ด้วยใจรักและแน่วแน่ที่จะอนุรักษ์ผ้าไทย และสืบสานพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทำให้ ม.ล.ดาว–ปุญยนุช เกษมสันต์ ดุลยจินดา ซึ่งก่อตั้งและเป็นประธาน ชมรมเพลินไทย สมัยนิยม ทุ่มเทจัดประกวด “ภาพเก่า...เล่าเรื่องภูษาไทย” โดยให้รื้อภาพที่เคยแต่งผ้าไทยส่งมาประกวดทาง facebook สานสายใจเพลินไทย สมัยนิยม ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สมาชิกตอบรับคับคั่ง และพร้อมเพรียงกันหาผ้าไทยที่ดีที่สุดสวยที่สุดของตัวเองมาใส่กันเต็มเหนี่ยวในวันตัดสินรอบชิงชนะเลิศ

เริ่มจากประธานชมรม ใส่ชุดไทยศิวาลัย ผ้ายกสีฟ้าปักเลื่อม ห่มทับด้วยผ้าสไบผ้าพื้นย้อมสีคราม ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ก้านแย่งลายขอ กรวยเชิง 1 ชั้น ปักด้วยไหมน้อยขึงสะดึง มูลค่าหลายแสน ฝีมือ อาจารย์สรพล ถีระวงษ์ ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม 2560 สาขาพัสตราภรณ์โบราณ สำหรับผู้ชนะเลิศ “นุ่งห่มสมศิลป์ ถิ่นล้านนา” มัทนี สิทธิพรพล ใส่ผ้าซิ่นศิลปะเชียงแสน ที่ทอใหม่ตามต้นแบบ ที่พบในพระคลังข้างที่ สันนิษฐานว่าเป็นซิ่นบรรณาการที่เชียงแสนสู่มายังสยามตัวซิ่นเป็นไหมบ้านผสมไหมคำ และแร่ง เชิงจกลายโคม ไหมสอดดิ้นทอง ลายหลักในจก เป็นลายประจำยาม เอกลักษณ์ของราชสำนักสยาม และ ณัฐฉรา พูลเกษ ที่ได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง “มนต์เสน่ห์ผ้าไทย สู่การอนุรักษ์” ใส่ชุดไทยจักรพรรดิ ผ้าสไบปักด้วยดิ้นทองโบราณ ประดับพลอยนพเก้าและปีกแมลงทับ ฝีมือช่าง 10 หมู่ ที่อนุรักษ์ลายไว้อย่างครบถ้วน ผ้านุ่งเป็นผ้าทอลายโบราณ ยกเส้นทอง ขอบสังเวียน เชิงกรวย จากกรุผ้า อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย

...

ผู้ได้รางวัลอื่นๆ มี อาทิ อมตา จิตตะเสนีย์ (แพรี่พาย) ชนะเลิศ “มนต์เสน่ห์ผ้าไทย สู่การอนุรักษ์” ด้วยชุดกลางวันแบบสมัยใหม่ ตัดเย็บด้วยผ้าลายขอ “เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” สีส้มโอลด์โรส และ กรชนินทร์ บุณยเกียรติ เป็นเจ้านางเมือง เชียงตุง ด้วยซิ่นไหมคำ หรือซิ่นบัวคำ ที่เรียกตามเชิงซิ่นที่ปักดิ้นทองเป็นรูปบัวคว่ำ-บัวหงาย ประดับอัญมณี และโลหะมีค่า ตัวซิ่นทอยกมุก ด้วยไหมคำ คือการนำทองมารีดเป็นเส้นยาว แล้วควั่นตีเกลียวรวมกับเส้นไหม จึงนำมาทอเป็นผืนผ้า สุมิตรา กิจกำจาย ใส่ผ้ายกทองที่มีลวดลายมากมาย ตามแบบฉบับสกุลช่างเมืองนครศรีธรรมราชที่ปรากฏในผ้าผืนนี้ คือลาย “ราชวัตรแย่งกินรีรำดอกในโคม พุ่มข้าวบิณฑ์ เทพนม”

มนัศรา จางจำรัส รองชนะเลิศอันดับ 1 นุ่งห่มสมศิลป์ ถิ่นล้านนา มาในชุดชาวเหนืออย่างในราชสำนักเชียงใหม่ ยุครัชกาลที่ 5 ผ้านุ่งตีนจกไหมคำที่ถือกันว่าเป็นหนึ่งในห้าของ นางพญาผ้าซิ่น สวมคู่กับเสื้อลูกไม้สไตล์ยุโรป พาดด้วยสไบดิ้นทอง และเครื่องทองโบราณ-สุโขทัย และ ศศิวิมล ดารารัตนโรจน์ ผู้ชนะเลิศที่ 1 หัวข้อ “แพรพรรณไทย ปลายด้ามขวาน” ที่มาในชุดเจ้าสาว “ครุยยาว” หรือที่เรียกกันว่า “บาจูปันจัง” ในภาษามลายู ซึ่งนิยมแต่งกันตามประเพณีชาติพันธุ์บาบ๋า ที่กลายมาเป็นวัฒนธรรมร่วมกันของหลายจังหวัดในฝั่งทะเลอันดามัน และงามเด่นยิ่งด้วยเครื่องทองประดับเพชรซีกโบราณอายุกว่าร้อยปี ของตระกูลตัณฑวณิชแห่งภูเก็ต--แต่ละนางจึงงามวิจิตรตระการตาด้วยผ้าไทย ทำให้องคมนตรี ดร.จรัลธาดา กรรณสูต ประธานงาน ชมว่าตั้งแต่ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวร ถือเป็นงานแรกที่เอกชนจัดงานส่งเสริมให้คนนิยมผ้าไทย และจัดงานได้ดี.

———————

จากสาวเก่งหลายบทบาท หลังจากแต่งงาน มัดมุก–แพรดาว เหตระกูล ก็ทุ่มเทเวลาเลี้ยงลูกชาย น้องไทคูน เป็นหลัก พอลูกพ้นวัยเบบี๋ เป็น toddler คุณแม่มัดมุก ก็ว่างมากขึ้น และอยากหาอะไรทำ แต่สามี แดน อยากให้อยู่บ้านเลี้ยงลูกมากกว่า ซึ่งขัดกับนิสัยของ คุณมัดมุก ที่อยู่เฉยๆไม่ได้ แต่ก็ต้องยอม เพราะเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน เพราะถูกโควิดสกัด ติดขัดไปหมด

...

จนปลายปีที่ผ่านมา คุณมัดมุก ก็ค้นพบงานที่ชอบ จึงเปิดตัวแบรนด์ Gialenice (เจียระไน) ขายเพชรพลอย ทางออนไลน์ และ LIVE ผ่านอินสตาแกรม @gialenice และ @mutmookpraedao ถ้าใครดูแล้วชอบ ก็นัดเอาของจริงไปให้ลอง ทำมาไม่ถึงปี คุณมัดมุก ก็ประสบความสำเร็จ เพราะแบบสวยและราคาดี

พอมีคนถามว่า ทำยังไง คุณแดน จึงยอม คุณมัดมุก ตอบว่า เริ่มจาก มัดมุก ว่างมาก ก็ช็อปปิ้งแก้เหงา แต่ก็เลือกซื้อของที่มูลค่าไม่หาย เช่น เพชร ซึ่ง คุณแดน ก็สนับสนุน จนวันหนึ่ง มัดมุก อยากได้แหวนมาคี แต่คราวนี้ คุณแดน ไม่เออออง่ายๆ เพราะเป็นเพชร 13 กะรัต GIA ราคา 9 หลัก จึงให้ คุณมัดมุก ไปศึกษาเรื่องเพชรมาให้ดีๆก่อนว่าจะกำไรหรือขาดทุนกันแน่ พอฟัง คุณมัดมุก บรรยาย คุณแดน เลยจ่ายหนักกว่าเดิมหลายเท่า เพราะกลายเป็น partner หลังเชื่อมือภรรยาว่าไปได้ดี เพราะลูกค้าที่ประเดิมให้ ซื้อไปรวมกันประมาณ 9 ล้าน.

โสมชบา

...