส่งและการดำเนินงานสำหรับการรีไซเคิลพลาสติก ซึ่งเว็บไซต์ของการ์นิเย่จะมีคำแนะนำต่างๆ สำหรับการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อความยั่งยืน

ล่าสุดการ์นิเย่ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่โดยใช้วิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Sciences) เป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับแบรนด์ในตลาดมวลชน ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยประหยัดน้ำได้ 100 ลิตรต่อหลอด ครีมนวดนี้ผลิตขึ้นในโรงงานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นโรงงานที่ใช้ระบบน้ำวนที่ทันสมัย

นอกจากนี้ การ์นิเย่ ไมเซล่า วอเตอร์ มีสูตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้รับการรับรองว่าไม่ทดลองกับสัตว์ ยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้เพราะขวดทำจากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดน้ำเนื่องจากไม่จำเป็นต้องล้างออกหลังจากใช้

ข้อมูลเกี่ยวกับการ์นิเย่

⦁ จัดจำหน่ายใน 64 ประเทศ โดยแต่ละปีได้ผลิตผลิตภัณฑ์ราว 1.8 พันล้านชิ้น

⦁ สินค้าการ์นิเย่ทั้งหมดได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก  Cruelty Free International ให้สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Cruelty Free International Leaping Bunny ได้

⦁ การ์นิเย่ได้เดินหน้ายกระดับแบรนด์สู่ ‘Green Beauty’ เพื่อสร้างความงามเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ในทุกๆ ห่วงโซ่คุณค่าด้วยความใส่ใจโลก ต้องการลดผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ด้วยคำมั่นสัญญา โดยตั้งเป้าหมายหลายด้าน อาทิ
บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและรีไซเคิลได้

⦁ ภายในปี 2568 ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของการ์นิเย่จะใช้พลาสติกรีไซเคิลทั้งหมด และจะสามารถนำไปรีไซเคิล เติมใหม่ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด มุ่งมั่นในการช่วยลดการใช้พลาสติกจำนวน 40,000 ตันได้ในทุกๆ ปี

สูตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสะอาด

⦁ ภายในปี 2565 จัดหาวัตถุดิบทดแทนได้

⦁ ภายในปี 2568 มุ่งมั่นพัฒนาสูตรใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิต

⦁ ภายในปี 2568 โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดจะมีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ใช้พลังงานทดแทนในการผลิตเท่านั้น

⦁ โรงงานผลิตของการ์นิเย่ได้ลดปริมาณการปล่อยการคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 72%
การจัดซื้อวัตถุดิบที่สนับสนุนชุมชน

⦁ ปี 2568 การ์นิเย่มีโครงการสนับสนุนให้ชุมชน 1,000 แห่งทั่วโลก เข้าร่วมโครงการจัดหาวัตถุดิบอย่างเป็นธรรม ซึ่งทุกวันนี้ การ์นิเย่ได้บรรลุความมุ่งมั่นหลายประการ…

⦁ ใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า (3,670 ตัน ในปี 2562 และ 9,019 ตัน ในปี 2563)

⦁ เกือบครึ่ง (49%) ของโรงงานผลิตของเราทั้งหมด มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (เพิ่มขึ้น 7 โรงงานจากปี 2562)

⦁ เราส่งเสริมให้ชุมชน 787 แห่งเข้าร่วมโครงการจัดหาวัตถุดิบของเรา (ในขณะที่ปี 2562 มีเพียง 670 ชุมชน)

⦁ 97% ของสินค้าใหม่ หรือสินค้าที่ปรับปรุงสูตร เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

⦁ 99% ไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ (Vegan)

การ์นิเย่ได้ร่วมมือกับองค์กร NGO เพื่อป้องกันผลกระทบจากมลภาวะจากพลาสติก

⦁ Ocean Conservancy ช่วยเหลือด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

⦁ Plastics For Change ช่วยเหลือด้านผลกระทบต่อสังคม

“Garnier Green Beauty” หรือ “การ์นิเย่ สวยใส่ใจโลก” ยังคงมุ่งเน้นสรรสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อความงามที่ยั่งยืน เช่น

⦁ การ์นิเย่ ไมเซล่า คลีนซิ่ง วอเตอร์ : ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ 100% และสูตรเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ทดสอบกับสัตว์ (cruelty free)


⦁ การ์นิเย่ ซากุระ โกลว์ วอเตอร์โกลว์ เอสเซนส์ : ผลิตภัณฑ์เอสเซนส์บำรุงผิวหน้าที่มีบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ 100% และสูตรเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ไม่ทดสอบกับสัตว์ (cruelty free)

⦁ การ์นิเย่ แอมพูล มาส์ก : แผ่นมาส์กย่อยสลายได้ และสูตรวีแกนไม่มีส่วนผสมที่มาจากสัตว์ รวมถึงไม่ทดสอบกับสัตว์ (cruelty free)

ในอนาคตอันใกล้นี้ การ์นิเย่จะมีการเปิดตัวฉลากผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ระบุผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมทั่วโลก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแจ้งให้ผู้บริโภคทราบถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยให้พวกเขาตัดสินใจเลือกได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น การติดฉลากนี้จะให้คะแนนความยั่งยืนแก่ผลิตภัณฑ์แต่ละรายการตั้งแต่ A ถึง E โดยผลิตภัณฑ์ที่มีป้ายกำกับ 'A' ถือว่าดีที่สุดในระดับเดียวกัน คะแนนนี้พิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม 14 ประการ ตั้งแต่การจัดหา การผลิต การขนส่ง การใช้ และความสามารถในการรีไซเคิล ข้อมูลได้รับการยืนยันโดย Bureau Veritas Certification ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบอิสระ